ตะโพน
ด้านดนตรีไทย ตะโพนไทยเป็นประธานเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลของดนตรีไทย ใช้บรรเลงเพลงในพิธีการงานมงคล และเพลงที่ใช้บรรเลงซึ่งมีตะโพนตีกำกับนั้นก็ล้วนเป็นเพลงหน้าพาทย์ ตั้งแต่หน้าพาทย์ชั้นสามัญ ชั้นกลาง ชั้นสูง ในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งโขน ละคร ฟ้อนรำ หรือเพลงประเภทเพลงเรื่องที่ใช้ในการพิธีมงคลต่างๆล้วนมีตะโพนเป็นเครื่องดนตรีกำกับจังหวะที่สำคัญทั้งสิ้น ซึ่งนักดนตรีไทยให้ความเคารพและยกให้เป็นประธานของเครื่องดนตรีไทย เป็นสิ่งแทนพระปรคนธรรพ ซึ่งเป็นครูใหญ่ในดุริยางค์ไทย เป็นบรมครูหนึ่งในดุริยเทพ กล่าวกันว่า พระปรคนธรรพเป็นบรมครูที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ คือ ด้านดนตรี ,โหราศาสตร์ ,กฎหมาย ,การแพทย์ , ไสยศาสตร์ ซึ่งตะโพนทุกใบ คือตัวแทนพระปรคนธรรพ
ในด้านวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ตะโพน ก็มีปรากฎเรื่องราวความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มาแต่โบราณ มีการสร้างตะโพนขนาดเล็ก แบบพกติดตัวได้ หรือตะโพนขนาดย่อส่วนบูชากับมากมาย ตามสายวิชาตะโพนเน้นไปทางด้านเมตตามหานิยม เสน่ห์หา เรียกคน เรียกทรัพย์ ไปจนถึงการคุ้มครองป้องกันภัย ในสายวิชาตะโพนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของแผ่นดิน ที่หลายๆท่านทราบดี เป็นที่หมายปอง และสุดแสนจะหายากราคาสูงนับแสน คือตะโพนหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ สืบทอดลงมาในสายครูบาอาจารย์สายอ่างทอง ล้วนแล้วแต่เข้มขลัง ตามอาถรรพ์วิชา ประสบการณ์มากมาย
✨" ตะโพน " สัญลักษณ์แทนครูองค์พระปรคนธรรพ✨
พระปรคนธรรพ " ราชาแห่งคนธรรพ์ " หนึ่งในมหาฤๅษีมหาประชาบดีทั้งเจ็ด ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ โหราศาสตร์ ผู้บรรเลงสรรพเสียงอันเป็นทิพย์มงคลขับกล่อมพระเป็นเจ้า ซึ่งมี " ตะโพน " ( ที่ใช้ควบคุมจังหวะหน้าทับในการบรรเลงเพลงปี่พาทย์ ดุจหางเสือบังคับทิศทางให้เรือแล่นสู่จุดหมายที่ถูกต้อง ได้รับการยกย่องในฐานะ "
ราชาแห่งเครื่องดนตรีไทย " ) เป็นสัญลักษณ์แทนองค์
ตะโพน
เป็นสัญลักษณ์แห่งบรมครูดนตรี
คือ องค์พระปรโคนธรรพ ท่านเป็นครูตะโพน ที่เหล่าศิลปินดนตรีไทย
ให้ความเคารพบูชาและยำเกรงเป็นอย่างยิ่ง
