พระบูชา หน้าตัก๕นิ้ว
หลวงพ่อวิชัย วัดแม่สะลาบ จ.เชียงใหม่
ศิษย์หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
และ หลวงปู่ดู่วัดสะแก
(เนื้อเงินยวง) สร้างปี พ.ศ. 2549 🌖
รูปหล่อ หลวงปู่พระคุปคุต มหาลาภ ปราบมาร
เนื้อโลหะเงินยวง ปิดทองคำ 4จุด
ใต้ฐานยังคงมีดิน
ที่ใช้สำหรับหล่อเนื้อพระบรรจุใต้ฐาน
แน่นเต็มเนื้อ
เริ่มจัดสร้าง เมื่อ ปี2549
และได้เข้าพิธีมาเรื่อยๆ หลายวาระ หลายพิธีมาก
ตลอดมา ตั้งแต่ ปี2549
เมื่อมีปลุกเสกหรือพิธีใดๆ ก็ตาม
จวบจนถึง ปี2564 ได้นำส่วนที่เก็บไว้
นำมาออกให้บูชา
ระยะ ปลุกเสกเข้าพิธี
ตั้งแต่ ปี2549 ถึง ปี2564
น่าจะ ราวๆ 13-14 ปี
สุดยอดขนาดไหนคิดตามพิจรณาดู
จะหาได้ที่ไหนที่เข้าพิธีเยอะขนาดนี้
เอาแค่ว่า
ถ้าสมมุติเป็นเราๆท่านๆ
นำเชิญไปเข้าพิธีเองตะเวนไปเรื่อยๆ
จะขนาดไหน บากบั่นมากๆ
ระยะเวลาขนาดนั้น
แต่นี้ท่านทำไว้ให้แล้ว
เงินยวง ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Palladium"
(แพลเลเดียม)เป็นโลหะมีค่าที่หายาก
เหมือนทองคำอยู่ในกลุ่มแพลตินัม"สีเงิน"คุณสมบัติเหนียว
มีความวาวโดยธรรมชาติคล้ายกับปรอท
#เงินยวง
มีสีเงินขาวเป็น ยวงคล้ายกับปรอท
มีความแวววาวเหมือนโลหะ
มีฤาษีชั้นพรหมดูแลรักษาอยู่
#อานุภาพทางแคล้วคลาด
ส่วนมากผู้ที่มีไว้ในครอบครอง
จะนำไปหลอมสร้างพระเครื่อง
เพราะเชื่อกันว่าอนุภาพของเงินยวง
มีพลังความศักดิ์สิทธิ์ในองค์เอง
ทำลายอวิชาต่างๆได้ดี และปรับ
อุณหภูมิภายในร่างกายให้กับเจ้าของ
ใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค ป้องกัน คุณไสย์
และมนต์ดำต่างไปได้ดี เป็นมหาอุด
และช่วยเสริมดวง บารมี โชคลาภด้วย
#แหล่งที่มา อ.คลองท่อม จ.กระบี่
(ขุดเจอแล้วนำมาหลอมใหม่เพื่อความสวยงาม)
เป็นความโชคดีของชาวคลองท่อม จ.กระบี่ ที่มีแร่ธาตุที่ชื่อว่า"เงินยวง"ได้ปรากฏขึ้นที่บริเวณท่าน้ำวัดคลองท่อม จ.กระบี่ ตอนแรกชาวบ้านก็ได้หาเงินยวงกันอย่างครึกครื้นบางคนก็เจอเยอะ บางคนก็เจอน้อย ส่วนบางคนก็ไม่เจอเลย แล้วแต่บุญ และวาสนาของแต่ละบุคคลครับ
ปัจจุบันนี้เงินยวงจากแหล่งธรรมชาติเริ่มจะขุดหายากขึ้นครับ
หรือถ้ามีมาเงินยวงที่บริสุทธิ์ไม่มีส่วนผสมใดๆจะมีน้อยมาก
------
คาถาพระอุปคุตผูกมาร
มหาอุปะคุตโต มหาอุปะคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมัง ทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ
คาถาพระอุปคุตผูกมารนี้ นับเป็นคาถาที่มีอานุภาพมากที่สุด ดังปรากฏในประวัติของท่าน ตอนพระอุปคุตเถระผูกมารโดยบริกรรมคาถาเนรมิตเป็นซากสุนัข เน่าเหม็นมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยไปผูกติดกับคอพญามาร แล้วเปล่งวาจาสิทธิ์ว่า แม้เทวดาและพรหมไม่สามารถปลดเปลื้องได้ และ พระอุปคุตยังเอาผ้ารัดอกของท่านออกมาพันคอพญามารผูกติดกับภูเขาอยู่นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วันจนกระทั่งพระเจ้าอโศกมหาราชทำการฉลองสมโภชพระสถูปเสร็จสิ้น พระอุปคุตเถระจึงค่อยแก้พันธนาการออกจากคอพญามาร ให้เป็นอิสระกลับสู่วิมานของตน คาถาพระมหาอุปคุตผูกมารมีอานุภาพความ ศักดิ์สิทธิ์ มาก เสกด้วยสายสิญจน์ทำเป็นมงคลสวมคอ หากปลุกเสกครบ ๑๐๘ ครั้ง สามารถป้องกันภูตผีปีศาจทั้งปวง และป้องกันอุปัทวะอันตรายต่างๆ
ถ้าเสก ๓ –๗ คาบ ผูกคอหรือคล้องคอคนถูกผีเข้าสิง จะเจ็บปวดร้องครวญครางโหยหวนอย่างน่าเวทนา ถ้าจะให้ผีที่สิงอยู่ออกไป ให้ถอดหรือแก้ด้ายผูกคอออก แล้วเอาด้ายนี้ตีปัดตามตัวผู้ที่ถูกผีสิง ผีจะอยู่ไม่ได้ และไม่กล้ากลับมารบกวนคนในบ้านอีก
ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน (บูชาพระอุปคุต)
ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน หรือที่ชาวเหนือเรียกกันว่า “ประเพณีเพ็งพุธ” (คำว่า “เพ็ง” เป็นคำพื้นเมือง มีความหมายว่า คืนวันเพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง) นับเป็นประเพณีที่ดีงามของชาวล้านนา ซึ่งหมายถึงดินแดนทางภาคเหนือของประเทศไทย ในอดีตอาณาจักรล้านนาต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ตั้งแต่คราวที่พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่ายกทัพมาตี เมื่อปี พ.ศ.๒๑๐๑ เรื่อยมาเป็นระยะเวลานานเกือบ ๒๐๐ ปี ดังนั้น ประเพณีวัฒนธรรมของล้านนาจึงมีลักษณะการผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียมของไทลื้อ (ในมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีน) กับชาวไทใหญ่ในรัฐฉานของพม่า อิทธิพลดังกล่าวได้แทรกซึมไปถึงความเชื่อ ความศรัทธาของชาวล้านนาอย่างแนบแน่น
Cr .ธรรมะ วัดแม่สะลาบ อ.สาภี จ.เชียงใหม่#
-------
**************
*ผู้หลอกมาร
**************
ถาม : เราเห็นพระพุทธเจ้า
เราไม่มั่นใจว่าองค์จริงหรือองค์ปลอม ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ
เรามั่นใจของเราก็ใช้ได้
จะเป็นองค์จริงองค์ปลอมก็ช่างเถอะ
ขอให้มาก็เหมาว่าใช่ทั้งนั้น
เพราะว่ากำลังใจของเรามุ่งตรงต่อพระพุทธเจ้า
ต่อให้บุคคลนั้นที่มาไม่ใช่พระพุทธเจ้า
ก็เรื่องของเขา แต่เราว่าใช่
แบบเดียวกับพระอุปคุตกราบพญามาร
หลังจากทรมานพญามาร
จนละพยศจนยอมรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เป็นที่พึ่งแล้ว
พระอุปคุตท่านเกิดหลังพุทธกาล ๓๐๐ กว่าปี
ท่านบอกว่าท่านไม่เคยเห็นกายเนื้อ
ของพระพุทธเจ้า เห็นแต่ธรรมกาย
หรือกายทิพย์เท่านั้น ก็คือกายพระวิสุทธิเทพ
ก็เลยขอร้องพญามารที่ได้เห็นกายเนื้อ
เพราะว่าผจญกันมาตั้งแต่แรก
ว่าช่วยเนรมิตกายเนื้อของพระพุทธเจ้า
ให้ดูหน่อยได้ไหม ?
พญามารก็บอกว่าได้ แต่ขออย่างเดียวว่า
ถ้าท่านเนรมิตกายเป็นพระพุทธเจ้าแล้วอย่าไหว้ท่าน
เพราะโทษใหญ่จะเกิดแก่ท่าน
พระอุปคุตก็รับปาก พญามารเดินหลบไปหลังภูเขา
กลับออกมากลายเป็นพระพุทธเจ้า
พร้อมกับฉัพพรรณรังสี มีอัครสาวกซ้ายขวา
พร้อมกับพระสงฆ์บริวารเป็นหมื่นเป็นแสน
เห็นหรือยังว่าคน ๆ เดียวเนรมิตได้เยอะขนาดนั้น
พระอุปคุตพร้อมด้วยหมู่สงฆ์
และพระเจ้าอโศกมหาราชกับบริวารทั้งหมด
เห็นก็คุกเข่ากราบ พญามารตกใจคืนร่างเดิม
“พระคุณเจ้าไหนรับปากแล้วว่าอย่ากราบ
ทำไมถึงกราบ เกิดโทษใหญ่แก่ข้าพเจ้าแล้ว”
พระอุปคุตบอกว่าไม่เกิดโทษหรอก
เพราะใจของท่านมุ่งตรงต่อองค์
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ได้กราบพญามาร
ลักษณะของเราก็เหมือนกัน
ท่านจะมาเป็นใครก็ช่าง
เรานึกถึงพระเรากราบก็แล้วกัน
พูดง่าย ๆว่าใครเขามาก็ช่าง
ใจเรามุ่งตรงเป้าเดิม ในเมื่อใจของเรามุ่งตรงเป้าเดิม
โอกาสพลาดมีน้อยมาก
มัวแต่ระแวงอยู่ก็ไม่ได้อะไร
ถึงบอกว่านักปฏิบัติต้องมีปัญญา
ทำอย่างไรถึงจะเลือกในสิ่งที่ทำให้กาย วาจา ใจ
ของเราเจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php...