พระขุนแผนเกราะเพรช เนื้อผง (หลังยันต์เกราะเพชร)
ฝั่ง ตะกรุดตะกรุดหัวใจขุนแผน
ตะกรุดเนื้อทองคำแท้ ปี2559 - หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
พระขุนแผนเกราะเพชร ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ขุนแผนรุ่นนี้ทำด้วยผงยานัตถ์ุ (เข้าพิธี 32 ประการ ) ของหลวงพ่อฤๅษี
และ ผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์ วัดบางนมโค
พิมพ์ใหญ่ ฝังตะกรุดหัวใจขุนแผน เนื้อทองคำ ๓,๐๐๐ องค์
พระขุนแผนเกราะเพชร พิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดทองคำจารหัวใจขุนแผน
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เนื้อผงยานัตถุ์หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
(เข้าพิธีปี ๓๒ รุ่นพร ๓๐ ประการ)
มวลสารคือยานัตถุ์หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง(เข้าพิธีปี ๓๒ รุ่นพร ๓๐ ประการ)
พระขุนแผนนี้เสก ๒ วาระด้วยกันคือ
๑.พิธีพุทธาภิเษก รุ่น ฝ่าวิกฤต รอบพิเศษ ที่บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๕ มี.ค. ๒๕๕๙ เป็นรุ่น ฝ่าวิกฤต ๕๓๕๙
( เปรียบดังรุ่นฝ่าวิกฤตอีกรุ่นหนึ่ง ) หรือ ขุนแผนเตรียมรบ ( รบกับเศรษฐกิจ )
ขุนแผนรุ่นนี้ทำด้วยผงยานัตถ์ุหลวงพ่อฤๅษีที่อาตมาเก็บสะสมไว้
ก็จะมี พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดหัวใจขุนแผนเนื้อทองคำ
เนื้อนาก เนื้อเงิน และ พิมพ์เล็กมี เป็นเนื้อผงยานัตถุ์อย่างเดียว
ถาม ว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย ?
ท่านบอกว่าที่ต้องจัดพิธีขนาดนี้ เพราะอีก ๔ วัน
ตามตำราโหราศาสตร์ ดาวมฤตยูทับดวงเมือง สยดสยองไหม ?
ถ้าไม่ทำพิธีแบบนี้อาจจะมีเลือดนองท้องช้าง
แล้วถามว่าประโยชน์ทางด้านอื่น ท่านบอกว่าเศรษฐกิจแย่มาก ๆ
ฉะนั้น...รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นวัตถุมงคล รุ่นฝ่าวิกฤติแล้วกัน
คนอื่นจะเป็นอย่างไรช่างมัน
เพราะ ว่าพกอาวุธมาเต็มตัวขนาดนี้ต้องไปได้ ไปได้ยังไม่พอนะ
แก้วอินทนิล ของท่านเองเรื่องมหาลาภ มหาปราบนี่ ท่านจะถนัดมาก
ก็แปลว่าไปรอดแล้วยังต้องรวยด้วย"
"เนื่องจากพิธีครั้งนี้เป็นของ พิเศษ ก็คือมาเองโดยมิได้นัดหมาย
การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลชุดนี้คงจะก็ไม่เหมือนใคร ในเมื่อไม่เหมือนใคร
ก็คงไม่ต้องไปรอหาของใหม่ เพราะว่าเสกใหม่ก็ไม่เหมือน
มีทางเดียวถ้าต้องการคือ บูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ไปเลย
เสร็จแล้วก็ทำเครื่องหมายไว้ว่าเข้าพิธีชุดนี้.....
๒.พิธีบวงสรวงพุทธาภิเษกพระขุนแผนเกราะเพชร
และ เป่ายันต์เกราะเพชร ณ วัดท่าขนุน วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙
ส่วนผสมที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ที่อาตมาเก็บสะสมอยู่ตลอด ๑๑ ปี เนื่องจากว่าเวลาหลวงพ่อท่านเป่ายานัตถุ์ ถ้าญาติโยมถวายมามาก ๆ ใช้ไม่ทันก็จะมียานัตถุ์ที่เสื่อมคุณภาพ ท่านใช้ครั้ง ๒ ครั้ง ถ้าเห็นไม่ได้เรื่องท่านก็จะโยนมาให้ แล้วท่านก็ไปหาขวดใหม่ที่ใช้งานได้ อาตมาก็เอามาเทเก็บรวม ๆ กันไว้เป็นแกลลอน ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้งาน ได้นำเอาเข้าพิธีสำคัญของวัดท่าซุงตั้งแต่พิธีที่ท้าวมหาราชท่านแจ้งว่า พระท่านให้พรถึง ๓๐ ประการด้วยกัน แล้วก็เอาเข้าพิธีมาเรื่อย ๆท่านที่รับขุนแผนเกราะเพชรไปแล้ว คาถาปลุกพระ อาตมาอุตส่าห์ศึกษามาจากสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ก็คือ พระคาถาหัวใจขุนแผน หนุนด้วยธาตุ ๔ แต่ปรากฏว่าตอนพุทธาภิเษกใช้งานไม่ได้ พระท่านให้ใช้พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ก็คือ อิติ ปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญู มาคะตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จะ เตนะโม ต่อด้วย นะโมพุทธายะปีนี้ภัยธรรมชาติของบ้านเราจะรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วม สามารถขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้ผ่อนจากหนักเป็นเบาได้ ด้วยการภาวนาพระคาถานี้ไว้ทุกวัน อธิษฐานภาพพระให้ครอบตัวเรา หรือว่าบ้านเรือนของเรา หรือว่าคนในครอบครัวของเราเอาไว้ทุกวันภัยธรรมชาติเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็เกิดจากกรรมเก่าในอดีตที่พวกเราได้สร้างเอาไว้ ถึงเวลาแล้วตามมาทัน ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น โดยเฉพาะญาติโยมที่บ้านเรือนอยู่ปักษ์ใต้ ปีนี้ให้ระมัดระวังเรื่องน้ำท่วมให้จงหนัก ถ้าเป็นอาตมาเอง สักปลายกันยายนถึงต้นตุลาคม จะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว อยากจะท่วมก็ให้ท่วมแต่บ้านไปอย่าลืมที่พระท่านสั่งไว้นะให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ อธิษฐานภาพพระครอบตัวเรา หรือบ้านเรือนของเรา หรือว่าครอบครัวของเราไว้ทุกวัน เราจะผ่อนหนักเป็นเบาหรือจากเบาเป็นหายได้ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิจิตของเราและความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัยเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถบอกกล่าวกันได้ทุกครั้ง บางอย่างถึงท่านบอกมา อาตมาก็ไม่สามารถที่จะบอกต่อได้ บางอย่างท่านบอกมาร้อยหนึ่ง สามารถบอกได้แค่สิบยี่สิบเท่านั้น เพราะว่าเกี่ยวเนื่องด้วยวาระกรรมของคนหมู่มาก เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านทั้งหลายที่มีโอกาสได้รับรู้รับทราบ ก็แปลว่าถึงกรรมของเราจะหนัก ก็ยังมีโอกาสผ่อนหนักเป็นเบาได้ แต่ว่าต้องขยันภาวนาเอาไว้ทุกวัน อาตมาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า วันนี้อยู่ดี ๆ ทำไมลิ้นแตกจนพูดไม่ชัด อาจจะเป็นเพราะท่านไม่อยากให้บอกใครก็ได้อ้างอิงจากงานบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษก-เป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙-------"รุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่นี้ คือ ขุนแผนเกราะเพชร ใช้ผงยานัตถุ์จากหลวงพ่อวัดท่าซุงสร้าง คือ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป่ายานัตถุ์เป็นประจำ ต้องยี่ห้อลูกสาวหมอมีด้วย ยี่ห้ออื่นก็ไม่เอา ญาติโยมก็เอาไปถวายท่านมาก พอถวายท่านมาก ยานัตถุ์ต่อให้บรรจุดีขนาดไหนก็ตาม ก็จะต้องมีรั่วมีซึม ท้ายสุดกลิ่นก็เริ่มหมด สีก็จะเปลี่ยนจากสีค่อนข้างดำเป็นสีน้ำตาลอ่อน ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็ให้รื้อออกมาแล้วเลือกเอาขวดที่ยังดีอยู่ให้ท่าน ที่เหลือท่านก็ส่งให้ บอกว่า "แกจะเอาไปทำอะไรก็เอาไป" อาตมาก็เทรวม ๆ กันใส่แกลลอนเอาไว้ เทไปเทมาได้เป็นแกลลอนเลย เพราะ ว่ารื้อให้ท่านอยู่หลายปี เฝ้าหน้าห้องท่านอยู่ ๖ ปี รื้อกันอยู่ทุกปี ปีละหลายครั้ง"=====================
"คราวนี้ในส่วนของการสร้างพระขุนแผน
ถ้าจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับขุนแผนจริง ๆ ก็น่าจะเป็นของวัดท่าขนุนนี่แหละ
เพราะ ว่าตำราอื่นเขาเรียกขุนแผนเพราะว่าเป็นพิมพ์ ๕ เหลี่ยม
แต่ของวัดท่าขนุนต้องบอกว่า โดยสายเลือดอาตมาก็เป็นลูกหลานเมืองสุพรรณฯ
ที่เป็นบ้านเกิดของท่านย่าทองประศรี โดยที่อยู่ปัจจุบันก็ไปอยู่กาญจนบุรี
ที่ขุนแผนท่านเป็นเจ้าเมือง
สรุปแล้วถึงได้บอกว่าถ้าสร้างขึ้นมากลัวของเก่าอยู่แค่ ๒ สำนักเท่านั้น
คือขุนแผนเข้ากรุที่เป็นวัดใหญ่ชัยมงคลหรือบ้านกร่าง
และอีกสำนักหนึ่งคือหลวงปู่ทิม
อาตมาได้ไปอัญเชิญขุนแผนตัวจริงไว้เรียบร้อยแล้ว
ว่าวันพุทธาภิเษกขอให้มาช่วยด้วย ยังไม่รู้ว่าจะออกมาแบบไหน
แต่งานนี้ก็เน้นส่วนผสม ผงชนวนต่าง ๆ
โดยเฉพาะผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่อาตมาเก็บใส่ไว้เป็นแกลลอน
แล้วเอาไป เข้าพิธีพร ๓๐ ประการที่วัดท่าซุงมาแล้ว
อีกส่วนหนึ่งก็คือผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดบางนมโค
ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน เป็นที่พุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงปู่ปานด้วย
ท่านเจ้าอาวาสเขารื้อ พอดีหลวงพี่ติงลี่ไปจำพรรษาอยู่ที่นั่น
ไปช่วยเขาบูรณะสร้างโน่นซ่อมนี่ ก็เลยขอกระเบื้องมาทำเป็นผงชนวนไว้
ให้อาตมามาขวดใหญ่ ถ้าว่าใหญ่แค่ไหนก็ประมาณขวดโอวัลติน"
---------
เรื่องต่างๆเกี่ยวกับยันต์เกราะเพรช
ถาม : ยันต์เกราะเพชรมีไว้เพื่ออะไร ?
ตอบ : ไว้เพื่ออะไร ? ติดตัวไว้ โดยเฉพาะป้องกันไสยศาสตร์
ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้ต่อต้านไสยศาสตร์ ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ จบทุกวัน
นึกถึงบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้ารู้สึกว่าใหญ่เกินไปก็ม้วนเป็นตะกรุดเล็ก ๆ ก็ได้
เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ แขวนติดตัวก็ได้ ติดรถก็ได้ ติดบ้านก็ได้
ใช้ยันต์เกราะเพชรห้ามกินเหล้ากับห้ามขโมย ใครกินเหล้าหรือขโมย
ยันต์เสื่อม ยันต์ไม่ชอบคนกินเหล้ากับไม่ชอบคนขโมย
ใครบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นไปได้ให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน
ตั้งใจนึกขอบารมีพระท่านคุ้มครองตัวเรา ถ้าหากว่าอยู่ในรถก็คุ้มครองยานพาหนะที่เราโดยสาร
ถ้าหากว่าอยู่ในบ้านก็ขอให้คุ้มครองทุกคนที่อยู่ในบ้าน
วัตถุมงคลทุกอย่างมีพลังงานเต็มที่อยู่แล้ว สำคัญตรงที่ใจเราต้องเปิดรับ หรือว่ามีกุญแจในการเปิด
กุญแจในการเปิดก็คือการอาราธนา หรือการสวดมนต์ภาวนาตามแบบที่ท่านกำหนด
ถึงเวลาแล้วให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ
ตั้งใจขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคราะห์ ถ้าจะระลึกถึงตามสายครูบาอาจารย์ ก็นึกถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง
สูงขึ้นไปก็หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถัดไปก็หลวงปู่เนียม วัดน้อย สูงขึ้นไปอีกก็หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง
ถามว่าเกี่ยวอะไรกับวัดระฆังด้วย ? หลวงพ่อวัดระฆังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่เนียม วัดน้อย
เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ไล่กันลงมาตามสายนี้
.....................................