วิชาอาถรรพ์ในสายดนตรีจะไปอยู่ที่ตะโพนเป็นหลัก
เพราะ ตะโพนถือเป็นเครื่องประกอบจังหวะหน้าทับประกอบบทเพลง
และบางเพลง ทำหน้าที่ขึ้นต้นเพลง
เช่น เพลงสาธุการ และเพลงตระพระปรโคนธรรพ ในสายดนตรีสมัยโบราณ
ดินหน้าตะโพน
ก่อนจะติดที่หน้าตะโพนเพื่อตั้งถ่วงเสียงให้เข้าที่ตามต้องการ
ในขณะที่กำลังปั้นและระหว่างติดดินที่หน้าตะโพนต้องภาวนาคาถากำกับ
เพื่อให้เกิดเป็นมหานิยมมหาเสน่ห์ เมื่อเสียงตีตะโพนดังขึ้น
ใครได้ยินเกิดความหลงไหลเคลิ้บเคลิ้ม
น้ำล้างหน้าตะโพน
ครูบาอาจารย์ก่อนที่จะทำพิธีไหว้ครู
ท่านจะล้างหน้าตะโพนด้วยน้ำสะอาด
และบอกกล่าวพลีกรรมขอน้ำเทพมนต์มาประพรมศิษย์
กันเสนียดจัญไร แก้อาถรรพ์ และเป็นเมตตามหานิยมชั้นสูง
วิชาตะโพน
เป็นวิชาตำราโบราณ เป็นวัตถุมงคลเครื่องรางชนิดหนึ่งที่นิยมมาช้านาน
และมวลสารตามตำราที่บรรจุในตะโพน
คือ ใบพลูร่วมใจ ดินเจ็ดป่าช้า ดินกลางตลาดเจ็ดตลาด
และผงสำคัญตามตำราวัดโบสถ์เป็นผงที่ครูลิเกโบราณท่านใช้ผัดหน้าเวลาออก
แสดง(แรงมากด้านมหานิยม)
ซึ่งเป็นผงเด่นมากด้านเสน่ห์เมตตาให้คนรัก
วิชาสายนี้เป็นวิชาสายที่จะเรียกว่ามหานิยมให้คนชื่นชอบก็ไม่ผิด
เพราะครูลิเกโบราณหรือการแสดงต่างๆ
ก็ต้องหวังผลทางให้คนชื่นชอบ
การเจรจาขับร้อง หรือในทำนองว่าสะกดคนดู
คาถาเสกตะโพน
นะเฮ นะเหาะ นะหัวเราะ จำเพาะนะฮา
นะฮานะเฮ นะพุทธ นะเส สัพเพชะนา.......หัวเราะให้ดังๆ.
ประสิทธิสวาโหม ....นะลมนะเล่นหัวเราะรำเต้น.....มหาพิศสวง
โอมหลงมหาหลง ฤ ฤา ฤ ฤา ชื่อให้ฤาชา....โอม
นะโมพุทธายะ อะ อา อิ อี อึ อือ ....ฤ ฤา ฤาชื่อ ให้ฤาชา
คาถาบทนี้สมัยก่อนปี 2500
อาจารย์ดอกดิน เสือสง่า ครูลิเกโบราณใช้เสกแป้ง
เสกหมากพลูกิน มหานิยมชั้นยอด
หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ท่านถ่ายทอดให้ไป
ในสายวิชาวัดโบสถ์นี้ ตะโพนต้องดัง หวังผลให้เลื่องลือ
คนใช้ถ้าใช้ถึง ใช้เป็น เซ่นครูบูชาด้วยหมากพลูบ้างตามกาลสมควร
(บอกกล่าวบูชาที่ตะโพน) ทำบุญอุทิศให้องค์หลวงพ่อภักตร์ ครูตะโพน
คือ องค์พระปรโคนธรรพ ก่อนใช้บูชาก็ระลึกถึงบารมีหลวงพ่อภักตร์
และครูบาอาจารย์ท่าน และอธิษฐานเอาตามใจ
ถ้าทำถูกต้องทุกประการย่อมสำเร็จผลทุกประการฯ
🌈ตะโพนยิ่งตียิ่งดัง หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์🌈
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน กล่าวถึง "หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ "
🎈หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ เป็นสุดยอดพระอภิญญาอันดับต้น ๆ
ของภาคกลาง วัตถุมงคลของท่านมีพุทธคุณสูงล้ำเป็นที่ประจักษ์กันทั่วไป
ที่โด่งดังมากก็คือ “เบี้ยแก้” ซึ่งเป็นอัน ๆ บต้นของเบี้ยแก้สายอ่างทอง
"ตะโพน" และ “มะเฟือง”
ตะโพน หลวงพ่อภักตร์ นับเป็นเครื่องรางที่สุดยอดด้านเมตตามหานิยม
สมัยที่หลวงพ่อยังอยู่ ลิเกคณะหอมหวลไปเล่นที่วัดแล้วไม่มีคนดู
หลวงพ่อท่านสงสาร จึงลงอักขระให้ที่กลองตะโพน
ปรากฏว่าในเย็นวันนั้นคนมาดูลิเกกันแน่นโรง
หลังจากนั้นชื่อเสียงของลิเกคณะหอมหวลก็โด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองไทย
คณะลิเกอื่น ๆ พอทราบข่าว ก็พากันมาฝากตัวเป็นศิษย์
และนำตะโพนของคณะมาให้หลวงพ่อท่านลงบ้าง
ปรากฏว่าทุกคณะล้วนแต่รับงานจนแทบจะเล่นกันไม่ไหว
จากเหตุนี้เองทำให้งานประจำปีของวัดโบสถ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
จะมีคณะลิเกไปตั้งโรงแสดง
เพื่อเป็นการบูชาคุณของหลวงพ่อภักตร์กันเนืองแน่น
ตะโพนนั้นถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีเอก
จะขึ้นก่อนเครื่องดนตรีชนิดอื่น
เสียงและจังหวะดังเร่งเร้ากระตุ้นจิตใจให้คนสนใจที่จะมาดู
ถือเป็นเคล็ดอย่างหนึ่งว่า เป็นเมตตามหานิยมอย่างเอกอุ
หลวงพ่อท่านได้สร้างตะโพนจากเขากวางไว้แจกพวกศิลปิน
เมื่อนำติดตัวจะเป็นเมตตามหานิยมแก่ผู้พบเห็น
มีคุณวิเศษเป็นที่เลื่องลือ นักการเมืองแถบอ่างทอง
และจังหวัดใกล้เคียงทุกคน จะต้องเสาะแสวงหาและมีติดตัวไว้
จนกลายเป็นวัตถุมงคลที่หาได้ยากแม้แต่กับคนข้างวัด
🌷🌷
🎈หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ต้องบอกว่าเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่
ที่ทำอะไรก็ดังไปหมด โดยเฉพาะตะโพน มะเฟือง
เบี้ยแก้ของท่านนี่ราคาแพงหูดับตับไหม้เลย
ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา มั่นใจได้เลยนักการเมืองแถวชัยนาท
แถวอ่างทอง แถวสิงห์บุรี ทุกคนต้องมีตะโพนหลวงพ่อภักตร์ติดตัว
สมัยก่อนอาตมาตามท่านอยู่เป็นปีกว่าจะได้ตะโพนลูกแรกมา
หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ตามมาเรื่อย ๆ
จนกระทั่งท้ายสุดเอาไปออกกระทู้คนมีเงินเป็นสิบลูก
บรรดาเซียนเห็นก็จะเป็นลม อาจารย์ออกราคาแค่นี้เองหรือ ?
