กุมาร ม๊โชติ รุ่น 3 สีน้ำตาลเข้ม พระอาจารย์ก้อง วัดศรีประวัติ

#กรณีศึกษาเป็นวิทยาทานเรื่องกุมารทอง
มีคำถามเป็นที่ถกเถียงกันหลายๆท่านว่า กุมารทองนั้น มีกี่เเบบกันเเน่ 
ขอจำเเนกกุมารทองออกให้ทุกๆท่านได้เข้าใจ 
กุมารทองนั้นจำแนกออกเป็น ๔ ประเภท คือ 
๑. กุมารทองเทพ 
๒. กุมารทองพราย
๓. กุมารทอง กึ่งเทพ กึ่งพราย
๔. กุมารมนต์

๑. กุมารทองเทพ คือ การสร้างทุกๆอย่าจะต้องประกอบด้วยของมงคลทั้งสิ้น ตั้งเเต่มวลสาร ต้องเป็นของมงคลผงมงคลต่างๆ บางสำนักอาจมีมวลสารอาถรรพ์ผสมลงไปด้วย 
พิธีเสก ก็ต้องเป็นพิธีมงคล และเป็นการเชิญองค์เทพให้มาสถิตย์ เช่นกัน แต่กุมารเทพไม่ค่อยมีเกจิอาจารย์สร้างมากนัก เพราะกุมารเทพนั้นการบูชา เห็นผลช้า เพราะโดยมากเทพจะไม่ค่อยมายุ่งกับมนุษย์สักเท่าไหร่ และเสกยากผู้เสกจำต้องเป็นพระ หรือ ฆาราวาส ที่ข้อนข้างทรงศีล
๒. กุมารทองพราย คือ เริ่มตั้งเเต่มวลสาร จะต้องใช้ของอาถรรพ์ล้วนๆ เช่น มวลสารต้องได้มาจากศพ จำพวกเถ้ากระดูกเด็ก เป็นต้น 
พิธีเสก โบราณจะนิยมเสกในป่าช้า และเชิญดวงวิญญาณมาสถิตย์บ้าง สะกดไว้เพื่อนำมาใช้งานบ้าง กุมารพราย ข้อนข้างจะเเรง และไว้ต่อผู้บูชาและขอในสิ่งต่างๆ 
๓. กุมารทอง กึ่งเทพ กึ่งพราย จริงๆไม่อยากใช้คำๆนี้ แต่โดยมากจะชอบเรียกกัน เลยต้องขอใช้คำนี้ตามเพื่อความเข้าใจ คำว่ากึ่งเทพกึ่งพรายนั้น หรือ กึ่งผีกึงเทพ ในทางพระพุทธศาสนา ไม่มีคำนี้ จริงๆแล้ว ก็คือ กุมารเทพนั่นเอง แต่เป็นกุมารเทพชั้นต่ำๆ คือชั้นภูมเทวา หรือเทวดาชั้นภาคพื้น จำพวกเดียวกันกับภูมิเจ้าที่ นางตะเคียน หรือพวกรุขเทวดา ที่สิงสถิตย์ในต้นไม้ ในวัดวาอาราม เฝ้าอยู่ตามซุ้มประตู หรือที่เรียกว่า ทวารบาล เป็นต้น 
มวลสารที่สร้างจึงจำต้องมีวัตถุอาถรรพ์ด้วย เพื่อเป็นสื่อในการเรียกดวงจิต เพราะวัตถุอาถรรพ์เหล่านี้ ย่อมเป็นที่สถิตย์ของดวงจิตหรือดวงวิญญาณ
พิธีปลุกเสก คือวิธีเดียวกันกับกุมารเทพ ที่ได้เขียนไว้ข้างต้น

๔. กุมารมนต์ คือมวลสารอาจใช้วัตถุอาถรรพ์ หรือ วัตถุที่เป็นมงคลนำมาสร้าง(ตามเเต่สายครูบาอาจารย์) 
พิธีเสก จะใช้การบริกรรม เป็นส่วนมาก (คือวิธีการทำกสินนั่นเอง) ด้วยอำนาจของจิต และด้วยความขลังของบทพระคาถา จึงทำให้วัตถุนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ กุมารชนิดนี้ ไม่มีการเชิญดวงจิตแต่อย่างใด เพราะเป็นการเพ่งหรือบริกรรม จนกระทั่งวัตถุนั้นมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาได้

"มวลสารนั้นสำคัญไฉน"
มวลสารแห่งการสร้างกุมารทองนั้น จำเป็นเลยที่ต้องมี โดยเฉพาะวัตถุมวลสารอาถรรพ์ อาจมีคำถามมาว่า ถ้าเป็นกุมารทองเทพ จะมีมวลสารอาถรรพ์ได้อย่างไร ขอตอบว่าได้ เพราะมวลสารคือสื่อประจุพลังงานความอาถรรพ์ หรือ ประจุอิทธิฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ เสมือนสายไฟฟ้า ที่จำเป็นต้องมีเส้นลวดทองแดง เพื่อเป็นสื่อประจุพลังงานไฟฟ้าเป็นที่สถิตย์ไฟฟ้า กุมารทองที่มีมวลสารเช่นกันจึงจำเป็นต้องมีมวลสารจำพวกวัตถุอาถรรพ์ที่เป็นที่กำเนิดต้นธาตุ คือดิน น้ำ ลม ไฟ และอาการทั้ง ๓๒ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า กุมารเเต่ละสำนักเเต่ละครูบาอาจารย์ก็แตกต่างกันไปเป็นเพียงรายละเอียดพอคร่าวๆ รวบรวมนำมาเขียนให้ได้อ่านกัน 
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของเราทั้งสิ้น ทุกสายครูบาอาจารย์ล้วนให้ตั้งมันอยู่ในความดี แล้วของดีเหล่านี้จะเป็นกำลังช่วยหนุนให้เราได้ประสบความสำเร็จในชีวิตในหน้าที่ในการงาน และเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตได้ไม่มากก็น้อย 
การจะพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ในทางพระพุทธศาสนาท่านสอนให้รู้จักพึ่งพาตัวเองเองก่อน ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เมื่อพึ่งพาตัวเองแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงของเสริมบารมี 
"ทำดีก่อ ต่อดีเสริม เพิ่มเติมดีใหม่" แล้วจะประสบความสำเร็จสุขในชีวิต


ที่มา -- คำสอน พระอาจารย์ก้อง วัดศรีประวัติ