หากโดนไสยศาสตร์สะท้อนกลับจากยันต์เกราะเพชร แก้ไขอย่างไร
ท่านใดก็ตามถ้าทำไสยศาสตร์ใส่คนที่มียันต์เกราะเพชร
โดนอำนาจของยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับไปจนกระทั่งเดือดร้อนเอง วิธีแก้ง่ายที่สุด
ก็คือ ตั้งใจกราบขอขมาพระรัตนตรัยและเลิกละวิชาการนั้นเสีย ท่านก็จะหายเป็นปกติ
แต่ถ้าหากว่าไม่ยอมขอขมาพระรัตนตรัย ท่านทำเขาหนักแค่ไหน
ตัวท่านก็โดนหนักแค่นั้น ชาตินี้ไม่ต้องหวังว่าจะหายกัน
อาตมาย้ำหลายครั้งว่า ถ้ารักษายันต์เกราะเพชรได้จะมีอานุภาพอย่างที่ว่ามา แต่ว่ารักษาอย่างไร
ก็คือท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ
ข้อที่ ๑ ก็คือห้ามลักขโมย
ข้อที่ ๒ ก็คือห้ามดื่มสุราเสพยาเสพติด
อันนี้บุหรี่ยกให้อย่างหนึ่งนะ ยกเว้นว่ายาที่ผสมแอลกอฮอล์ตามสูตร กินเพื่อรักษาโรค
อย่างพวกยาดองเหล้า แต่ว่ากินตามสูตรก็คือครั้งละไม่เกินครึ่งถ้วยตะไล
ไม่ใช่กินเอาเมา ถ้าลักษณะอย่างนั้นยันต์เกราะเพชรยังอยู่
แต่ถ้าท่านกินเหล้าหรือลักขโมย ยันต์เกราะเพชรจะเสื่อมอานุภาพทันที
โดยเฉพาะท่านที่กินเหล้าเข้าไป ต่อให้เป็นอาหารที่ผสมเหล้าก็ตาม
จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังเดี๋ยวนั้นเลย บางท่านความรู้สึกดี ๆ
รู้สึกว่ายันต์เกราะเพชรระเบิดออกจากตัวไปเลย ก็ขอให้รู้ว่ายันต์เกราะเพชรไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว
การรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือ
เว้นจากการลักขโมยและเว้นจากการดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดแล้ว ยังต้องอาราธนาไว้ทุกวัน
เช้า ๆ ขึ้นมาก็ตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ
พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะรักษาตัวท่านได้ทั้งวัน
ในลักษณะของการที่ท่านรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้นั้น ถ้าเผลอไปกินอาหารที่มีสุราผสม
ซึ่งระยะหลังนี้เยอะมาก ที่อาตมาเจอมามีทั้งช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี มีทั้งไอศกรีมรัมเรซิ่น
มีทั้งเชอรี่แช่บรั่นดีประดับหน้าเค้ก โอ๊ย..ฟังแล้วเครียด ที่หนักกว่านั้นก็คืออาหารจีนและอาหารญี่ปุ่นที่ผสมเหล้า
โปรดระมัดระวังว่ายันต์เกราะเพชรไม่ชอบเหล้า
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4651
ยันต์เกราะเพชรเป็นคู่ศึกของไสยศาสตร์โดยตรง
เพราะว่าเป็นพุทธานุภาพ คืออานุภาพของพระพุทธเจ้าท่าน พุทธะ แปลว่า ตื่น
ส่วน ไสยะ แปลว่า หลับ ในเมื่อตื่นกับหลับ ความสว่างกับความมืด
จึงเป็นคู่ศึกแก่กันโดยตรง ท่านใดที่พกยันต์ติดตัวหรือว่ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว
ถ้าสามารถรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อได้ ก็คือ การไม่กินเหล้า ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเองและครอบครัว
กับการไม่ลักขโมย ซึ่งเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ท่านก็จะสามารถรักษายันต์เกราะเพชรให้คุ้มครองตนเองเอาไว้ได้
ท่านใดที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว จึงควรที่จะเว้นขาดจากแอลกอฮอล์ทั้งปวงและการลักขโมย
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปกินเอาเหล้าหรือว่ากินอาหารที่ผสมเหล้าเข้าไป วิธีสังเกตชัดที่สุดก็คือ
จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังไปเลย แปลว่ายันต์เกราะเพชรกลับไปหาพระพุทธเจ้าท่านแล้ว
ไม่มีอะไรคุ้มกันเราได้แล้ว ถ้ามีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็มารับใหม่
หรือถ้าไม่มีก็แปลว่าเราไม่สามารถที่จะรักษาของดีเอาไว้คุ้มครองป้องกันตนเองได้อีกต่อไป
แอลกอฮอล์หรือสุราที่อนุญาตให้มีอยู่อย่างเดียว ก็คือ ยาดองเหล้าหรือว่ายาผสมเหล้าตามสูตร
ถ้ายาผสมเหล้าตามสูตรสามารถกินได้ แต่ต้องกินตามที่หมอสั่ง ซึ่งสูงสุดก็ไม่เกิน ๓๐ ซีซี
หรือโบราณเรียกว่า ๑ เป๊ก ถ้ากินมากกว่านั้นยันต์เกราะเพชรก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน
ดังนั้น...จำวิธีรักษายันต์เกราะเพชรไว้ให้แม่น ๆ ว่าพวกเราต้องรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ
ก็คือ ไม่ลักขโมยและไม่กินเหล้า ไม่ว่าจะเป็นเบียร์เป็นไวน์ก็เหมือนกัน หรืออาหารที่ผสมเหล้าทั้งปวง
ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแล็ต ไอศกรีม ขนมเค้ก หรือว่าบรรดาอาหารป่าที่นิยมใส่เหล้า โปรดงดเว้นอย่างเด็ดขาด
ถ้าหากว่าเรารักษายันต์เกราะเพชรได้แล้ว ยังต้องคอยปลุกเอาไว้ทุกวัน ท่านใดที่มีความขยัน
ตื่นเช้าขึ้นมาก็ให้ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบทสัก ๓ จบ
ให้กำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองรักษาท่านได้ทั้งวัน
หรือถ้าใครมีเวลาน้อย ให้ภาวนาพุทโธจนกำลังใจทรงตัวก็ได้ แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง
อำนาจยันต์เกราะเพชรก็จะรักษาท่านได้ทั้งวัน ....................................