บอกว่าใช่ แค่นี้ลูกศิษย์ก็บอกว่าแพงฉิบหายแล้ว
แต่ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์นี่ต้องดูดี ๆ นะ
ไม่ใช่งาช้าง เป็นเขากวาง เขากวางพอเกลาเปลือกออก
แล้วจะมีสีเหลืองอ่อนคล้ายงาช้าง เพราะฉะนั้นต้องดูไส้ใน
ไส้ในเขากวางจะมีแกนกระดูกที่เป็นพรุน ๆ อยู่ ขณะเดียวกันถ้าเป็นปลายเขา
ไม่มีแกนไขกระดูก ก็ต้องดูห่วง ดูรอยเชื่อม
เพราะว่าหลวงพ่อท่านจะอุดผงวิเศษก่อนแล้วค่อยใส่ห่วงทุกอัน"
🎈หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ส่วนที่ท่านดังเป็นพิเศษคือตะโพน
ตะโพนแกะสลักจากงาช้าง ความจริงส่วนใหญ่เป็นเขากวางไม่ใช่งาช้าง
พวกบรรดาลิเกทั่วฟ้าเมืองไทยยุคนั้น ต้องไปกราบหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์
ขอตะโพนให้ได้ เล่นที่ไหนก็ดัง
ถาม : ที่เขาโพสต์จองวัตถุมงคลหลายรายการ เขาเอาหมดจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : เขาเอาจริง ๆ แต่พอแจ้งราคาไปเดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำท่าอย่างไร
อย่างบางคนจะเอาตะโพนหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์
ของหลวงพ่อภักตร์นี่คนมีเงินยังหาไม่ได้เลย คราวที่แล้วออกไปลูกหนึ่ง
ใครจะไปคิดว่าลูกแค่ปลายนิ้วก้อย คนกล้าสู้เป็นแสน
ต่อให้มีเงินก็หาของไม่ได้
แต่ละคนที่ลงรายการขอบูชาไปได้คิดถึงราคาบ้างหรือเปล่า ?
อาตมายังสงสัยอยู่ว่าพอแจ้งราคาแล้วจะสลบกันไหม ?
อย่างตะโพนของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์
เป็นเขากวางเกือบจะ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย
ฉะนั้น...ตะโพนของหลวงพ่อภักตร์จะไม่มีลายงา
แล้วเส้นเลือดของเขากวางจะเป็นจุดตายที่เราดูว่าแท้หรือเทียม
คนไม่รู้คิดจะปลอม เล่นเอางาช้างกลึงมาเลยก็มี"
หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ หลวงพ่อภักตร์จริง ๆ
แล้วดังเรื่องตะโพนมากกว่า บรรดาศิลปินนักร้องนักแสดงนี่แสวงหากันสุดชีวิต
เพราะว่าเป็นเมตตามหานิยม ใครจะสมัคร ส.ส. จังหวัดอ่างทอง
ถ้าไม่มีตะโพนหลวงพ่อภักตร์ไม่ต้องไปสมัครหรอก ไม่ได้รับประทานแน่
เพราะผู้สมัครท่านอื่นพกตะโพนกันนั้น เมตตามหานิยมขนาดไหน ?
ขนาดให้คนเลือกเป็น ส.ส. ได้ แต่ปรากฏว่าท่านมาดังเรื่องเบี้ยแก้ด้วย
🎈ตะโพนหลวงพ่อภักตร์ ระยะหลังนี่คนปลอมกันมาก ต้องดูเป็น
ตะโพนหลวงพ่อภักตร์เป็นเขากวาง คนปลอมส่วนใหญ่ไม่รู้
จะใช้งาช้างทำปลอม แล้วก่อนที่ท่านจะใส่ขั้วแขวนตะโพน
ท่านจะบรรจุผงวิเศษไว้ด้วย ถ้าส่องดูไม่มีผงนี่
ไม่ต้องไปจับ ของปลอมแน่นอน ขอยืนยันว่าเป็นผงนะ ผงผสมกาว
ไม่ใช่ว่าประเภทเอากาวมาอุดเฉย ๆ ดูความเก่าของขั้วแขวน
ดูผง ดูเนื้อ ของปลอมส่วนใหญ่จะทำด้วยงาช้าง"
🙏ขอบคุณที่มาดีๆจากเว็บวัดท่าขนุน🙏
--------
๑.นะเฮ นะเหาะ นะหัวเราะ
จำเพาะนะฮา (ลงอักขระขอมทีหนึ่ง)
๒.นะฮา นะเฮ นะพุทธะเสเส สัพเพ ชะนา (ลงอักขระ)
๓.นะเมตตา ประสกที่มา สีกาที่นั่ง
หัวเราะให้ดังๆ ประสิทธิ์สวาโหม (ลงอักขระ)
๔ นะโลน นะเล่น หัวเราะรำเต้น
ปาอุสุชา มหาพิศวง โอมหลง มหาหลง (ลงอักขระ)
๕ ฤฤา ฦฦา ฦาฦาชื่อ ให้ฦาชา เฮฮาหัวเราะเรา (ลงอักขระ)
๖.โอม นะโม พุทธายะ สัทธัง
อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ เอาฤฤา
ฦฦา ฦาชื่อ ให้ฦาชา (บทนี้ให้เสกแป้ง)
----
วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๙ น.
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก) เจ้าอาวาส วัดท่าขนุน
ปลุกเสกวัตถุมงคล ร่วมกับ
พระครูสมุทรพิทยาคม(หลวงพ่อใจ) วัดพระยาญาติ
และ พระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม วัดพุทธพรหมยาน
ณ มณฑลพิธี วัดบ้านห้วยน้ำขาว
หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
"หลวงพ่อครับ นำเรียนก่อนครับ
วันนี้มี #ตะกรุดโสฬส
มี #ตะกรุดคู่ชีวิต มี #ธงมหาระงับ
มี #ตะกรุดและธงนารายณ์พลิกแผ่นดิน มี...ฯลฯ "
" เออ..ตั้งแต่เรียน #วิธีสร้างธงมหาระงับ
และ #ตะกรุดคู่ชีวิตมา ตูยังไม่กล้าทำเลย"
"พอดีพวกนักเรียนนายร้อยเขาอยากได้ครับ"
นักเรียนนายร้อยตำรวจของเอ็ง
ปัจจุบันนี้ติดยศพันตำรวจตรี
พันตำรวจโทกันหมดแล้ว
ยังติดปากเรียกนักเรียนนายร้อยอยู่นั่นแหละ..!
"แล้วนารายณ์พลิกแผ่นดินทำไมไม่เขียนมือวะ ?"
คำถามนี้ทำเอาปลัดเอกลักษณ์ของเรายิ้มแห้ง ๆ
"ถ้าเขียนมือก็คงได้แต่หัวใจเท่านั้นแหละครับ"
ความจริงปลัดเอกลักษณ์เขียนยันต์ต่าง ๆ
ได้สวยงามมาก อาตมาเห็นแล้วยังอยากได้
แต่เวลาสร้างมาก ๆ แบบนี้ ขืนไปนั่งเขียนทีละแผ่น
มีหวังได้แจกตอนอายุ ๘๐ ปีเป็นแน่แท้..!
จัดการตรวจสอบว่าวัตถุมงคลต่าง ๆ
ลงอักขระเลขยันต์ได้ถูกต้องหรือไม่ ?
"#ท่านอาจารย์บ๊ะเมตตาตรวจสอบธงมหาระงับให้แล้วครับ
ส่วนตะกรุดมหาโสฬส หลวงพี่ปิง ตรวจสอบให้ครับ"
"แล้วโน่นล่ะ ?"
อาตมาชี้ไปที่ #ตะโพน ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า
และ หน้ากากอนามัยที่กองพะเนินอยู่
" หน้ากากหลวงพี่เอกลักษณ์เขียนยันต์ให้ครับ
ส่วน #ตะโพนต้องอาศัยหลวงพ่อแล้วครับ "
หากินง่ายดีนี่หว่า..!
กราบนิมนต์หลวงพ่อใจ(พระครูสมุทรพิทยาคม)
วัดพระยาญาติ เข้าที่แล้ว
อาตมาก็ส่งใจขึ้นไปกราบพระ
#กราบครูบาอาจารย์
เชิญ #ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหม
#ท่านปู่พระอินทร์ #ท้าวมหาราชทั้ง๔
มาร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วยพร้อมกับสารภาพแต่โดยดีว่า
"ของบางอย่างผมยังไม่เคยทำเลยครับ"
กราบอาราธนาบารมี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นประธาน
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
ชี้ไปที่ #พระอัครสาวกเบื้องซ้าย
ตรัสว่า "#ให้ผู้เลิศไปด้วยฤทธิ์บอกวิธีการให้ก็แล้วกัน"
พระมหาโมคคัลลานะ ถูไม้ถูมือแบบมันเขี้ยว
บอกให้น้อมจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
แล้ว ภาวนาอิติปิโส ๓ ห้อง ๓ จบ
" #จำไว้ว่าพุทธศาสตร์
#ต้องขึ้นด้วยคุณพระรัตนตรัยเป็นอันดับแรก "
รัศมีสีเหลืองทองสว่างไสว ที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า
คุณพระศรีรัตนตรัย แผ่คลุมลงมาทั่วทั้งบริเวณ
รู้สึกสดชื่น โปร่งเบา สบายจนบอกไม่ถูก
เมื่อภาวนาครบแล้ว คำสั่งต่อไปก็ คือ
"เดินธาตุ๔ แล้วลงอาการ๓๒"
ตรงนี้ถ้าเป็นสายอื่นก็แทบตายเลย
เพราะว่าต้องกำหนดภาวนาพระคาถานะมะพะทะ
เดินธาตุทีละตัว ซึ่งแต่ละตัวประกอบด้วยคาถา
และวิธีการเยอะมาก
แต่ในเมื่อผู้บัญชาการเป็น #พระมหาเถระผู้เลิศด้วยฤทธิ์
ขืนไปใช้วิธีการแบบนั้นมีหวังโดนเขกหัวบวม
ก็ต้องตั้งดวงกสิณทั้งสี่
คือ ดิน (มหาอุตม์ คงกระพัน)
น้ำ(เมตตามหานิยม)
ลม(แคล้วคลาดปลอดภัย)
ไฟ(ทำลายไสยเวทย์อาคม)
มหาภูตรูปต้นกำเนิดทั้ง ๔
หมุนวนเข้ามาทั้ง ๔ ทิศ
ประกอบรวมเข้าด้วยกัน
ประหนึ่งจะสร้างจักรวาลใหม่ขึ้นมาทั้งจักรวาล
แล้วแทนที่จะเดินอาการ ๓๒
ด้วยการภาวนากำหนด "อัตถิ อิมัสมิง กาเยฯ"
ทีละอย่างแบบสายอื่น
หลวงพ่อจอมยุทธท่านกลับให้เพิ่มอากาสกสิณ
ต่อด้วยวิญญาณัญจายตนฌาน
ประกบรวมเข้าไปจนกลายเป็นกระแสพลังขุมมหึมาที่หมุนเวียนเชี่ยวกราก
ประหนึ่งแกแล็กซี่กำเนิดขึ้นในห้วงอวกาศ ครอบคลุมลงมาในบริเวณพิธี
พลังงานสารพัดสีพุ่งเข้าสู่วัตถุมงคล
เหมือนสายน้ำโดนดูดซับด้วยฟองน้ำก็ไม่ปาน
เมื่อเต็มเปี่ยมดีแล้วก็แผ่ขยายสว่างไสวรุ่งโรจน์
ดุจดาวฤกษ์ประดับฟ้ายามราตรี
คิดว่าเสร็จพิธีแล้ว ที่ไหนได้...
หลวงพ่อท่านให้ต่อด้วย
#พระคาถาชินบัญชร #พระคาถาเงินล้าน
ตามมาด้วย
#พระคาถามหาโสฬส(โสฬะสะมังคะลัญเจวะฯ)
#ตรีนิสิงเห (ตรีนิสิงเห สัตตะนาเค ปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะฯ)
#จตุโรบังเกิดทรัพย์ (จะตุโร นะวะโม ทะเวโชฯ)
ตามมาด้วยของที่เรียนแต่ไม่เคยทำ
อย่าง #พระคาถาตะกรุดคู่ชีวิต(อะสิสัตติธะนูเจวะฯ)
พระคาถา #ปลุกธงมหาระงับ
(โอมมะหาระงับ หลับสิ้นทั้งบ้านฯ)
#พระคาถานารายณ์พลิกแผ่นดิน (วาโธโนอะมะมะวา)
#พระคาถาเสกตะโพน (นะเฮ นะฮา นะเหาะฯ) ฯลฯ
ทุกอย่างต้องกำหนดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผ่านครูบาอาจารย์ ลงไปยังกองวัตถุมงคล
แล้ว #หลวงพ่อพระมหาโมคคัลลานะก็ให้ปิดท้ายด้วย
พระคาถาไตรสรณาคมน์ (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ)
พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ พระคาถาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
เมื่อท่านบอกว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และกลับเข้าสู่เถรอาสน์
อาตมภาพก็น้อมกราบในพร
-----------
วัตถุมงคลตัวครูนั้นมีหลายความหมาย
ความหมายแรก
เป็นวัตถุมงคลชิ้นแรก
ที่ครูบาอาจารย์เมื่อศึกษาวิชาการนั้นสำเร็จ
แล้วทำขึ้นมา โดยตั้งใจให้เป็นต้นแบบของชิ้นอื่น ๆ
ส่วนใหญ่ก็จะทำให้มีใหญ่เป็นพิเศษ
เพื่อเก็บรายละเอียดให้หมด
เวลาทำวัตถุมงคลชิ้นอื่น
แม้ว่าจะเป็นชิ้นเล็ก เมื่อมีต้นแบบแล้ว
ก็จะได้ลอกแบบได้โดยที่ไม่ผิดเพี้ยนมากนัก
เพราะว่าสมัยก่อนส่วนใหญ่แล้วทำด้วยมือ
ไม่ได้ทำด้วยเครื่องหรือว่าหล่อขึ้นมา
ประการที่สอง
วัตถุมงคลตัวครูเป็นการลงวิชาความรู้ทุกอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านนั้นศึกษามาเอาไว้ในนั้น
พูดง่าย ๆ ว่าครูสอนมาเท่าไร ก็ใส่ลงไปหมดแค่นั้น
สมัยก่อนที่กระผม/อาตมภาพจะบวช
มีหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
จังหวัดชัยนาท พวกกระผม/อาตมภาพ
ไปขอตะกรุด ขอมีดหมอ ปรากฏว่า
ตะกรุดท่านดอกใหญ่เบ้อเร่อ..! ถามว่า
"หลวงพ่อครับ ทำไมไม่ทำดอกเล็ก ๆ บ้าง ?"
ท่านบอกว่า "ทำดอกเล็กแล้วลงวิชาครูไม่หมด"
ก็คือในเมื่อทำให้ ก็ใส่หมดแค่ที่ตัวเองมี
ครูบาอาจารย์แบบนี้
ถ้าใครมีก็ถือว่าโชคดีที่สุด..!
ประการที่สาม
วัตถุมงคลตัวครู มอบให้แก่ใคร
เท่ากับว่าบุคคลนั้น ถ้ารู้วิธีสร้าง
เท่ากับว่าเป็นผู้สืบสายวิชาการของสายนั้น ๆ
ไปโดยปริยาย เพราะว่าถ้าครูบาอาจารย์ท่าน
ไม่เห็นแววท่านก็ไม่ให้
เหมือนอย่างที่หลวงปู่กลั่น วัดเขาอ้อ
ท่านจะเอากระผม/อาตมภาพไปสืบสายวิชา
ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ
จนต้องปฏิเสธกันวุ่นวายหลายครั้ง
ดังนั้น..
ในเรื่องของวัตถุมงคลที่เป็นตัวครู
มักจะเป็นชิ้นพิเศษ หายาก สร้างน้อย
บางท่านในชีวิตก็สร้างแค่ชิ้นเดียว
จึงกลายเป็นของที่ใครมีก็ต้องพยายามรักษาเอาไว้
ขอให้พวกเราเข้าใจว่าความหมายโดยรวมคือตามนี้
เพียงแต่ว่าระยะนี้ กระผม/อาตมภาพเอาของที่ต้องบอกว่าหาได้ง่าย ออกไปเกือบหมดแล้ว พวกของหายากที่เก็บ ๆ เอาไว้ก็ทยอยกันออกมา เพราะว่าตัวเองอายุกาลผ่านวัยก็มา ๖๐ กว่าปีแล้ว ถ้าหากว่าคนไหนรู้คุณค่าบูชาไป ก็ถือว่าช่วยดูแลรักษาต่อจากกระผม/อาตมภาพไปเอง
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน