----------
#ข้อมูลอ้างอิงรายระเอียดพิธีฉบับเต็ม
โดยอ้างอิงจากข้อมูลเก็บตกพิธี
ของ เว็บวัดท่าขนุน และ รูปพิธี ของ วัดห้วยน้ำขาว
พฤหัสบดีที่ ๓๐ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๖๓
ณ มณฑลพิธี วัดบ้านห้วยน้ำขาว จังหวัดกาญจนบุรี
"หลวงพ่อครับ นำเรียนก่อนครับ วันนี้
มี #ตะกรุดโสฬส
มี #ตะกรุดคู่ชีวิต
มี #ธงมหาระงับ
มี #ตะกรุดและธงนารายณ์พลิกแผ่นดิน
มี...ฯลฯ"
"เออ..ตั้งแต่เรียนวิธี
#สร้างธงมหาระงับและตะกรุดคู่ชีวิตมา
ตูยังไม่กล้าทำเลย"
"พอดีพวกนักเรียนนายร้อยเขาอยากได้ครับ"
นักเรียนนายร้อยตำรวจของเอ็ง ปัจจุบันนี้ติดยศพันตำรวจตรี
พันตำรวจโทกันหมดแล้ว ยังติดปากเรียกนักเรียนนายร้อยอยู่นั่นแหละ..!
"แล้วนารายณ์พลิกแผ่นดินทำไมไม่เขียนมือวะ ?"
คำถามนี้ทำเอาปลัดเอกลักษณ์ของเรายิ้มแห้ง ๆ
"ถ้าเขียนมือก็คงได้แต่หัวใจเท่านั้นแหละครับ"
ความจริงปลัดเอกลักษณ์เขียนยันต์ต่าง ๆ
ได้สวยงามมาก อาตมาเห็นแล้วยังอยากได้
แต่เวลาสร้างมาก ๆ แบบนี้
ขืนไปนั่งเขียนทีละแผ่น
มีหวังได้แจกตอนอายุ ๘๐ ปีเป็นแน่แท้..!
จัดการตรวจสอบว่าวัตถุมงคลต่าง ๆ
#ลงอักขระเลขยันต์ได้ถูกต้องหรือไม่ ?
"#ท่านอาจารย์บ๊ะเมตตาตรวจสอบธงมหาระงับ
#ให้แล้วครับ
ส่วนตะกรุดมหาโสฬส หลวงพี่ปิงตรวจสอบให้ครับ"
"แล้วโน่นล่ะ ?"
อาตมาชี้ไปที่ตะโพน ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า
และ หน้ากากอนามัยที่กองพะเนินอยู่ "
หน้ากากหลวงพี่เอกลักษณ์เขียนยันต์ให้ครับ
ส่วนตะโพนต้องอาศัยหลวงพ่อแล้วครับ"
หากินง่ายดีนี่หว่า..!
กราบนิมนต์ หลวงพ่อใจ(พระครูสมุทรพิทยาคม)
วัดพระยาญาติ เข้าที่แล้ว
อาตมาก็ส่งใจ
ขึ้นไป กราบพระ กราบครูบาอาจารย์
#เชิญ
#ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหม
#ท่านปู่พระอินทร์
#ท้าวมหาราชทั้ง๔
#มาร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย
พร้อมกับสารภาพแต่โดยดีว่า "
ของบางอย่างผมยังไม่เคยทำเลยครับ"
กราบอาราธนาบารมี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกพระองค์ #เป็นประธาน
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
#องค์ปัจจุบัน ชี้ไปที่ #พระอัครสาวกเบื้องซ้าย
ตรัสว่า
"#ให้ผู้เลิศไปด้วยฤทธิ์ #บอกวิธีการให้ก็แล้วกัน"
#พระมหาโมคคัลลานะ ถูไม้ถูมือแบบมันเขี้ยว
บอกให้ น้อมจิตระลึกถึง คุณพระรัตนตรัย
แล้ว ภาวนาอิติปิโส ๓ ห้อง ๓ จบ "
จำไว้ว่า #พุทธศาสตร์
ต้องขึ้นด้วย #คุณพระรัตนตรัย #เป็นอันดับแรก "
รัศมีสีเหลืองทองสว่างไสว
ที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า
คุณพระศรีรัตนตรัย แผ่คลุมลงมาทั่วทั้งบริเวณ
รู้สึกสดชื่น โปร่งเบา สบายจนบอกไม่ถูก
เมื่อภาวนาครบแล้ว คำสั่งต่อไป
ก็คือ "เดินธาตุ ๔ แล้วลงอาการ ๓๒"
ตรงนี้ถ้าเป็นสายอื่นก็แทบตายเลย
เพราะว่า
ต้องกำหนดภาวนาพระคาถานะมะพะทะ
เดินธาตุทีละตัว ซึ่งแต่ละตัว
ประกอบด้วยคาถาและวิธีการเยอะมาก
แต่ในเมื่อผู้บัญชาการเป็นพระมหาเถระ
ผู้เลิศด้วยฤทธิ์
ขืนไปใช้วิธีการแบบนั้นมีหวังโดนเขกหัวบวม
ก็ต้องตั้งดวงกสิณทั้งสี่ คือ
ดิน (มหาอุตม์ คงกระพัน)
น้ำ (เมตตามหานิยม)
ลม (แคล้วคลาดปลอดภัย)
ไฟ (ทำลายไสยเวทย์อาคม)
มหาภูตรูปต้นกำเนิดทั้ง ๔
หมุนวนเข้ามาทั้ง ๔ ทิศ
ประกอบรวมเข้าด้วยกัน
#ประหนึ่งจะสร้างจักรวาลใหม่ขึ้นมาทั้งจักรวาล
แล้วแทนที่จะเดินอาการ ๓๒
ด้วยการภาวนากำหนด "อัตถิ อิมัสมิง กาเยฯ"
ทีละอย่างแบบสายอื่น
หลวงพ่อจอมยุทธท่านกลับให้เพิ่มอากาสกสิณ
ต่อด้วยวิญญาณัญจายตนฌาน
ประกบรวมเข้าไปจนกลายเป็นกระแส
#พลังขุมมหึมาที่หมุนเวียนเชี่ยวกราก
#ประหนึ่งแกแล็กซี่กำเนิดขึ้นในห้วงอวกาศ
#ครอบคลุมลงมาในบริเวณพิธี
#พลังงานสารพัดสีพุ่งเข้าสู่วัตถุมงคล
#เหมือนสายน้ำโดนดูดซับด้วยฟองน้ำก็ไม่ปาน
#เมื่อเต็มเปี่ยมดีแล้วก็แผ่ขยายสว่างไสวรุ่งโรจน์
#ดุจดาวฤกษ์ประดับฟ้ายามราตรี
คิดว่าเสร็จพิธีแล้ว ที่ไหนได้...
หลวงพ่อท่าน ให้ต่อด้วย
#พระคาถาชินบัญชร
#พระคาถาเงินล้าน
ตามมาด้วย
#พระคาถามหาโสฬส
(โสฬะสะมังคะลัญเจวะฯ)
#ตรีนิสิงเห
(ตรีนิสิงเห สัตตะนาเค ปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะฯ)
#จตุโรบังเกิดทรัพย์
(จะตุโร นะวะโม ทะเวโชฯ)
ตามมาด้วยของที่เรียนแต่ไม่เคยทำ อย่าง
พระคาถาตะกรุดคู่ชีวิต
(อะสิสัตติธะนูเจวะฯ)
#พระคาถาปลุกธงมหาระงับ
(#โอมมะหาระงับ #หลับสิ้นทั้งบ้านฯ)
พระคาถานารายณ์พลิกแผ่นดิน
(วาโธโนอะมะมะวา)
พระคาถาเสกตะโพน
(นะเฮ นะฮา นะเหาะฯ) ฯลฯ
ทุกอย่างต้องกำหนด
จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผ่านครูบาอาจารย์ ลงไปยังกองวัตถุมงคล
แล้วหลวงพ่อพระมหาโมคคัลลานะ
ก็ให้ปิดท้ายด้วย
พระคาถาไตรสรณาคมน์
(พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ)
พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ
พระคาถาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
เมื่อท่านบอกว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และกลับเข้าสู่เถรอาสน์
อาตมภาพก็น้อมกราบในพระมหากรุณาธิคุณ
ของทุกท่าน แล้วลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์
จำได้ว่า เริ่มต้นประมาณเก้าโมงเช้า
ลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกา เห็นว่าอีกสิบนาทีจะเพล
นาน ๆ จะเจออะไรยาว ๆ แบบนี้สักที
#แล้วอย่าคิดว่าครั้งต่อไปจะเป็นแบบนี้อีกนะ
บางอย่างก็เหมือนเดิม บางอย่างก็เปลี่ยนไป
แล้วแต่ท่านจะเมตตาสงเคราะห์
จัดการพรมน้ำมนต์
โปรยข้าวตอกดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา
รอจนหลวงพ่อใจ และ ปลัดเอกลักษณ์
พรมน้ำมนต์เสร็จแล้ว
อาตมาก็อธิษฐานจิตดับเทียนสัตตบริภัณฑ์รอบพิธี
รับไทยธรรมจาก ดร.พระครูโรจน์
ญาติโยมที่เป็นเจ้าภาพถวายตะกรุดมหาโสฬสทองคำ ๑ ดอก
ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปทองคำ ๑ ดอก
ตะกรุดคู่ชีวิตและตะกรุดนารายณ์พลิกแผ่นดิน
เนื้ออื่นอีกหลายถุง
ที่มา : เก็บตกบ้านเติมบุญ
เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓
----------
หลวงพ่อเล็ก ท่านเคยกล่าวเกี่ยวกับเรื่องวิชาการมหาระงับไว้
ณ ตอนที่ได้นิมนต์ไปร่วมทำพิธีบวงสรวงบูชาพระ
พุทธาพิเสก วัตถุมงคล ที่วัดบึงลาดสวาย จ.นครปฐม
(พุธที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓)
ในใจความหนึ่งว่า
วิชามหาระงับโรคาพินาศ
ถ้าถามว่าวิชานี้มาจากไหน ?
ก็มาจาก วิชามหาระงับ
#ตามสายหลวงพ่อคง #วัดบางกระพ้อม
สายวิชาแม่กลองนี้ มีการศึกษานำวิชากลับไปกลับมา
และ พัฒนาขึ้นมาเรื่อย
ตั้งแต่ #หลวงปู่ยิ้ม #วัดหนองบัว
ไปศึกษาจาก
#หลวงปู่พ่วง #วัดลิงโจน (วัดปากสมุทรสุดคงคา)
#หลวงปู่ทิม #วัดบางลี่น้อย (วัดบางนางลี่กุฎีทอง)
แล้ว
#หลวงปู่คง #วัดบางกะพ้อม #หลวงปู่ใจ #วัดเสด็จ
มาศึกษานำวิชากลับไปปลายน้ำแม่กลอง
#จากนั้น
#หลวงปู่สาย #วัดท่าขนุน ก็ไปศึกษาวิชานี้
จาก
#หลวงปู่เนื่อง #วัดจุฬามณี
นำเอาวิชากลับคืนมาต้นแม่น้ำแม่กลองอีกครั้ง
เก็บตกบ้านเติมบุญ
ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓
----------
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เคยเล่ากล่าว
ถึงวิชา มหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ไว้ว่า
🎈ตะกรุดมหาระงับ ของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
หากันหน้ามืด เพราะว่า หลวงพ่อคง เอาไปถ่วงน้ำ
เนื่องจากว่าลูกศิษย์ไปเป็นโจร
พวกนี้นับถือหลวงพ่อจริง ๆ
ถึงเวลามีวัตถุมงคลอะไรของหลวงพ่อ
ขนาดไปปล้นก็ยังพกไปหมด
#ตำรวจยิงเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์
#ยิงไม่ออกบ้าง #ยิงออกไม่ถูกบ้าง
ส่วนโจรยิงมาทีไร ตำรวจไม่เจ็บก็ตาย
🎈ทางการก็เลยไปขอร้องให้ท่านเลิกทำวัตถุมงคล
ไม่อย่างนั้นลูกศิษย์จะเป็นโจรหมด ท่านก็บอกว่าลูกศิษย์ที่ดี ๆ
ก็มีมาก ทางตำรวจเขาบอกว่า หลวงพ่อก็พิจารณาก่อนว่าเขาเป็นคนดี
หรือคนชั่วแล้วค่อยให้ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า
ก็ตอนอยู่ต่อหน้าฉันเขาดีนี่จ๊ะ ก็ทำอย่างไรได้
ก็ต้องให้เขาท้ายสุดหลวงพ่อคง
ท่านก็เลยต้องขนวัตถุมงคลไปทิ้งทะเล
ฉะนั้น...ส่วนที่หายากมาก ๆ
ก็คือ ตะกรุดมหาระงับ หรือ ธงมหาระงับของท่าน
หลวงพ่อคงมรณภาพช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
เป็นช่วงที่เขาพรางไฟ
เพราะว่า เครื่องบินสัมพันธมิตรจะมาทิ้งระเบิด
ถ้าไม่ใช่สัมพันธมิตรทิ้งระเบิดก็เครื่องบินญี่ปุ่นทิ้งระเบิด
เครื่องบินญี่ปุ่นทิ้งระเบิดเพื่อทำลายสถานที่ราชการของไทย
เครื่องบินสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดเพื่อทำลายสถานที่ของญี่ปุ่น
สรุปแล้วไทยโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
ปรากฏว่างานศพหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
นอกจากไม่พรางไฟ แล้วยังประดับเสียเต็มที่
ทางการก็เป็นห่วงเป็นใย เตือนให้ทางวัดพรางไฟเสีย
กรรมการวัดโดยเฉพาะกำนันตำบลบางกะพ้อมบอกว่าไม่ต้องห่วงครับ
บนยอดเมรุผมเอาธงมหาระงับของหลวงพ่อไปปักเอาไว้แล้ว
แล้วก็จริง ๆ ตลอดการจัดงานไม่มี
แม้แต่เครื่องบินสักลำที่จะบินผ่านมาบริเวณนั้น
ทั้ง ๆ ที่เป็นทางผ่านประจำ
ก็แบบเดียวกับโรงงานหน่อไม้ไผ่สมจิตรที่ทองผาภูมิ บวชลูกชาย
จัดงานฉลอง รู้อยู่ว่าช่วงเข้าพรรษานี่ทองผาภูมิฝนฟ้าขนาดไหน
อาตมาก็บอกว่าแล้วจะรอดไหม ? เขาชี้ไปที่ธงหลวงปู่สาย
บอกว่าผมเอาธงหลวงปู่ติดไว้แล้วครับ จริงของเขา...
จัดงานไม่เสร็จฝนไม่ตกเด็ดขาด
ถามว่า #หลวงปู่สาย #วัดท่าขนุน #เองเรียนธงมหาระงับมาจากไหน ?
เรียนมาจาก #หลวงพ่อเนื่อง #วัดจุฬามณี
แล้ว #หลวงพ่อเนื่อง #วัดจุฬามณี เรียนมาจากไหน ?
เรียนจาก #หลวงพ่อคง #วัดบางกะพ้อม
เอาไว้อาตมาเบื่อคนเมื่อไร จะสร้างธงมหาระงับปักรอบวัด ห้ามคนเข้า...!
ทำได้หรือเปล่าหว่า ? เขามีแต่ระงับเหตุร้าย..ใช่ไหม ?
ความจริงก็ออกแบบไว้แล้ว แต่ว่าคนทำยังทำไม่สวย
อาตมาก็พกของซือโจ้วก็คืออาจารย์ปู่ ถึงเวลาก็ทำเองบ้าง
ธงมหาระงับกับตะกรุดมหาระงับก็ยันต์ตัวเดียวกัน ยันต์ตัวเดียวกัน
คาถาตัวเดียวกัน โอมชิดมหาชิด โอมปิดมหาปิด สิทธิสวาหับ
อยากรู้ไปถามท่านอาจารย์บ๊ะ เรียนมาตำราเดียวกัน
อ้างอิงที่มาถอดบทเสียงคำกล่าว
งานหล่อหลวงพ่อนาก
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
----------
เรื่องต่างๆเกี่ยวกับยันต์เกราะเพรช
ถาม : ยันต์เกราะเพชรมีไว้เพื่ออะไร ?
ตอบ : ไว้เพื่ออะไร ? ติดตัวไว้ โดยเฉพาะป้องกันไสยศาสตร์
ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้ต่อต้านไสยศาสตร์ ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ จบทุกวัน
นึกถึงบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้ารู้สึกว่าใหญ่เกินไปก็ม้วนเป็นตะกรุดเล็ก ๆ ก็ได้
เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ แขวนติดตัวก็ได้ ติดรถก็ได้ ติดบ้านก็ได้
ใช้ยันต์เกราะเพชรห้ามกินเหล้ากับห้ามขโมย ใครกินเหล้าหรือขโมย
ยันต์เสื่อม ยันต์ไม่ชอบคนกินเหล้ากับไม่ชอบคนขโมย
ใครบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นไปได้ให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน
ตั้งใจนึกขอบารมีพระท่านคุ้มครองตัวเรา ถ้าหากว่าอยู่ในรถก็คุ้มครองยานพาหนะที่เราโดยสาร
ถ้าหากว่าอยู่ในบ้านก็ขอให้คุ้มครองทุกคนที่อยู่ในบ้าน
วัตถุมงคลทุกอย่างมีพลังงานเต็มที่อยู่แล้ว สำคัญตรงที่ใจเราต้องเปิดรับ หรือว่ามีกุญแจในการเปิด
กุญแจในการเปิดก็คือการอาราธนา หรือการสวดมนต์ภาวนาตามแบบที่ท่านกำหนด
ถึงเวลาแล้วให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ
ตั้งใจขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคราะห์ ถ้าจะระลึกถึงตามสายครูบาอาจารย์ ก็นึกถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง
สูงขึ้นไปก็หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถัดไปก็หลวงปู่เนียม วัดน้อย สูงขึ้นไปอีกก็หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง
ถามว่าเกี่ยวอะไรกับวัดระฆังด้วย ? หลวงพ่อวัดระฆังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่เนียม วัดน้อย
เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ไล่กันลงมาตามสายนี้
.....................................
หากโดนไสยศาสตร์สะท้อนกลับจากยันต์เกราะเพชร แก้ไขอย่างไร
ท่านใดก็ตามถ้าทำไสยศาสตร์ใส่คนที่มียันต์เกราะเพชร
โดนอำนาจของยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับไปจนกระทั่งเดือดร้อนเอง วิธีแก้ง่ายที่สุด
ก็คือ ตั้งใจกราบขอขมาพระรัตนตรัยและเลิกละวิชาการนั้นเสีย ท่านก็จะหายเป็นปกติ
แต่ถ้าหากว่าไม่ยอมขอขมาพระรัตนตรัย ท่านทำเขาหนักแค่ไหน
ตัวท่านก็โดนหนักแค่นั้น ชาตินี้ไม่ต้องหวังว่าจะหายกัน
อาตมาย้ำหลายครั้งว่า ถ้ารักษายันต์เกราะเพชรได้จะมีอานุภาพอย่างที่ว่ามา แต่ว่ารักษาอย่างไร
ก็คือท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ
ข้อที่ ๑ ก็คือห้ามลักขโมย
ข้อที่ ๒ ก็คือห้ามดื่มสุราเสพยาเสพติด
อันนี้บุหรี่ยกให้อย่างหนึ่งนะ ยกเว้นว่ายาที่ผสมแอลกอฮอล์ตามสูตร กินเพื่อรักษาโรค
อย่างพวกยาดองเหล้า แต่ว่ากินตามสูตรก็คือครั้งละไม่เกินครึ่งถ้วยตะไล
ไม่ใช่กินเอาเมา ถ้าลักษณะอย่างนั้นยันต์เกราะเพชรยังอยู่
แต่ถ้าท่านกินเหล้าหรือลักขโมย ยันต์เกราะเพชรจะเสื่อมอานุภาพทันที
โดยเฉพาะท่านที่กินเหล้าเข้าไป ต่อให้เป็นอาหารที่ผสมเหล้าก็ตาม
จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังเดี๋ยวนั้นเลย บางท่านความรู้สึกดี ๆ
รู้สึกว่ายันต์เกราะเพชรระเบิดออกจากตัวไปเลย ก็ขอให้รู้ว่ายันต์เกราะเพชรไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว
การรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือ
เว้นจากการลักขโมยและเว้นจากการดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดแล้ว ยังต้องอาราธนาไว้ทุกวัน
เช้า ๆ ขึ้นมาก็ตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ
พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะรักษาตัวท่านได้ทั้งวัน
ในลักษณะของการที่ท่านรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้นั้น ถ้าเผลอไปกินอาหารที่มีสุราผสม
ซึ่งระยะหลังนี้เยอะมาก ที่อาตมาเจอมามีทั้งช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี มีทั้งไอศกรีมรัมเรซิ่น
มีทั้งเชอรี่แช่บรั่นดีประดับหน้าเค้ก โอ๊ย..ฟังแล้วเครียด ที่หนักกว่านั้นก็คืออาหารจีนและอาหารญี่ปุ่นที่ผสมเหล้า
โปรดระมัดระวังว่ายันต์เกราะเพชรไม่ชอบเหล้า
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4651
ยันต์เกราะเพชรเป็นคู่ศึกของไสยศาสตร์โดยตรง
เพราะว่าเป็นพุทธานุภาพ คืออานุภาพของพระพุทธเจ้าท่าน พุทธะ แปลว่า ตื่น
ส่วน ไสยะ แปลว่า หลับ ในเมื่อตื่นกับหลับ ความสว่างกับความมืด
จึงเป็นคู่ศึกแก่กันโดยตรง ท่านใดที่พกยันต์ติดตัวหรือว่ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว
ถ้าสามารถรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อได้ ก็คือ การไม่กินเหล้า ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเองและครอบครัว
กับการไม่ลักขโมย ซึ่งเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ท่านก็จะสามารถรักษายันต์เกราะเพชรให้คุ้มครองตนเองเอาไว้ได้
ท่านใดที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว จึงควรที่จะเว้นขาดจากแอลกอฮอล์ทั้งปวงและการลักขโมย
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปกินเอาเหล้าหรือว่ากินอาหารที่ผสมเหล้าเข้าไป วิธีสังเกตชัดที่สุดก็คือ
จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังไปเลย แปลว่ายันต์เกราะเพชรกลับไปหาพระพุทธเจ้าท่านแล้ว
ไม่มีอะไรคุ้มกันเราได้แล้ว ถ้ามีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็มารับใหม่
หรือถ้าไม่มีก็แปลว่าเราไม่สามารถที่จะรักษาของดีเอาไว้คุ้มครองป้องกันตนเองได้อีกต่อไป
แอลกอฮอล์หรือสุราที่อนุญาตให้มีอยู่อย่างเดียว ก็คือ ยาดองเหล้าหรือว่ายาผสมเหล้าตามสูตร
ถ้ายาผสมเหล้าตามสูตรสามารถกินได้ แต่ต้องกินตามที่หมอสั่ง ซึ่งสูงสุดก็ไม่เกิน ๓๐ ซีซี
หรือโบราณเรียกว่า ๑ เป๊ก ถ้ากินมากกว่านั้นยันต์เกราะเพชรก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน
ดังนั้น...จำวิธีรักษายันต์เกราะเพชรไว้ให้แม่น ๆ ว่าพวกเราต้องรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ
ก็คือ ไม่ลักขโมยและไม่กินเหล้า ไม่ว่าจะเป็นเบียร์เป็นไวน์ก็เหมือนกัน หรืออาหารที่ผสมเหล้าทั้งปวง
ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแล็ต ไอศกรีม ขนมเค้ก หรือว่าบรรดาอาหารป่าที่นิยมใส่เหล้า โปรดงดเว้นอย่างเด็ดขาด
ถ้าหากว่าเรารักษายันต์เกราะเพชรได้แล้ว ยังต้องคอยปลุกเอาไว้ทุกวัน ท่านใดที่มีความขยัน
ตื่นเช้าขึ้นมาก็ให้ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบทสัก ๓ จบ
ให้กำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองรักษาท่านได้ทั้งวัน
หรือถ้าใครมีเวลาน้อย ให้ภาวนาพุทโธจนกำลังใจทรงตัวก็ได้ แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง
อำนาจยันต์เกราะเพชรก็จะรักษาท่านได้ทั้งวัน ....................................
ยันต์เกราะเพชร คูปรับของไสยศาสตร์
ในส่วนของอานุภาพเกี่ยวกับการสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปนั้น
อาตมาจะไม่ยกตัวอย่างของตนเองเพราะต้องเอ่ยถึงคนทำ
ต้องบอกว่าช่วยรักษาหน้าเขาไว้หน่อย แต่ที่จะเอ่ยถึงก็คือรุ่นพี่ที่บวชอยู่วัดท่าซุง
ก็คือ หลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร หรือนามสกุลเดิมคือ สุขสาธุ ตอนนี้ท่านสึกหาลาเพศไปนานแล้ว
ตอนนั้นหลวงพี่สามารถยังบวชอยู่ ท่านไปธุดงค์ทางด้านเหนือ
ไปพักอยู่บริเวณถ้ำตับเต่าซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นสำนักสงฆ์ ยังไม่เป็นวัด
ไปเจอพระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ก็เข้าไปปฏิสันถาร แต่ท่านไม่คุยด้วย
หลวงพี่สามารถท่านเห็นว่าเขาไม่คุยด้วย ไม่ยินดีด้วย ท่านก็ปลีกตัวไปปักกลดอยู่ด้านหนึ่ง
ทำการสวดมนต์ภาวนาของตนเองไปตามปกติ
ปรากฏว่าตอนใกล้สว่างพระรูปนั้นวิ่งมาที่กลด บอกว่า“ท่าน...พอทีเถอะ ๆ ผมยอมแพ้แล้ว”
หลวงพี่สามารถก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ? ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าท่านก็แค่สวดมนต์ภาวนา
อาราธนาวัตถุมงคลเป็นปกติของตน เรื่องปรากฏชัดตอนออกบิณฑบาต พระรูปนั้นทิ้งผ้าผ่อนจีวรหมด
เดินแก้ผ้าบ่นพึมพำเข้าไปในหมู่บ้าน ญาติโยมต้องช่วยกันจับเพื่อที่จะให้นุ่งผ้าใหม่
พอนุ่งผ้าได้ท่านก็ทึ้งผ้าทิ้งอีก หลวงพี่สามารถถึงได้เฉลียวใจว่า
ดูท่าพระรูปนั้นจะทำไสยศาสตร์เล่นงานท่านเพื่อเป็นการลองของ
แต่ด้วยความซวย ดันไปทำใส่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง หรือสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว
เมื่อโดนสะท้อนกลับไป ตัวเองตั้งใจทำเขาหนักเท่าไร ก็จะได้รับกลับไปหนักเท่านั้น
ซึ่งวิธีแก้ก็เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่อาตมาแนะนำท่านที่บังอาจมาทำเล่นที่นี่ว่า
"ไอ้ไสยศาสตร์กระจอก ๆ ของคุณอย่าเสียเวลามาทำแถวนี้ คุณจะเดือดร้อนเอง
วิธีแก้ไขก็คือ ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัยอย่างจริงใจ
แล้วถ้าเป็นไปได้ก็คือเลิกวิชาไปเลย ท่านก็จะหายจากอาการป่วยจากที่ตั้งใจทำคนอื่นแล้วตัวเองโดนเข้าไป
ถือว่าแนะนำให้ด้วยความเมตตา"
ถ้าญาติโยมจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรไปเจอใครที่มีอาการแบบนี้ ซึ่งเกิดจากไปทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว
ถ้าเมตตามาก ก็ช่วยแนะนำเขาหน่อยว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเมตตาน้อยก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ซ้ำไปเลย..!
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115
คู่ปรับของไสยศาสตร์
ทางปักษ์ใต้นี่น่ากลัวมาก ทางใต้เขาจะใช้ คุณผีคุณคน คุณผีเขาใช้ผีทำ
คุณคนเขาใช้คนทำ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านไปเทศน์ ได้กลิ่นธูปเหมือนกับกลิ่นศพแล้วก็หน้ามืดหมดสติไป
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจมูกก็บวมแดง แล้วก็เน่าลามไปเรื่อย จนจมูกแหว่งไปเลย
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังจะฉันเช้า ท่านก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึงขัง
กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย บอกว่า "ลูกกูป่วยแค่นี้พวกมึงรักษาไม่ได้หรือ ?"
คนเขาก็แปลกใจ แต่คนแถวนั้นเขาเชื่อเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว ก็ถามว่า "ท่านเป็นใคร ?"
ท่านก็บอกว่า "กูคือพระอินทร์ ลูกกูไปโดนเขาทำคุณไสยมา
เขาใช้น้ำเหลืองผีตายโหงผสมกับผงธูป ปั้นเป็นธูปแล้วจุดในพิธี"
เพราะฉะนั้น..ใครเทศน์คู่อยู่จะโดนผีของเขาคุมหมด แล้วใครหายใจเข้าไปจมูกก็เน่าไปด้วย
มีคนถามว่า "ในเมื่อรักษาไม่ได้ แล้วพ่อปู่จะรักษาอย่างไร ?"
ท่านบอกว่า "ไปเอาน้ำมา เดี๋ยวข้าจะเสกน้ำมนต์ให้"
พอท่านเสกน้ำมนต์ให้ ทั้งกินทั้งอาบก็หาย แต่จมูกยังแหว่งอยู่อย่างนั้น
ทางใต้นี่เล่นกันหนัก ยิ่งทางอีสานออกไปทางด้านเขมรต่ำ อย่างพวกสระแก้ว
บุรีรัมย์นั่นยิ่งสาหัสเลย สมัยหลัง ๆ อาตมาไปยังโดนเลย
ถาม : สระแก้วหรือคะ ?
ตอบ : โดยเฉพาะตาพระยา พื้นที่ของสระแก้ว ทางด้านตาพระยา อรัญประเทศ
พื้นที่จะติดเขมร บุรีรัมย์ก็เหมือนกัน แถวละหานทรายเล่นพวกนี้เยอะแยะเลย
แต่พวกนี้จะสู้คุณพระไม่ได้ ถ้าหากว่าเราภาวนานึกถึงพระเป็นปกติจนอารมณ์ใจทรงตัว
ไสยศาสตร์ทุกอย่างจะทำอะไรไม่ได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือ เราห้ามเผลอ
ถ้าเราเผลอสติเมื่อไร เขาจะทำเอาได้ ช่วงที่เผลอก็คือ ช่วงที่เคลิ้มใกล้จะหลับอย่างหนึ่ง
ตอนกำลังกินอย่างหนึ่ง ตอนกำลังเข้าส้วมอย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่าเผลอสติหลุดเมื่อไร ถ้าเขาจ้องอยู่เราก็ถูกเล่นงานได้
ดังนั้น..หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกให้พวกเรา หาพระเครื่องของครูบาอาจารย์ที่เรามั่นใจ
นำมาพกติดตัวไว้ และอาราธนาไว้ทุกวัน จะป้องกันได้
โดยเฉพาะยันต์เกราะเพชร เป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์โดยตรงเลย
วันก่อนที่เป่ายันต์เกราะเพชร มีอยู่รายหนึ่งดื้อมาก รายนี้โดนไสยศาสตร์มา
ซวยจริง ๆ ที่เขาไปมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ ปกติมีศัตรูแล้วศัตรูไปจ้างหมอไสยศาสตร์ทำ
รายนี้ดันมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ จึงรับเละอยู่คนเดียว
มาตรงนี้ก็บอกเขาบอกว่า "ช่วยเต็มที่ไม่ได้นะ ช่วยได้แค่ว่าให้หายกลับบ้านได้เท่านั้น"
เขาบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ แล้วผมจะหายได้อย่างไร ?" ก็บอกเขาว่า "ต้องไปงานเป่ายันต์เกราะเพชร"
พอดีใกล้จะมีงานพอดี มาตอนกำลังจะมีงานพอดีแสดงว่าเขาจะหมดกรรมแล้ว
วันงานเขาก็มา เขาอยู่รับยันต์รอบสอง รอบแรกอาตมาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย
เพราะเป็นงานใหญ่ที่สุดในชีวิต กลัวผิดพลาด ก็ต้องเอาใจจับพระแล้วก็ทำตามพระท่านบอก
พอผ่านไปรอบหนึ่ง รอบสองชักจะเคยชิน อาตมาก็เริ่มดูฟ้าดูดินจึงเห็นว่า
เวลาที่บารมีพระท่านคลุมลงมา ลักษณะเป็นพุทธนิมิต สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เป็นสีดำ
จะกระจายออกรอบข้าง เหมือนกับที่เราโยนถ่านที่ร้อน ๆ เข้าไปกลางฝูงมด
แล้วเจ้าพวกนี้ก็ทั้งเต้นทั้งร้อง เขาร้องว่าอย่างไรรู้ไหม "กูไม่ไป..กูไม่ไป..อย่าเอากูไป..!"
คือว่าก่อนที่จะทำพิธีจะมีการอาราธนาบารมีพระ โดยเฉพาะจะขอท้าวมหาราชทั้งสี่และบริวารเป็นที่สุด
ถ้าหากว่ามีสิ่งไม่ดีให้ขับไล่ออกไป แต่รายนี้ดื้อมาก จนกระทั่งเทวดาท่านต้องหิ้วคอไป
เมื่อวานนี้คุณวิทูรย์มาเล่า ฟังแล้วหัวเราะกันแทบตาย อาตมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เขาบอก
"คนนั้นนั่งอยู่ข้างผม ผมเองกลัวก็กลัว ไม่มีสมาธิเลย สงสัยจะไม่ได้รับยันต์" ...(หัวเราะ)...
บอกเขาว่า "ถ้าตั้งใจรับก็ต้องได้อยู่แล้ว เพียงแต่สมาธิเราไม่ดี มัวแต่กลัวผีถึงไม่เกิดอาการอะไรให้รู้ว่าได้รับยันต์แล้ว"
ถาม : ทำให้เห็นเลยหรือครับ ?
ตอบ : อาตมาเห็น แต่ว่าคนอื่นจะเห็นแค่เขาดิ้นแล้วร้อง
แต่เวลาที่พระท่านมา ถ้าเราใช้ทิพจักขุญาณกำหนดตาม จะเห็นเป็นปกติอยู่แล้ว
ถาม : อย่างนี้เขาถูกอาจารย์คนที่เป็นหมอไสยศาสตร์ใช้ให้มาหรือครับ ?
ตอบ : ตั้งแต่บัดนี้ไป ถ้าเขาตั้งใจภาวนา "อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ" ทุกวัน
พอกำลังใจตั้งมั่นแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อธิษฐานขอให้บารมีพระช่วยคลุมเอาไว้
มีหวังว่าคนที่ทำซวยแน่ ๆ เลย เพราะว่ายันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกประเภท
ถ้ารับยันต์ไปให้ปลุกด้วยอิติปิ โสฯ แต่ถ้าเราไม่ได้รับยันต์ก็ให้นึกถึงภาพพระคลุมตัวเราลงมาเลย
แล้วก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ให้กำลังใจทรงตัว จากนั้นกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง
เอาแบบเดียวกันเลย เราไม่ได้รับยันต์ เราก็อาศัยภาพพระเป็นหลักไปเลย
....................................
ยันต์เกราะเพชร คู่ปรับของไสยศาสตร์
ในส่วนของอานุภาพเกี่ยวกับการสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปนั้น
อาตมาจะไม่ยกตัวอย่างของตนเองเพราะต้องเอ่ยถึงคนทำ
ต้องบอกว่าช่วยรักษาหน้าเขาไว้หน่อย แต่ที่จะเอ่ยถึงก็คือรุ่นพี่ที่บวชอยู่วัดท่าซุง
ก็คือ หลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร หรือนามสกุลเดิมคือ สุขสาธุ
ตอนนี้ท่านสึกหาลาเพศไปนานแล้ว
ตอนนั้นหลวงพี่สามารถยังบวชอยู่ ท่านไปธุดงค์ทางด้านเหนือ
ไปพักอยู่บริเวณถ้ำตับเต่าซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นสำนักสงฆ์ ยังไม่เป็นวัด
ไปเจอพระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ก็เข้าไปปฏิสันถาร แต่ท่านไม่คุยด้วย
หลวงพี่สามารถท่านเห็นว่าเขาไม่คุยด้วย ไม่ยินดีด้วย ท่านก็ปลีกตัวไปปักกลดอยู่ด้านหนึ่ง
ทำการสวดมนต์ภาวนาของตนเองไปตามปกติ
ปรากฏว่าตอนใกล้สว่างพระรูปนั้นวิ่งมาที่กลด บอกว่า“ท่าน...พอทีเถอะ ๆ ผมยอมแพ้แล้ว”
หลวงพี่สามารถก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ? ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าท่านก็แค่สวดมนต์ภาวนา
อาราธนาวัตถุมงคลเป็นปกติของตน เรื่องปรากฏชัดตอนออกบิณฑบาต พระรูปนั้นทิ้งผ้าผ่อนจีวรหมด
เดินแก้ผ้าบ่นพึมพำเข้าไปในหมู่บ้าน ญาติโยมต้องช่วยกันจับเพื่อที่จะให้นุ่งผ้าใหม่ พอนุ่งผ้าได้ท่านก็ทึ้งผ้าทิ้งอีก
หลวงพี่สามารถถึงได้เฉลียวใจว่า ดูท่าพระรูปนั้นจะทำไสยศาสตร์เล่นงานท่านเพื่อเป็นการลองของ
แต่ด้วยความซวย ดันไปทำใส่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง หรือสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว
เมื่อโดนสะท้อนกลับไป ตัวเองตั้งใจทำเขาหนักเท่าไร ก็จะได้รับกลับไปหนักเท่านั้น
ซึ่งวิธีแก้ก็เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่อาตมาแนะนำท่านที่บังอาจมาทำเล่นที่นี่ว่า "ไอ้ไสยศาสตร์กระจอก ๆ
ของคุณอย่าเสียเวลามาทำแถวนี้ คุณจะเดือดร้อนเอง วิธีแก้ไขก็คือ ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัยอย่างจริงใจ
แล้วถ้าเป็นไปได้ก็คือเลิกวิชาไปเลย ท่านก็จะหายจากอาการป่วยจากที่ตั้งใจทำคนอื่นแล้วตัวเองโดนเข้าไป
ถือว่าแนะนำให้ด้วยความเมตตา" ถ้าญาติโยมจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรไปเจอใครที่มีอาการแบบนี้
ซึ่งเกิดจากไปทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าเมตตามาก
ก็ช่วยแนะนำเขาหน่อยว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเมตตาน้อยก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ซ้ำไปเลย..!
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115
คู่ปรับของไสยศาสตร์
ทางปักษ์ใต้นี่น่ากลัวมาก ทางใต้เขาจะใช้ คุณผีคุณคน คุณผีเขาใช้ผีทำ
คุณคนเขาใช้คนทำ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านไปเทศน์ ได้กลิ่นธูปเหมือนกับกลิ่นศพแล้วก็หน้ามืดหมดสติไป
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจมูกก็บวมแดง แล้วก็เน่าลามไปเรื่อย จนจมูกแหว่งไปเลย
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังจะฉันเช้า ท่านก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึงขัง กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย
บอกว่า "ลูกกูป่วยแค่นี้พวกมึงรักษาไม่ได้หรือ ?" คนเขาก็แปลกใจ แต่คนแถวนั้นเขาเชื่อเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว
ก็ถามว่า "ท่านเป็นใคร ?" ท่านก็บอกว่า "กูคือพระอินทร์ ลูกกูไปโดนเขาทำคุณไสยมา
เขาใช้น้ำเหลืองผีตายโหงผสมกับผงธูป ปั้นเป็นธูปแล้วจุดในพิธี"
เพราะฉะนั้น..ใครเทศน์คู่อยู่จะโดนผีของเขาคุมหมด แล้วใครหายใจเข้าไปจมูกก็เน่าไปด้วย
มีคนถามว่า "ในเมื่อรักษาไม่ได้ แล้วพ่อปู่จะรักษาอย่างไร ?"
ท่านบอกว่า "ไปเอาน้ำมา เดี๋ยวข้าจะเสกน้ำมนต์ให้" พอท่านเสกน้ำมนต์ให้
ทั้งกินทั้งอาบก็หาย แต่จมูกยังแหว่งอยู่อย่างนั้น
ทางใต้นี่เล่นกันหนัก ยิ่งทางอีสานออกไปทางด้านเขมรต่ำ
อย่างพวกสระแก้ว บุรีรัมย์นั่นยิ่งสาหัสเลย สมัยหลัง ๆ อาตมาไปยังโดนเลย
ถาม : สระแก้วหรือคะ ?
ตอบ : โดยเฉพาะตาพระยา พื้นที่ของสระแก้ว
ทางด้านตาพระยา อรัญประเทศ พื้นที่จะติดเขมร บุรีรัมย์ก็เหมือนกัน
แถวละหานทรายเล่นพวกนี้เยอะแยะเลย
แต่พวกนี้จะสู้คุณพระไม่ได้ ถ้าหากว่าเราภาวนานึกถึงพระเป็นปกติจนอารมณ์ใจทรงตัว
ไสยศาสตร์ทุกอย่างจะทำอะไรไม่ได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือ เราห้ามเผลอ
ถ้าเราเผลอสติเมื่อไร เขาจะทำเอาได้ ช่วงที่เผลอก็คือ ช่วงที่เคลิ้มใกล้จะหลับอย่างหนึ่ง
ตอนกำลังกินอย่างหนึ่ง ตอนกำลังเข้าส้วมอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่าเผลอสติหลุดเมื่อไร ถ้าเขาจ้องอยู่เราก็ถูกเล่นงานได้
ดังนั้น..หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกให้พวกเรา หาพระเครื่องของครูบาอาจารย์ที่เรามั่นใจ
นำมาพกติดตัวไว้ และอาราธนาไว้ทุกวัน จะป้องกันได้
โดยเฉพาะยันต์เกราะเพชร เป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์โดยตรงเลย
วันก่อนที่เป่ายันต์เกราะเพชร มีอยู่รายหนึ่งดื้อมาก รายนี้โดนไสยศาสตร์มา
ซวยจริง ๆ ที่เขาไปมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ ปกติมีศัตรูแล้วศัตรูไปจ้างหมอไสยศาสตร์ทำ
รายนี้ดันมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ จึงรับเละอยู่คนเดียว
มาตรงนี้ก็บอกเขาบอกว่า "ช่วยเต็มที่ไม่ได้นะ ช่วยได้แค่ว่าให้หายกลับบ้านได้เท่านั้น"
เขาบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ แล้วผมจะหายได้อย่างไร ?" ก็บอกเขาว่า "ต้องไปงานเป่ายันต์เกราะเพชร"
พอดีใกล้จะมีงานพอดี มาตอนกำลังจะมีงานพอดีแสดงว่าเขาจะหมดกรรมแล้ว
วันงานเขาก็มา เขาอยู่รับยันต์รอบสอง รอบแรกอาตมาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย
เพราะเป็นงานใหญ่ที่สุดในชีวิต กลัวผิดพลาด ก็ต้องเอาใจจับพระแล้วก็ทำตามพระท่านบอก
พอผ่านไปรอบหนึ่ง รอบสองชักจะเคยชิน อาตมาก็เริ่มดูฟ้าดูดินจึงเห็นว่า
เวลาที่บารมีพระท่านคลุมลงมา ลักษณะเป็นพุทธนิมิต สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เป็นสีดำ
จะกระจายออกรอบข้าง เหมือนกับที่เราโยนถ่านที่ร้อน ๆ เข้าไปกลางฝูงมด
แล้วเจ้าพวกนี้ก็ทั้งเต้นทั้งร้อง เขาร้องว่าอย่างไรรู้ไหม "กูไม่ไป..กูไม่ไป..อย่าเอากูไป..!"
คือว่าก่อนที่จะทำพิธีจะมีการอาราธนาบารมีพระ โดยเฉพาะจะขอท้าวมหาราชทั้งสี่และบริวารเป็นที่สุด
ถ้าหากว่ามีสิ่งไม่ดีให้ขับไล่ออกไป แต่รายนี้ดื้อมาก จนกระทั่งเทวดาท่านต้องหิ้วคอไป
เมื่อวานนี้คุณวิทูรย์มาเล่า ฟังแล้วหัวเราะกันแทบตาย อาตมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
เขาบอก "คนนั้นนั่งอยู่ข้างผม ผมเองกลัวก็กลัว ไม่มีสมาธิเลย สงสัยจะไม่ได้รับยันต์" ...(หัวเราะ)...
บอกเขาว่า "ถ้าตั้งใจรับก็ต้องได้อยู่แล้ว
เพียงแต่สมาธิเราไม่ดี มัวแต่กลัวผีถึงไม่เกิดอาการอะไรให้รู้ว่าได้รับยันต์แล้ว"
ถาม : ทำให้เห็นเลยหรือครับ ?
ตอบ : อาตมาเห็น แต่ว่าคนอื่นจะเห็นแค่เขาดิ้นแล้วร้อง
แต่เวลาที่พระท่านมา ถ้าเราใช้ทิพจักขุญาณกำหนดตาม จะเห็นเป็นปกติอยู่แล้ว
ถาม : อย่างนี้เขาถูกอาจารย์คนที่เป็นหมอไสยศาสตร์ใช้ให้มาหรือครับ ?
ตอบ : ตั้งแต่บัดนี้ไป ถ้าเขาตั้งใจภาวนา "อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ"
ทุกวัน พอกำลังใจตั้งมั่นแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อธิษฐานขอให้บารมีพระช่วยคลุมเอาไว้
มีหวังว่าคนที่ทำซวยแน่ ๆ เลย เพราะว่ายันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกประเภท
ถ้ารับยันต์ไปให้ปลุกด้วยอิติปิ โสฯ แต่ถ้าเราไม่ได้รับยันต์ก็ให้นึกถึงภาพพระคลุมตัวเราลงมาเลย
แล้วก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ให้กำลังใจทรงตัว จากนั้นกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง เอาแบบเดียวกันเลย
เราไม่ได้รับยันต์ เราก็อาศัยภาพพระเป็นหลักไปเลย
เรื่องของยันต์เกราะเพชรเป็นปฏิปักษ์กับไสยศาสตร์โดยตรง
ใครทำมาเท่าไรก็จะย้อนคืนไปเท่านั้น
รอบแรกมีแค่ ๒ คน รอบหลังเยอะหน่อยเหมือนนัดกันมา
สงสัยเทวดาท่านเบื่อต้องไปไล่หลายรอบ ก็เลยเอามาไว้รอบเดียวกัน
ถาม : ถ้าเราสวดอิติปิ โสฯ เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ ?
ตอบ : ตั้งใจนึกถึงภาพพระคลุมเราลงมา นึกง่าย ๆ นึกสบาย ๆ
ชอบพระองค์ไหนก็นึกถึงภาพพระองค์นั้น ให้องค์โต ๆ หน่อย
คลุมตัวเราลงมา แล้วก็อธิษฐานขอให้ท่านคุ้มครองทั้งวัน
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2516
ถาม : ยันต์เกราะเพชร มีคุณอะไรคะ ?
ตอบ : เอาไว้ป้องกันไสยศาสตร์จ้ะ แต่ต้องสวดอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ทุกเช้าประมาณ ๓ จบ
พอกำลังใจมั่นคง นึกขอบารมีพระท่านช่วยคุ้มครอง จะป้องกันได้ทั้งวัน
ใครทำไสยศาสตร์ใส่เราจะย้อนคืนหมด กลายเป็นว่า ใครคิดร้ายต่อเรา เขาจะซวยเอง..!
วิชานี้สืบสายมาจากตำราพระร่วง มาดังสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
และมากระหึ่มอีกทีสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจัดงานเป่ายันต์ทีคนไปเป็นแสน
ถ้าเราไม่เคยไปรับเป่ายันต์ เราก็พกผ้ายันต์ติดตัวไว้ แต่แปลก..ผ้ายันต์เกราะเพชรของอาตมา
มีคนเขาเอาไปใช้ในทางค้าขายแล้วขายดี ก็เลยมีคนตามไปหาถึงวัด อาตมาก็สงสัยว่าตั้งใจสร้างในทางป้องกัน
กลายเป็นค้าขายได้อย่างไร ? อ๋อ..ที่แท้ พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้
ถ้าเราศรัทธาจริง ๆ และมีบุญเก่าหนุนเสริม อธิษฐานอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ขอขมาพระรัตนตรัย แก้การสะท้อนไสยศาสตร์จากยันต์เกราะเพชร
แต่ว่าอานุภาพของยันต์เกราะเพชรที่แท้จริงนั้น
อันดับแรก...
ถ้าผู้รับยันต์ไปสามารถรักษาเอาไว้ได้จะไม่ตายโหง
ก็แปลว่าท่านจะออกรบก็ดี
จะเดินทางก็ตาม หรือทำหน้าที่การงานใด ๆ
ก็จะไม่ตายด้วยอาการผิดปกติ
อันดับที่สอง...
ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้วรักษาไว้ได้ สามารถป้องกันพิษของสัตว์มีพิษได้ทุกชนิด
อันดับที่สาม...
ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนไสยศาสตร์ที่บุคคลอื่นตั้งใจทำใส่เรากลับคืนไปทั้งหมด
วันนี้ตอนพุทธาภิเษก ก็มีนักเลงดีแอบเล่นอาตมาเข้า
ป่านนี้ก็น่าจะตะเกียกตะกายไปโรงพยาบาลแล้ว สมน้ำหน้า..!
ขอบอกวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องไปหาหมอคือ
แค่ตั้งใจมากราบขอขมาพระรัตนตรัยก็จบแล้ว
ถ้าหากว่าไม่ยอมมากราบขอขมาพระรัตนตรัยก็จงลำบากต่อไป
ยันต์เกราะเพชรเป็นคู่ศึกของไสยศาสตร์โดยตรง เพราะว่าเป็นพุทธานุภาพ
คืออานุภาพของพระพุทธเจ้าท่าน พุทธะ แปลว่า ตื่น ส่วน ไสยะ แปลว่า หลับ
ในเมื่อตื่นกับหลับ ความสว่างกับความมืด จึงเป็นคู่ศึกแก่กันโดยตรง
ท่านใดที่พกยันต์ติดตัวหรือว่ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าสามารถรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อได้
ก็คือ การไม่กินเหล้า ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเองและครอบครัว กับการไม่ลักขโมย
ซึ่งเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ท่านก็จะสามารถรักษายันต์เกราะเพชรให้คุ้มครองตนเองเอาไว้ได้
ท่านใดที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว จึงควรที่จะเว้นขาดจากแอลกอฮอล์ทั้งปวงและการลักขโมย
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปกินเอาเหล้าหรือว่ากินอาหารที่ผสมเหล้าเข้าไป
วิธีสังเกตชัดที่สุดก็คือ จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังไปเลย แปลว่ายันต์เกราะเพชรกลับไปหาพระพุทธเจ้าท่านแล้ว
ไม่มีอะไรคุ้มกันเราได้แล้ว ถ้ามีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็มารับใหม่
หรือถ้าไม่มีก็แปลว่าเราไม่สามารถที่จะรักษาของดีเอาไว้คุ้มครองป้องกันตนเองได้อีกต่อไป
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115
ท่านทั้งหลาย ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว รักษาไว้ได้
อันดับแรก ถ้าไม่ถึงอายุขัยจะไม่ตายโหง
อันดับที่ ๒ ถ้าหากว่าโดนสัตว์พิษทั้งหลายกัด จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ
อันดับที่ ๓ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ ไม่ว่าจะวิชาของใครก็ตาม
อันดับสุดท้าย ใครทำไสยศาสตร์ใส่เรา จะโดนสะท้อนกลับไปทั้งหมด
แล้วถามว่าการรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ ต้องรักษาอย่างไร ? ท่านว่าให้รักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือ ไม่ลักขโมยและไม่ดื่มสุรา ไม่เสพยาเสพติด
ถามว่าการลักขโมยนั้นมีโทษอย่างไร ? ท่านบอกว่าเป็นการเบียดเบียนคนอื่น การดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดเป็นการเบียดเบียนตัวเอง
ในส่วนของการรักษายันต์เกราะเพชรนั้น เรื่องของสุราท่านเน้นไว้ว่า ถ้าเป็นการรักษาโรคตามสูตร อย่างเช่นประเภทยาดอง ให้กินตามหมอสั่ง ถ้าเป็นการกินตามหมอสั่ง ยันต์เกราะเพชรยังอยู่ได้ แต่ถ้ากินเอาเมากินเอาสนุก ยันต์เกราะเพชรจะสูญหายทันที โดยเฉพาะระยะนี้ให้ระมัดระวังในเรื่องของอาหารให้มาก อาตมาเจอมาแล้ว ทั้งช็อกโกแลตไส้บรั่นดี ทั้งไอศกรีมรสรัม ทั้งอาหารที่ใส่เหล้า แต่โชคดีว่าเป็นคนจมูกไว พอได้กลิ่นก็รู้ว่ากินไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องละไว้
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรับประทานลงไป ความรู้สึกไว ๆ จะรู้เลยว่าร้อนวาบออกผิวหนังตัวเอง แปลว่ายันต์เกราะเพชรโบกมือลา มีโอกาสค่อยมารับการเป่ายันต์ฯ ใหม่
.............
มีญาติโยมถามว่า ระหว่างการรับยันต์เกราะเพชรที่เป่าเข้าไปในตัวกับผ้ายันต์เกราะเพชร อย่างไหนจะดีกว่ากัน ?
อาตมาขอบอกว่ามีจุดเด่นจุดด้อยด้วยกันทั้งคู่
การรับยันต์ติดตัวไปไหนเราไม่ลืมแน่
แต่ถ้าเผลอละเมิดข้อห้ามยันต์ก็จะสูญไปเลย แต่การพกผ้ายันต์ติดตัวนั้นเราอาจจะลืมได้
แต่ถ้าละเมิดข้อห้ามก็แค่เลิกคุ้มครองชั่วคราว ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์เมื่อไรก็คุ้มครองได้อีก
เมื่อเป็นเช่นนั้นจะเอาทั้ง ๒ อย่างไปเลยก็ได้ ก็คือรับยันต์ไปด้วย พกผ้ายันต์ติดตัวไปด้วย
แต่ผ้ายันต์เกราะเพชรของอาตมา ไม่ทราบว่าพระท่านทำท่าไหน
เห็นว่าเขาไปใช้ในด้านค้าขายก็ดีอีกด้วย อาตมาก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน
การที่ท่านรับยันต์ไปจะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวเราแล้ว ?
ท่านบอกว่าระยะที่เรานั่งภาวนาอยู่ ถ้ารู้สึกว่าร้อนหู ร้อนหน้า ร้อนตัว หนักหัว หนักไหล่
บางคนก็รู้สึกคันยุบยิบไปตามตัวเหมือนมีอะไรไต่อะไรตอม บางคนก็ขนลุกเป็นหนามเลย
ถ้าลักษณะอย่างนั้นแปลว่ายันต์กำลังเข้าตัวแล้ว
ส่วนที่ท่านอยากจะพิสูจน์ ให้ไปหาสาว ๆ ที่ท้องครั้งแรกมารับยันต์ด้วย
ถ้าหากว่าลูกคลอดออกมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมาให้เห็น อาตมาเจอมาหลายรายแล้ว
บางรายนี่ลายทั้งตัวเป็นตุ๊กแกเลย แต่ว่าไม่ต้องกลัว
เพราะว่าภายใน ๗ วันก็จะซึมเข้าไปในกระดูกจนหมด
เพราะฉะนั้น...ใครที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้าลูกเกิดมาตัวลาย ๆ ก็ไม่ต้องกังวล
มีอยู่รายหนึ่งทำคลอดแบบโบราณ มีหมอตำแยด้วย
ลูกเกิดมาตัวลายพร้อยเลย แม่ก็ตกใจ ถามว่าลูกจะเป็นอะไรไหม ?
หมอตำแยบอกไม่ต้องห่วงอีหนู เดี๋ยวแม่จัดการเอง ว่าแล้วก็อมเหล้า
พ่นพรวดเดียวหายเรียบ โถ...คุณยาย ร้ายกาจเหลือเกิน รู้ด้วยว่ายันต์เกราะเพชรต้องแก้ด้วยเหล้า...!
แต่ขอยืนยันว่ายันต์ไม่ได้หายไปไหน แต่หนีเหล้าเข้าไปอยู่ในกระดูกแล้ว
ถ้าหากว่าเป็นลูกผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่รับยันต์เกราะเพชรไป
จะไปพิสูจน์ได้อีกทีตอนตายแล้วเผา มาเผาที่วัดท่าขนุนก็ได้ มีเมรุปลอดมลพิษอยู่ ๒ ชั่วโมงก็เก็บกระดูกได้แล้ว
ก่อนเก็บกระดูกก็หยิบชิ้นโต ๆ มาถ่ายรูปไว้ จะมียันต์ติดที่กระดูก
ในเมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าหากว่าภาวนาอยู่ทุกวัน ก็จะมีอานุภาพดังที่กล่าวมาคือ
ถ้าไม่ได้หมดอายุขัยจริง ๆ ก็จะไม่ตายโหง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์
และจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทั้งหมดที่เขาทำมา
เรื่องพวกนี้อาตมาพิสูจน์ทราบมานับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งมั่นใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
สมัยประมาณปี ๒๕๒๕-๒๕๒๖ อาตมาปลดอาวุธก็คือวัตถุมงคลในตัวหมดเกลี้ยงเลย
เพราะมั่นในใจตัวเอง เนื่องจากว่ากำหนดจิตดูเมื่อไรก็เห็นยันต์เกราะเพชรสว่างไสวอยู่ในอก
ลุยได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มาตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าแกประมาทเกินไป
ถ้าวันไหนแกลืมอาราธนา วันนั้นจะซวย
อาตมาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ลืม แต่ท่านบอกว่าถ้าวาระกรรมมาถึงก็จะลืม
จึงต้องเปลี่ยนมาพกพระของหลวงพ่อแทน พกไปพกมาก็พกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุดพกเป็นลัง..! ก็หลวงพ่ออยากทำให้ผมหมดความมั่นใจนี่ครับ
..............................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน