พระขุนแผน
พิธี #จตุรพิทพรชัย ปี พ.ศ.๒๕๑๘
ระดับยอดฝีมือเเห่งยุคนั้น
วัดรัตนชัย (วัดจีน) นี้ตั้งอยู่ในกำแพงเมือง
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก
บริเวณป้อมหอราชคฤห์ ตรงข้ามวัดเกาะแก้ว
“ นายเรียน นุ่มดี ” ผู้บัญชาการเรือนจำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในขณะนั้น เป็นศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งของ “ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ”
แกใกล้เกษียณอายุราชการ จึงวางแผนจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลาย
ที่บ้านเกิดเมืองนอนใน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
แต่เนื่องด้วย “ วัดเขาใหญ่ ”
ซึ่งอยู่ใกล้บ้านแกมีสภาพชำรุดทรุดโทรม
เสนาสนะต่างๆ ที่มีอยู่ใช้การได้บ้างไม่ได้บ้าง
เพราะขาดการบูรณปฏิสังขรณ์มาช้านาน ยิ่งทางวัดเขาใหญ่มิได้มี
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประทับอยู่ และมิได้มีพระเกจิอาจารย์
ผู้เรืองอาคมขลังครองวัดอยู่ด้วยแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาเงินเข้าวัด
สภาพวัดจึงมีแต่ทรงกับทรุด
นายเรียน อยากจะหาเงินก้อนใหญ่ไปปฏิสังขรณ์วัดให้สวยงาม ทั้งยังจะสร้าง “ วิหารจตุรพิธพรชัย ” ไปในคราวเดียวกัน การครั้งนี้จำต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หากทำไม่ดีหรือบารมีไม่มากพอก็ยากที่จะสำเร็จลุล่วง แกจึงนำความไปปรึกษากับ “ หลวงปู่ดู่ ” ผู้เป็นพระอาจารย์
หลวงปู่ดู่ จึงแนะนำให้นายเรียน
ไปขออนุญาตพระอาจารย์ที่เก่งที่สุด
แห่งยุคของภาคกลางจำนวน ๑๖ ท่าน
๑.หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
๒.พระครูประสาทวิทยาคม ( หลวงพ่อนอ ) วัดกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา
๓.พระครูประสาทวรคุณ ( หลวงพ่อพริ้ง ) วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี
๔.พระครู ศรีพรหมโสภิต ( หลวงพ่อแพ ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
๕.พระรักขิตวันมุนี ( หลวงพ่อถิร ) วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
๖.พระราชสุวรรณโสภณ ( หลวงพ่อโกย ) วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา
๗.หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา
๘.พระครูสันทัดธรรมคุณ ( หลวงพ่อออด ) วัดบ้านช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา
๙.หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค จ.นครสวรรค์
๑๐.พระครูสังวรวิมล (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี อ.บางกอกใหญ่ จ.กรุงเทพฯ
๑๑.พระครูกัลยานุกูล (หลวงพ่อเส่ง) วัดกัลยาณมิตร อ.ธนบุรี จ.กรุงเทพฯ
๑๒.พระครูสังฆรักษ์ (หลวงพ่อเฉลิม) วัดพระญาติการาม อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
๑๓.พระครูภัทรกิจโกศล (หลวงพ่อหวล) วัดพุทไธสวรรค์ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
๑๔.หลวงพ่อโปร่ง วัดขุนทิพย์ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
๑๕.พระโบราณคณิสสร (หลวงพ่อใหญ่) วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
๑๖.พระครูอดุลวรวิทย์ (หลวงพ่อไวทย์) วัดบางซ้าย อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา
มีเรื่องเล่าขานถึงเหตุการณ์พิธีจตุรพิธพรชัยว่า
หลังจากพุทธาภิเษกเสร็จ
มีนักเลงพื้นที่พูดคุยกันว่า"จะขลังแค่ไหน.."
ปรากฎว่าคำพูดนี้ได้ยินไปถึงนายเรียน
ทำให้นายเรียนนำความนี้เข้าปรึกษาครูบาอาจารย์ในพระอุโบสถว่า
"จะทำอย่างไรดี.." เพราะเป็นที่ทราบกันว่าสมัยนั้น
การลองของประเภทจะ ๆ นิยมกันมาก
เช่น เอาปืนยิง เพราะต้องการทดสอบพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้น ๆ
ว่าดีจริงเพียงใด ถ้าสมมติว่า "ยิงออกหรือเหรียญโดนยิงทะลุ"
ทุกอย่างที่ทำมาเป็นอันจบกัน ซึ่งในเวลานั้นครูบาอาจารย์ที่พรรษาน้อย
ไม่กล้าออกความเห็นจึงสงบนิ่งเพื่อให้ท่านที่พรรษาสูงกว่า
ปรึกษาและตัดสินใจกัน ระหว่างนั้นหลวงพ่อกวย
ท่านได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ทุกรูปว่า "กระผมอาสา.."
หลังจากนั้นท่านจึงนำเหรียญรูปเหมือนของท่านติดตัวไปด้วยหนึ่งเหรียญ
ออกไปนอกพระอุโบสถ แล้วพูดขึ้นว่า "ใครจะเอาไปลองบ้าง"
ปรากฎว่านักเลงคนหนึ่งขออาสาเป็นผู้ทดสอบ
และได้นำเหรียญดังกล่าวไปยิงที่หลังพระอุโบสถ
ปรากฎว่า "แชะ ๆ ๆ.." และได้นำเหรียญมาคืนหลวงพ่อกวย
ท่านพร้อมขอขมาท่าน พอชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ประจักษ์
ในพุทธคุณและเริ่มบอกปากต่อปากไปในวงกว้าง
ส่วนหลวงพ่อกวยท่านจึงกลับเข้าไปในพระอุโบสถ
พร้อมกับกล่าวว่า "เรียบร้อย.."
ธ.กสิกรไทย