ยันต์เกราะเพชร คูปรับของไสยศาสตร์
ในส่วนของอานุภาพเกี่ยวกับการสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปนั้น
อาตมาจะไม่ยกตัวอย่างของตนเองเพราะต้องเอ่ยถึงคนทำ
ต้องบอกว่าช่วยรักษาหน้าเขาไว้หน่อย แต่ที่จะเอ่ยถึงก็คือรุ่นพี่ที่บวชอยู่วัดท่าซุง
ก็คือ หลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร หรือนามสกุลเดิมคือ สุขสาธุ ตอนนี้ท่านสึกหาลาเพศไปนานแล้ว
ตอนนั้นหลวงพี่สามารถยังบวชอยู่ ท่านไปธุดงค์ทางด้านเหนือ
ไปพักอยู่บริเวณถ้ำตับเต่าซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นสำนักสงฆ์ ยังไม่เป็นวัด
ไปเจอพระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ก็เข้าไปปฏิสันถาร แต่ท่านไม่คุยด้วย
หลวงพี่สามารถท่านเห็นว่าเขาไม่คุยด้วย ไม่ยินดีด้วย ท่านก็ปลีกตัวไปปักกลดอยู่ด้านหนึ่ง
ทำการสวดมนต์ภาวนาของตนเองไปตามปกติ
ปรากฏว่าตอนใกล้สว่างพระรูปนั้นวิ่งมาที่กลด บอกว่า“ท่าน...พอทีเถอะ ๆ ผมยอมแพ้แล้ว”
หลวงพี่สามารถก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ? ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าท่านก็แค่สวดมนต์ภาวนา
อาราธนาวัตถุมงคลเป็นปกติของตน เรื่องปรากฏชัดตอนออกบิณฑบาต พระรูปนั้นทิ้งผ้าผ่อนจีวรหมด
เดินแก้ผ้าบ่นพึมพำเข้าไปในหมู่บ้าน ญาติโยมต้องช่วยกันจับเพื่อที่จะให้นุ่งผ้าใหม่
พอนุ่งผ้าได้ท่านก็ทึ้งผ้าทิ้งอีก หลวงพี่สามารถถึงได้เฉลียวใจว่า
ดูท่าพระรูปนั้นจะทำไสยศาสตร์เล่นงานท่านเพื่อเป็นการลองของ
แต่ด้วยความซวย ดันไปทำใส่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง หรือสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว
เมื่อโดนสะท้อนกลับไป ตัวเองตั้งใจทำเขาหนักเท่าไร ก็จะได้รับกลับไปหนักเท่านั้น
ซึ่งวิธีแก้ก็เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่อาตมาแนะนำท่านที่บังอาจมาทำเล่นที่นี่ว่า
"ไอ้ไสยศาสตร์กระจอก ๆ ของคุณอย่าเสียเวลามาทำแถวนี้ คุณจะเดือดร้อนเอง
วิธีแก้ไขก็คือ ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัยอย่างจริงใจ
แล้วถ้าเป็นไปได้ก็คือเลิกวิชาไปเลย ท่านก็จะหายจากอาการป่วยจากที่ตั้งใจทำคนอื่นแล้วตัวเองโดนเข้าไป
ถือว่าแนะนำให้ด้วยความเมตตา"
ถ้าญาติโยมจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรไปเจอใครที่มีอาการแบบนี้ ซึ่งเกิดจากไปทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว
ถ้าเมตตามาก ก็ช่วยแนะนำเขาหน่อยว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเมตตาน้อยก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ซ้ำไปเลย..!
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115
คู่ปรับของไสยศาสตร์
ทางปักษ์ใต้นี่น่ากลัวมาก ทางใต้เขาจะใช้ คุณผีคุณคน คุณผีเขาใช้ผีทำ
คุณคนเขาใช้คนทำ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านไปเทศน์ ได้กลิ่นธูปเหมือนกับกลิ่นศพแล้วก็หน้ามืดหมดสติไป
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจมูกก็บวมแดง แล้วก็เน่าลามไปเรื่อย จนจมูกแหว่งไปเลย
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังจะฉันเช้า ท่านก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึงขัง
กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย บอกว่า "ลูกกูป่วยแค่นี้พวกมึงรักษาไม่ได้หรือ ?"
คนเขาก็แปลกใจ แต่คนแถวนั้นเขาเชื่อเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว ก็ถามว่า "ท่านเป็นใคร ?"
ท่านก็บอกว่า "กูคือพระอินทร์ ลูกกูไปโดนเขาทำคุณไสยมา
เขาใช้น้ำเหลืองผีตายโหงผสมกับผงธูป ปั้นเป็นธูปแล้วจุดในพิธี"
เพราะฉะนั้น..ใครเทศน์คู่อยู่จะโดนผีของเขาคุมหมด แล้วใครหายใจเข้าไปจมูกก็เน่าไปด้วย
มีคนถามว่า "ในเมื่อรักษาไม่ได้ แล้วพ่อปู่จะรักษาอย่างไร ?"
ท่านบอกว่า "ไปเอาน้ำมา เดี๋ยวข้าจะเสกน้ำมนต์ให้"
พอท่านเสกน้ำมนต์ให้ ทั้งกินทั้งอาบก็หาย แต่จมูกยังแหว่งอยู่อย่างนั้น
ทางใต้นี่เล่นกันหนัก ยิ่งทางอีสานออกไปทางด้านเขมรต่ำ อย่างพวกสระแก้ว
บุรีรัมย์นั่นยิ่งสาหัสเลย สมัยหลัง ๆ อาตมาไปยังโดนเลย
ถาม : สระแก้วหรือคะ ?
ตอบ : โดยเฉพาะตาพระยา พื้นที่ของสระแก้ว ทางด้านตาพระยา อรัญประเทศ
พื้นที่จะติดเขมร บุรีรัมย์ก็เหมือนกัน แถวละหานทรายเล่นพวกนี้เยอะแยะเลย
แต่พวกนี้จะสู้คุณพระไม่ได้ ถ้าหากว่าเราภาวนานึกถึงพระเป็นปกติจนอารมณ์ใจทรงตัว
ไสยศาสตร์ทุกอย่างจะทำอะไรไม่ได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือ เราห้ามเผลอ
ถ้าเราเผลอสติเมื่อไร เขาจะทำเอาได้ ช่วงที่เผลอก็คือ ช่วงที่เคลิ้มใกล้จะหลับอย่างหนึ่ง
ตอนกำลังกินอย่างหนึ่ง ตอนกำลังเข้าส้วมอย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่าเผลอสติหลุดเมื่อไร ถ้าเขาจ้องอยู่เราก็ถูกเล่นงานได้
ดังนั้น..หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกให้พวกเรา หาพระเครื่องของครูบาอาจารย์ที่เรามั่นใจ
นำมาพกติดตัวไว้ และอาราธนาไว้ทุกวัน จะป้องกันได้
โดยเฉพาะยันต์เกราะเพชร เป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์โดยตรงเลย
วันก่อนที่เป่ายันต์เกราะเพชร มีอยู่รายหนึ่งดื้อมาก รายนี้โดนไสยศาสตร์มา
ซวยจริง ๆ ที่เขาไปมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ ปกติมีศัตรูแล้วศัตรูไปจ้างหมอไสยศาสตร์ทำ
รายนี้ดันมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ จึงรับเละอยู่คนเดียว
มาตรงนี้ก็บอกเขาบอกว่า "ช่วยเต็มที่ไม่ได้นะ ช่วยได้แค่ว่าให้หายกลับบ้านได้เท่านั้น"
เขาบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ แล้วผมจะหายได้อย่างไร ?" ก็บอกเขาว่า "ต้องไปงานเป่ายันต์เกราะเพชร"
พอดีใกล้จะมีงานพอดี มาตอนกำลังจะมีงานพอดีแสดงว่าเขาจะหมดกรรมแล้ว
วันงานเขาก็มา เขาอยู่รับยันต์รอบสอง รอบแรกอาตมาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย
เพราะเป็นงานใหญ่ที่สุดในชีวิต กลัวผิดพลาด ก็ต้องเอาใจจับพระแล้วก็ทำตามพระท่านบอก
พอผ่านไปรอบหนึ่ง รอบสองชักจะเคยชิน อาตมาก็เริ่มดูฟ้าดูดินจึงเห็นว่า
เวลาที่บารมีพระท่านคลุมลงมา ลักษณะเป็นพุทธนิมิต สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เป็นสีดำ
จะกระจายออกรอบข้าง เหมือนกับที่เราโยนถ่านที่ร้อน ๆ เข้าไปกลางฝูงมด
แล้วเจ้าพวกนี้ก็ทั้งเต้นทั้งร้อง เขาร้องว่าอย่างไรรู้ไหม "กูไม่ไป..กูไม่ไป..อย่าเอากูไป..!"
คือว่าก่อนที่จะทำพิธีจะมีการอาราธนาบารมีพระ โดยเฉพาะจะขอท้าวมหาราชทั้งสี่และบริวารเป็นที่สุด
ถ้าหากว่ามีสิ่งไม่ดีให้ขับไล่ออกไป แต่รายนี้ดื้อมาก จนกระทั่งเทวดาท่านต้องหิ้วคอไป
เมื่อวานนี้คุณวิทูรย์มาเล่า ฟังแล้วหัวเราะกันแทบตาย อาตมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เขาบอก
"คนนั้นนั่งอยู่ข้างผม ผมเองกลัวก็กลัว ไม่มีสมาธิเลย สงสัยจะไม่ได้รับยันต์" ...(หัวเราะ)...
บอกเขาว่า "ถ้าตั้งใจรับก็ต้องได้อยู่แล้ว เพียงแต่สมาธิเราไม่ดี มัวแต่กลัวผีถึงไม่เกิดอาการอะไรให้รู้ว่าได้รับยันต์แล้ว"
ถาม : ทำให้เห็นเลยหรือครับ ?
ตอบ : อาตมาเห็น แต่ว่าคนอื่นจะเห็นแค่เขาดิ้นแล้วร้อง
แต่เวลาที่พระท่านมา ถ้าเราใช้ทิพจักขุญาณกำหนดตาม จะเห็นเป็นปกติอยู่แล้ว
ถาม : อย่างนี้เขาถูกอาจารย์คนที่เป็นหมอไสยศาสตร์ใช้ให้มาหรือครับ ?
ตอบ : ตั้งแต่บัดนี้ไป ถ้าเขาตั้งใจภาวนา "อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ" ทุกวัน
พอกำลังใจตั้งมั่นแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อธิษฐานขอให้บารมีพระช่วยคลุมเอาไว้
มีหวังว่าคนที่ทำซวยแน่ ๆ เลย เพราะว่ายันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกประเภท
ถ้ารับยันต์ไปให้ปลุกด้วยอิติปิ โสฯ แต่ถ้าเราไม่ได้รับยันต์ก็ให้นึกถึงภาพพระคลุมตัวเราลงมาเลย
แล้วก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ให้กำลังใจทรงตัว จากนั้นกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง
เอาแบบเดียวกันเลย เราไม่ได้รับยันต์ เราก็อาศัยภาพพระเป็นหลักไปเลย
....................................
ยันต์เกราะเพชร คู่ปรับของไสยศาสตร์
ในส่วนของอานุภาพเกี่ยวกับการสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปนั้น
อาตมาจะไม่ยกตัวอย่างของตนเองเพราะต้องเอ่ยถึงคนทำ
ต้องบอกว่าช่วยรักษาหน้าเขาไว้หน่อย แต่ที่จะเอ่ยถึงก็คือรุ่นพี่ที่บวชอยู่วัดท่าซุง
ก็คือ หลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร หรือนามสกุลเดิมคือ สุขสาธุ
ตอนนี้ท่านสึกหาลาเพศไปนานแล้ว
ตอนนั้นหลวงพี่สามารถยังบวชอยู่ ท่านไปธุดงค์ทางด้านเหนือ
ไปพักอยู่บริเวณถ้ำตับเต่าซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นสำนักสงฆ์ ยังไม่เป็นวัด
ไปเจอพระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ก็เข้าไปปฏิสันถาร แต่ท่านไม่คุยด้วย
หลวงพี่สามารถท่านเห็นว่าเขาไม่คุยด้วย ไม่ยินดีด้วย ท่านก็ปลีกตัวไปปักกลดอยู่ด้านหนึ่ง
ทำการสวดมนต์ภาวนาของตนเองไปตามปกติ
ปรากฏว่าตอนใกล้สว่างพระรูปนั้นวิ่งมาที่กลด บอกว่า“ท่าน...พอทีเถอะ ๆ ผมยอมแพ้แล้ว”
หลวงพี่สามารถก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ? ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าท่านก็แค่สวดมนต์ภาวนา
อาราธนาวัตถุมงคลเป็นปกติของตน เรื่องปรากฏชัดตอนออกบิณฑบาต พระรูปนั้นทิ้งผ้าผ่อนจีวรหมด
เดินแก้ผ้าบ่นพึมพำเข้าไปในหมู่บ้าน ญาติโยมต้องช่วยกันจับเพื่อที่จะให้นุ่งผ้าใหม่ พอนุ่งผ้าได้ท่านก็ทึ้งผ้าทิ้งอีก
หลวงพี่สามารถถึงได้เฉลียวใจว่า ดูท่าพระรูปนั้นจะทำไสยศาสตร์เล่นงานท่านเพื่อเป็นการลองของ
แต่ด้วยความซวย ดันไปทำใส่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง หรือสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว
เมื่อโดนสะท้อนกลับไป ตัวเองตั้งใจทำเขาหนักเท่าไร ก็จะได้รับกลับไปหนักเท่านั้น
ซึ่งวิธีแก้ก็เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่อาตมาแนะนำท่านที่บังอาจมาทำเล่นที่นี่ว่า "ไอ้ไสยศาสตร์กระจอก ๆ
ของคุณอย่าเสียเวลามาทำแถวนี้ คุณจะเดือดร้อนเอง วิธีแก้ไขก็คือ ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัยอย่างจริงใจ
แล้วถ้าเป็นไปได้ก็คือเลิกวิชาไปเลย ท่านก็จะหายจากอาการป่วยจากที่ตั้งใจทำคนอื่นแล้วตัวเองโดนเข้าไป
ถือว่าแนะนำให้ด้วยความเมตตา" ถ้าญาติโยมจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรไปเจอใครที่มีอาการแบบนี้
ซึ่งเกิดจากไปทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าเมตตามาก
ก็ช่วยแนะนำเขาหน่อยว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเมตตาน้อยก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ซ้ำไปเลย..!
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115
คู่ปรับของไสยศาสตร์
ทางปักษ์ใต้นี่น่ากลัวมาก ทางใต้เขาจะใช้ คุณผีคุณคน คุณผีเขาใช้ผีทำ
คุณคนเขาใช้คนทำ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านไปเทศน์ ได้กลิ่นธูปเหมือนกับกลิ่นศพแล้วก็หน้ามืดหมดสติไป
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจมูกก็บวมแดง แล้วก็เน่าลามไปเรื่อย จนจมูกแหว่งไปเลย
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังจะฉันเช้า ท่านก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึงขัง กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย
บอกว่า "ลูกกูป่วยแค่นี้พวกมึงรักษาไม่ได้หรือ ?" คนเขาก็แปลกใจ แต่คนแถวนั้นเขาเชื่อเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว
ก็ถามว่า "ท่านเป็นใคร ?" ท่านก็บอกว่า "กูคือพระอินทร์ ลูกกูไปโดนเขาทำคุณไสยมา
เขาใช้น้ำเหลืองผีตายโหงผสมกับผงธูป ปั้นเป็นธูปแล้วจุดในพิธี"
เพราะฉะนั้น..ใครเทศน์คู่อยู่จะโดนผีของเขาคุมหมด แล้วใครหายใจเข้าไปจมูกก็เน่าไปด้วย
มีคนถามว่า "ในเมื่อรักษาไม่ได้ แล้วพ่อปู่จะรักษาอย่างไร ?"
ท่านบอกว่า "ไปเอาน้ำมา เดี๋ยวข้าจะเสกน้ำมนต์ให้" พอท่านเสกน้ำมนต์ให้
ทั้งกินทั้งอาบก็หาย แต่จมูกยังแหว่งอยู่อย่างนั้น
ทางใต้นี่เล่นกันหนัก ยิ่งทางอีสานออกไปทางด้านเขมรต่ำ
อย่างพวกสระแก้ว บุรีรัมย์นั่นยิ่งสาหัสเลย สมัยหลัง ๆ อาตมาไปยังโดนเลย
ถาม : สระแก้วหรือคะ ?
ตอบ : โดยเฉพาะตาพระยา พื้นที่ของสระแก้ว
ทางด้านตาพระยา อรัญประเทศ พื้นที่จะติดเขมร บุรีรัมย์ก็เหมือนกัน
แถวละหานทรายเล่นพวกนี้เยอะแยะเลย
แต่พวกนี้จะสู้คุณพระไม่ได้ ถ้าหากว่าเราภาวนานึกถึงพระเป็นปกติจนอารมณ์ใจทรงตัว
ไสยศาสตร์ทุกอย่างจะทำอะไรไม่ได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือ เราห้ามเผลอ
ถ้าเราเผลอสติเมื่อไร เขาจะทำเอาได้ ช่วงที่เผลอก็คือ ช่วงที่เคลิ้มใกล้จะหลับอย่างหนึ่ง
ตอนกำลังกินอย่างหนึ่ง ตอนกำลังเข้าส้วมอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่าเผลอสติหลุดเมื่อไร ถ้าเขาจ้องอยู่เราก็ถูกเล่นงานได้
ดังนั้น..หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกให้พวกเรา หาพระเครื่องของครูบาอาจารย์ที่เรามั่นใจ
นำมาพกติดตัวไว้ และอาราธนาไว้ทุกวัน จะป้องกันได้
โดยเฉพาะยันต์เกราะเพชร เป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์โดยตรงเลย
วันก่อนที่เป่ายันต์เกราะเพชร มีอยู่รายหนึ่งดื้อมาก รายนี้โดนไสยศาสตร์มา
ซวยจริง ๆ ที่เขาไปมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ ปกติมีศัตรูแล้วศัตรูไปจ้างหมอไสยศาสตร์ทำ
รายนี้ดันมีศัตรูเป็นหมอไสยศาสตร์ จึงรับเละอยู่คนเดียว
มาตรงนี้ก็บอกเขาบอกว่า "ช่วยเต็มที่ไม่ได้นะ ช่วยได้แค่ว่าให้หายกลับบ้านได้เท่านั้น"
เขาบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ แล้วผมจะหายได้อย่างไร ?" ก็บอกเขาว่า "ต้องไปงานเป่ายันต์เกราะเพชร"
พอดีใกล้จะมีงานพอดี มาตอนกำลังจะมีงานพอดีแสดงว่าเขาจะหมดกรรมแล้ว
วันงานเขาก็มา เขาอยู่รับยันต์รอบสอง รอบแรกอาตมาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย
เพราะเป็นงานใหญ่ที่สุดในชีวิต กลัวผิดพลาด ก็ต้องเอาใจจับพระแล้วก็ทำตามพระท่านบอก
พอผ่านไปรอบหนึ่ง รอบสองชักจะเคยชิน อาตมาก็เริ่มดูฟ้าดูดินจึงเห็นว่า
เวลาที่บารมีพระท่านคลุมลงมา ลักษณะเป็นพุทธนิมิต สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เป็นสีดำ
จะกระจายออกรอบข้าง เหมือนกับที่เราโยนถ่านที่ร้อน ๆ เข้าไปกลางฝูงมด
แล้วเจ้าพวกนี้ก็ทั้งเต้นทั้งร้อง เขาร้องว่าอย่างไรรู้ไหม "กูไม่ไป..กูไม่ไป..อย่าเอากูไป..!"
คือว่าก่อนที่จะทำพิธีจะมีการอาราธนาบารมีพระ โดยเฉพาะจะขอท้าวมหาราชทั้งสี่และบริวารเป็นที่สุด
ถ้าหากว่ามีสิ่งไม่ดีให้ขับไล่ออกไป แต่รายนี้ดื้อมาก จนกระทั่งเทวดาท่านต้องหิ้วคอไป
เมื่อวานนี้คุณวิทูรย์มาเล่า ฟังแล้วหัวเราะกันแทบตาย อาตมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
เขาบอก "คนนั้นนั่งอยู่ข้างผม ผมเองกลัวก็กลัว ไม่มีสมาธิเลย สงสัยจะไม่ได้รับยันต์" ...(หัวเราะ)...
บอกเขาว่า "ถ้าตั้งใจรับก็ต้องได้อยู่แล้ว
เพียงแต่สมาธิเราไม่ดี มัวแต่กลัวผีถึงไม่เกิดอาการอะไรให้รู้ว่าได้รับยันต์แล้ว"
ถาม : ทำให้เห็นเลยหรือครับ ?
ตอบ : อาตมาเห็น แต่ว่าคนอื่นจะเห็นแค่เขาดิ้นแล้วร้อง
แต่เวลาที่พระท่านมา ถ้าเราใช้ทิพจักขุญาณกำหนดตาม จะเห็นเป็นปกติอยู่แล้ว
ถาม : อย่างนี้เขาถูกอาจารย์คนที่เป็นหมอไสยศาสตร์ใช้ให้มาหรือครับ ?
ตอบ : ตั้งแต่บัดนี้ไป ถ้าเขาตั้งใจภาวนา "อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ"
ทุกวัน พอกำลังใจตั้งมั่นแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อธิษฐานขอให้บารมีพระช่วยคลุมเอาไว้
มีหวังว่าคนที่ทำซวยแน่ ๆ เลย เพราะว่ายันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกประเภท
ถ้ารับยันต์ไปให้ปลุกด้วยอิติปิ โสฯ แต่ถ้าเราไม่ได้รับยันต์ก็ให้นึกถึงภาพพระคลุมตัวเราลงมาเลย
แล้วก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ให้กำลังใจทรงตัว จากนั้นกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง เอาแบบเดียวกันเลย
เราไม่ได้รับยันต์ เราก็อาศัยภาพพระเป็นหลักไปเลย
เรื่องของยันต์เกราะเพชรเป็นปฏิปักษ์กับไสยศาสตร์โดยตรง
ใครทำมาเท่าไรก็จะย้อนคืนไปเท่านั้น
รอบแรกมีแค่ ๒ คน รอบหลังเยอะหน่อยเหมือนนัดกันมา
สงสัยเทวดาท่านเบื่อต้องไปไล่หลายรอบ ก็เลยเอามาไว้รอบเดียวกัน
ถาม : ถ้าเราสวดอิติปิ โสฯ เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ ?
ตอบ : ตั้งใจนึกถึงภาพพระคลุมเราลงมา นึกง่าย ๆ นึกสบาย ๆ
ชอบพระองค์ไหนก็นึกถึงภาพพระองค์นั้น ให้องค์โต ๆ หน่อย
คลุมตัวเราลงมา แล้วก็อธิษฐานขอให้ท่านคุ้มครองทั้งวัน
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2516
ถาม : ยันต์เกราะเพชร มีคุณอะไรคะ ?
ตอบ : เอาไว้ป้องกันไสยศาสตร์จ้ะ แต่ต้องสวดอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ทุกเช้าประมาณ ๓ จบ
พอกำลังใจมั่นคง นึกขอบารมีพระท่านช่วยคุ้มครอง จะป้องกันได้ทั้งวัน
ใครทำไสยศาสตร์ใส่เราจะย้อนคืนหมด กลายเป็นว่า ใครคิดร้ายต่อเรา เขาจะซวยเอง..!
วิชานี้สืบสายมาจากตำราพระร่วง มาดังสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
และมากระหึ่มอีกทีสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจัดงานเป่ายันต์ทีคนไปเป็นแสน
ถ้าเราไม่เคยไปรับเป่ายันต์ เราก็พกผ้ายันต์ติดตัวไว้ แต่แปลก..ผ้ายันต์เกราะเพชรของอาตมา
มีคนเขาเอาไปใช้ในทางค้าขายแล้วขายดี ก็เลยมีคนตามไปหาถึงวัด อาตมาก็สงสัยว่าตั้งใจสร้างในทางป้องกัน
กลายเป็นค้าขายได้อย่างไร ? อ๋อ..ที่แท้ พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้
ถ้าเราศรัทธาจริง ๆ และมีบุญเก่าหนุนเสริม อธิษฐานอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ขอขมาพระรัตนตรัย แก้การสะท้อนไสยศาสตร์จากยันต์เกราะเพชร
แต่ว่าอานุภาพของยันต์เกราะเพชรที่แท้จริงนั้น
อันดับแรก...
ถ้าผู้รับยันต์ไปสามารถรักษาเอาไว้ได้จะไม่ตายโหง
ก็แปลว่าท่านจะออกรบก็ดี
จะเดินทางก็ตาม หรือทำหน้าที่การงานใด ๆ
ก็จะไม่ตายด้วยอาการผิดปกติ
อันดับที่สอง...
ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้วรักษาไว้ได้ สามารถป้องกันพิษของสัตว์มีพิษได้ทุกชนิด
อันดับที่สาม...
ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนไสยศาสตร์ที่บุคคลอื่นตั้งใจทำใส่เรากลับคืนไปทั้งหมด
วันนี้ตอนพุทธาภิเษก ก็มีนักเลงดีแอบเล่นอาตมาเข้า
ป่านนี้ก็น่าจะตะเกียกตะกายไปโรงพยาบาลแล้ว สมน้ำหน้า..!
ขอบอกวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องไปหาหมอคือ
แค่ตั้งใจมากราบขอขมาพระรัตนตรัยก็จบแล้ว
ถ้าหากว่าไม่ยอมมากราบขอขมาพระรัตนตรัยก็จงลำบากต่อไป
ยันต์เกราะเพชรเป็นคู่ศึกของไสยศาสตร์โดยตรง เพราะว่าเป็นพุทธานุภาพ
คืออานุภาพของพระพุทธเจ้าท่าน พุทธะ แปลว่า ตื่น ส่วน ไสยะ แปลว่า หลับ
ในเมื่อตื่นกับหลับ ความสว่างกับความมืด จึงเป็นคู่ศึกแก่กันโดยตรง
ท่านใดที่พกยันต์ติดตัวหรือว่ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าสามารถรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อได้
ก็คือ การไม่กินเหล้า ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเองและครอบครัว กับการไม่ลักขโมย
ซึ่งเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ท่านก็จะสามารถรักษายันต์เกราะเพชรให้คุ้มครองตนเองเอาไว้ได้
ท่านใดที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว จึงควรที่จะเว้นขาดจากแอลกอฮอล์ทั้งปวงและการลักขโมย
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปกินเอาเหล้าหรือว่ากินอาหารที่ผสมเหล้าเข้าไป
วิธีสังเกตชัดที่สุดก็คือ จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังไปเลย แปลว่ายันต์เกราะเพชรกลับไปหาพระพุทธเจ้าท่านแล้ว
ไม่มีอะไรคุ้มกันเราได้แล้ว ถ้ามีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็มารับใหม่
หรือถ้าไม่มีก็แปลว่าเราไม่สามารถที่จะรักษาของดีเอาไว้คุ้มครองป้องกันตนเองได้อีกต่อไป
ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115
ท่านทั้งหลาย ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว รักษาไว้ได้
อันดับแรก ถ้าไม่ถึงอายุขัยจะไม่ตายโหง
อันดับที่ ๒ ถ้าหากว่าโดนสัตว์พิษทั้งหลายกัด จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ
อันดับที่ ๓ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ ไม่ว่าจะวิชาของใครก็ตาม
อันดับสุดท้าย ใครทำไสยศาสตร์ใส่เรา จะโดนสะท้อนกลับไปทั้งหมด
แล้วถามว่าการรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ ต้องรักษาอย่างไร ? ท่านว่าให้รักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือ ไม่ลักขโมยและไม่ดื่มสุรา ไม่เสพยาเสพติด
ถามว่าการลักขโมยนั้นมีโทษอย่างไร ? ท่านบอกว่าเป็นการเบียดเบียนคนอื่น การดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดเป็นการเบียดเบียนตัวเอง
ในส่วนของการรักษายันต์เกราะเพชรนั้น เรื่องของสุราท่านเน้นไว้ว่า ถ้าเป็นการรักษาโรคตามสูตร อย่างเช่นประเภทยาดอง ให้กินตามหมอสั่ง ถ้าเป็นการกินตามหมอสั่ง ยันต์เกราะเพชรยังอยู่ได้ แต่ถ้ากินเอาเมากินเอาสนุก ยันต์เกราะเพชรจะสูญหายทันที โดยเฉพาะระยะนี้ให้ระมัดระวังในเรื่องของอาหารให้มาก อาตมาเจอมาแล้ว ทั้งช็อกโกแลตไส้บรั่นดี ทั้งไอศกรีมรสรัม ทั้งอาหารที่ใส่เหล้า แต่โชคดีว่าเป็นคนจมูกไว พอได้กลิ่นก็รู้ว่ากินไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องละไว้
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรับประทานลงไป ความรู้สึกไว ๆ จะรู้เลยว่าร้อนวาบออกผิวหนังตัวเอง แปลว่ายันต์เกราะเพชรโบกมือลา มีโอกาสค่อยมารับการเป่ายันต์ฯ ใหม่
.............
มีญาติโยมถามว่า ระหว่างการรับยันต์เกราะเพชรที่เป่าเข้าไปในตัวกับผ้ายันต์เกราะเพชร อย่างไหนจะดีกว่ากัน ?
อาตมาขอบอกว่ามีจุดเด่นจุดด้อยด้วยกันทั้งคู่
การรับยันต์ติดตัวไปไหนเราไม่ลืมแน่
แต่ถ้าเผลอละเมิดข้อห้ามยันต์ก็จะสูญไปเลย แต่การพกผ้ายันต์ติดตัวนั้นเราอาจจะลืมได้
แต่ถ้าละเมิดข้อห้ามก็แค่เลิกคุ้มครองชั่วคราว ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์เมื่อไรก็คุ้มครองได้อีก
เมื่อเป็นเช่นนั้นจะเอาทั้ง ๒ อย่างไปเลยก็ได้ ก็คือรับยันต์ไปด้วย พกผ้ายันต์ติดตัวไปด้วย
แต่ผ้ายันต์เกราะเพชรของอาตมา ไม่ทราบว่าพระท่านทำท่าไหน
เห็นว่าเขาไปใช้ในด้านค้าขายก็ดีอีกด้วย อาตมาก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน
การที่ท่านรับยันต์ไปจะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวเราแล้ว ?
ท่านบอกว่าระยะที่เรานั่งภาวนาอยู่ ถ้ารู้สึกว่าร้อนหู ร้อนหน้า ร้อนตัว หนักหัว หนักไหล่
บางคนก็รู้สึกคันยุบยิบไปตามตัวเหมือนมีอะไรไต่อะไรตอม บางคนก็ขนลุกเป็นหนามเลย
ถ้าลักษณะอย่างนั้นแปลว่ายันต์กำลังเข้าตัวแล้ว
ส่วนที่ท่านอยากจะพิสูจน์ ให้ไปหาสาว ๆ ที่ท้องครั้งแรกมารับยันต์ด้วย
ถ้าหากว่าลูกคลอดออกมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมาให้เห็น อาตมาเจอมาหลายรายแล้ว
บางรายนี่ลายทั้งตัวเป็นตุ๊กแกเลย แต่ว่าไม่ต้องกลัว
เพราะว่าภายใน ๗ วันก็จะซึมเข้าไปในกระดูกจนหมด
เพราะฉะนั้น...ใครที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้าลูกเกิดมาตัวลาย ๆ ก็ไม่ต้องกังวล
มีอยู่รายหนึ่งทำคลอดแบบโบราณ มีหมอตำแยด้วย
ลูกเกิดมาตัวลายพร้อยเลย แม่ก็ตกใจ ถามว่าลูกจะเป็นอะไรไหม ?
หมอตำแยบอกไม่ต้องห่วงอีหนู เดี๋ยวแม่จัดการเอง ว่าแล้วก็อมเหล้า
พ่นพรวดเดียวหายเรียบ โถ...คุณยาย ร้ายกาจเหลือเกิน รู้ด้วยว่ายันต์เกราะเพชรต้องแก้ด้วยเหล้า...!
แต่ขอยืนยันว่ายันต์ไม่ได้หายไปไหน แต่หนีเหล้าเข้าไปอยู่ในกระดูกแล้ว
ถ้าหากว่าเป็นลูกผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่รับยันต์เกราะเพชรไป
จะไปพิสูจน์ได้อีกทีตอนตายแล้วเผา มาเผาที่วัดท่าขนุนก็ได้ มีเมรุปลอดมลพิษอยู่ ๒ ชั่วโมงก็เก็บกระดูกได้แล้ว
ก่อนเก็บกระดูกก็หยิบชิ้นโต ๆ มาถ่ายรูปไว้ จะมียันต์ติดที่กระดูก
ในเมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าหากว่าภาวนาอยู่ทุกวัน ก็จะมีอานุภาพดังที่กล่าวมาคือ
ถ้าไม่ได้หมดอายุขัยจริง ๆ ก็จะไม่ตายโหง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์
และจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทั้งหมดที่เขาทำมา
เรื่องพวกนี้อาตมาพิสูจน์ทราบมานับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งมั่นใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
สมัยประมาณปี ๒๕๒๕-๒๕๒๖ อาตมาปลดอาวุธก็คือวัตถุมงคลในตัวหมดเกลี้ยงเลย
เพราะมั่นในใจตัวเอง เนื่องจากว่ากำหนดจิตดูเมื่อไรก็เห็นยันต์เกราะเพชรสว่างไสวอยู่ในอก
ลุยได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มาตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าแกประมาทเกินไป
ถ้าวันไหนแกลืมอาราธนา วันนั้นจะซวย
อาตมาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ลืม แต่ท่านบอกว่าถ้าวาระกรรมมาถึงก็จะลืม
จึงต้องเปลี่ยนมาพกพระของหลวงพ่อแทน พกไปพกมาก็พกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุดพกเป็นลัง..! ก็หลวงพ่ออยากทำให้ผมหมดความมั่นใจนี่ครับ
..............................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน