ผืนเเล็ก
ขนาด ๓๑ x ๑๕ x ๓๕ เซนติเมตร
โดยทั้งนี้หลังจากจบ
พิธีพุทธาภิเษก
วัตถุมงคล ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓
ได้กราบสอบถามถึงพิธี
จากพระอาจารย์เอกลักษณ์
ที่ได้นิมนต์มาร่วมพิธีพุทธาพิเสก
พระอาจารย์เจ้าอาวาส : งานนี้เป็นไงบ้างครับ ?
พระอาจารย์เอกลักษณ์ : คุณเอยพระคุณหลวงพ่อเล็ก
ท่านเสกไว้ดีมาก ผมก็เสกไม่เข้าเลย
ผมแค่ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วงสงเคราะห์เพิ่ม
------
อีกทั้งพิธี นี้ยังมีได้ อัญเชิญ ไม้เท้า ไม้ครู
ของครูบาจารย์มาร่วมเป็นประธานปลุกเสก
อาทิ เช่น
ไม่เท้า หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ไม้ครู หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เป็นต้น
------------
หลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ (บรมครูของ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค)ท่านมาสงเคราะห์ เสก วัตถุมงคลกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่เมตตาสงเคราะห์วัตถุมงคลให้มีอานุภาพ ตามสายวิชา ให้เป็นกรณีพิเศษครับ#กราบเมตตาในปรมาจารย์ในสาย #ที่เมตตามาให้การสงเคราะห์วัตถุมงคลพระอาจารย์เล่าว่า “งานพุทธาภิเษกที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากครูบาอาจารย์ที่มาสงเคราะห์ตามปกติแล้ว ก็มีระดับท่านอาจารย์ปู่ก็คือ หลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ มาด้วย อาตมาเองดีใจมากเพราะว่าโดยปกติแล้วลืม หลวงปู่สุ่น เป็นเหลนศิษย์ที่น่าเตะมาก..ปู่ทวดทั้งองค์ลืมได้ ! เพราะว่าตอนกราบอาราธนาบารมีพระ ก็จะไล่จาก สมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดระฆัง หลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ก็คือมาตามลำดับสายครูบาอาจารย์ แต่ลืม หลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ ที่เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ปานไป ท่านมาสงเคราะห์เตือนว่างานของท่านอย่าลืมไปด้วย ความจริงท่านไม่ต้องเตือนอาตมาก็เต็มใจไปอยู่แล้ว คราวนี้ด้วยความที่ท่านเมตตามา ก็เลยขอท่านสงเคราะห์เรื่องของวัตถุมงคลที่ ดร.พระครูโรจน์ท่านทำเอาไว้เป็นคันรถ""แต่อย่างสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ส่วนใหญ่กราบขอบารมีพระสงเคราะห์ ลงมาตูมเดียวสายอื่นหายเกลี้ยง เพราะไม่มีกำลังอะไรจะสูงกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว
แต่ด้วยความที่อาตมาศึกษามามาก ก็เลยไปตกอยู่ในลักษณะภาษิตโบราณที่ว่า ‘รู้มากก็ยากนาน’ รู้มากแล้วเสียดาย #ของแต่ละอย่างกระแสต้องเป็นอย่างนี้..#กำลังต้องใช้แบบนี้..#จัดให้เขาไป #อีกอย่างเป็นแบบนี้..#ใช้แบบนี้..#ทำแบบนี้..#จัดให้เขาไป เสร็จพิธีตัวเองจะสลบไสล เพราะฉะนั้นต่อไปถ้ารำคาญขึ้นมาก็จะใช้วิธีสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คืออาราธนาบารมีพระลงอย่างเดียวเลย ที่เหลือเราจะได้ไม่เหนื่อย ส่วนลงไปแล้วเหลืออะไรไม่เหลืออะไรก็เรื่องของเขา เพราะฉะนั้นขึ้นกับอยู่กับว่าตอนนั้นอารมณ์ดีหรือเปล่า..! โยมลองนึกถึงด้ายที่พันกันอีรุงตุงนัง แล้วเราต้องค่อย ๆ ไปแกะจัดเรียงใหม่ ต้องใจเย็นมาก ค่อย ๆ จัด ค่อย ๆ เรียง ค่อย ๆ คลี่คลาย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดตามสายวิชาของครูบาอาจารย์ของเขา ถ้าหากว่าโยมไปดูในเว็บวัดท่าขนุน จะเห็นว่าอาตมาทำตารางครูบาอาจารย์ในสายธรรมเอาไว้ จะเห็นว่าครูมาก อาจารย์มากศึกษาวิชาการมากสาย..ก็เลยลำบาก ขึ้นอยู่กับความขยันหรือขี้เกียจของแต่ละงาน ถ้าขยันมากก็จะทำให้ ถ้าหากว่าขี้เกียจมาก ครูบาอาจารย์ไม่มาส่งเคราะห์ให้ ก็เหลือแต่พระอย่างเดียว ถือว่าเรายึดจุดสูงสุดเอาไว้ อย่างอื่นไม่ต้องใส่ใจ ถ้าอย่างนั้นก็จบเลย เอาอะไรมาก็กลายเป็นอานุภาพอย่างเดียวเหมือนกันหมด ความจริงก็ดีนะง่ายดี แต่คนใช้คงประสาทกินไปเลย”เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน----------
หลวงพ่อท่านกล่าวถึงผ้ายันต์เขียวผ้ายันต์แดงนี้ไว้ว่า
ทำขึ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทหารที่เข้าสงครามโดยเฉพาะ แต่ไม่รับรองในด้านคงกระพันชาตรี ท่านเจ้าของยันต์รับรองว่าจะไม่ตายโหง ถ้าเคราะห์ร้ายจริง ๆ จะยอมให้แค่เสียเลือดแต่กระดูกจะไม่หัก ถ้าถึงที่ตาย จะให้กลับมาตายที่บ้าน ท่านผู้รับไปจะต้องใช้ในเมื่อความจำเป็นบังคับเท่านั้น เช่น ต้องรบเพื่อป้องกันประเทศชาติ หรือป้องกันทรัพย์สมบัติ และชีวิตเมื่อถูกรุกราน ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ผ้ายันต์นี้จะไม่ให้ผลแด่ท่านเลย
#ประโยชน์จากผ้ายันต์
๑. ผ้ายันต์สีแดง (ธงท่านท้าวมหาชมภู) มีไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุ และโรคระบาดต่าง ๆ เช่น ไข้ป่า เป็นต้น อันตรายจะมีแด่ท่านผู้มียันต์นี้อย่างมากก็เพียงเนื้อแตก หนังแตก จะไม่มีอันตรายถึงกระดูกหัก หรือสิ้นชีวิตในระหว่างที่ ยังไม่ถึงอายุขัย
๒. ผ้ายันต์สีเขียว (ธงพระอินทร์) จะช่วยคุ้มครองหมู่คณะที่ร่วมปฏิบัติงานร่วมกัน ถ้าเขาเหล่านั้นต้องการให้คุ้มครอง
อาราธนา การอาราธนาขอให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และครูอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา จนถึงหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และท่านเจ้าของธงเป็นที่สุด แล้วให้อธิษฐานตามที่ตนปราถนา (หมายถึงการคุ้มครอง) ไม่ใช่ขอหวย เมื่ออธิษฐานแล้วให้ปลุกด้วยคาถาปลุกของคนทั่วไปของหลวงพ่อปาน ว่าดังต่อไปนี้
คาถาปลุก
“อิทธิฤทธิ์ พุทธะนิมิตตัง
ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ
จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุนี้ด้วยเถิด”
