หลวงปู่เท สุธมฺโม วัดยี่งอ จ.นราธิวาส อายุ 100 ปี
#ศิษย์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ผู้มีพลังจิตแก่กล้าล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สื่อสารกับกายทิพย์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
หากกล่าวถึงสำนักวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก..หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา คอยอุปการะพระภิกษุสงฆ์ สามเณรและลูกศิษย์อยู่เป็นนิจตลอดอายุขัยของท่าน เด็กๆหลายคนได้รับการเลี้ยงดูอบรมสอนสั่งและถ่ายทอดความรู้ต่างให้จนกระทั่งเติบใหญ่ กลายเป็นพระเกจิอาจารย์ตามรอยท่านก็มีอยู่ไม่น้อย อาทิ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ดี วัดสุวรรณฯ หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา ผู้เป็นหลานชาย ซึ่งต่างก็มรณภาพตามท่านไปหมดแล้ว แต่ใครเลยจะรู้บ้างว่าเมื่อ ๙๐ ปีที่แล้ว ยังมีเด็กน่าเอ็นดูและฉลาดหลักแหลมอีกคนหนึ่งที่หลวงปู่บุญเมตตาอุปการะ พร้อมทั้งคอยอบรมสั่งสอนกรรมฐานตลอดจนเคล็ดวิชาต่างๆให้ตราบจนท่านมรณภาพลง และในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้ดำเนินตามรอยของหลวงปู่บุญผู้เป็นพระเกจิอาจารย์ ยังคงสงเคราะห์ญาติโยมอยู่ด้วยวัย ๑๐๐ ปี
หลวงปู่เท สุธมฺโม ปัจจุบันอายุ ๑๐๐ ปี เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๗ (ไม่ตรงกับเอกสารทางราชการเพราะแจ้งเกิดภายหลัง) ณ บ้านบางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เดิมชื่อนายเท นามสกุลสีบัวงาม เมื่อครั้งเยาว์วัย หลวงปู่เทท่านได้ติดตามหลวงน้าเล็ก พระน้าชายของท่าน มาเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว และมีโอกาสได้คอยอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่บุญ เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วในขณะนั้น ด้วยความเป็นเด็กน่ารักฉลาดหลักแหลมนิสัยดี ไม่เกเร หลวงปู่บุญจึงเมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติต่างๆให้ท่านด้วยหวังว่าจะให้ท่านบวชเป็นพระ ซึ่งหลวงปู่เทเองก็มีใจฝักใฝ่ทางนี้เช่นกัน เพราะยิ่งนานวันไป ก็ยิ่งซึมซับการปฏิบัติและพระเวทย์วิทยาคม จากหลวงปู่บุญไว้มาก กระทั่งอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์จึงเตรียมตัวอุปสมบท แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเนื่องจากโยมของท่านป่วยจึงต้องกลับบ้านไปดูแลโยม และต่อมาหลวงปู่บุญก็ถึงแก่มรณภาพอีก จึงทำให้การบวชของท่านต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย ชีวิตต้องระหกระเหินเดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และยึดอาชีพรับจ้างทั่วไปหาเลี้ยงชีพคอยช่วยพี่สาวทำมาหากิน ไม่มีภรรยาและครอบครัว โดยท่านก็ไม่ละทิ้งการปฏิบัติธรรมกรรมฐานและวิชาที่ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่บุญ ทำการเสกเป่ารักษาผู้คนทั่วไปโดยไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทนแต่อย่างใด
จนกระทั่ง ปี ๒๕๐๕ วิบากกรรมอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงก็มาถึง ทั้งๆที่นายเทรู้ตัวล่วงหน้า แต่ไม่อาจแก้ไขได้ นายเทป่วยหนักรักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงได้แต่นอนภาวนารอความตาย จนกระทั่งคืนหนึ่งนายเทได้นิมิตเห็นหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว พระอาจารย์ที่เคยอบรมสั่งสอน ท่านมาบอกให้บวชพระได้แล้ว เมื่อบวชแล้วจะได้นำบุญกุศลมาช่วยให้หายจากโรคร้ายนี้ได้ แต่ตอนนั้นนายเทกลับคิดว่าตัวเองเกิดนิมิตหลอนเพราะกังวลเรื่องอาการป่วยที่เกิดแต่กรรม ถึงจะรักษาอย่างไรก็ไม่มีทางหาย จึงไม่ได้ให้ความใส่ใจ แต่แล้วคืนต่อมานายเทก็เกิดนิมิตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเห็นหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาบอกให้บวชเช่นกันและยังย้ำว่าหากไม่บวชจะหมดโอกาสสงเคราะห์คนเพราะกำลังจะหมดอายุขัย ขณะนั้นนายเทเริ่มคิดอยากทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทั้งสอง แต่ก็พลันคิดต่อไปว่า..ด้วยร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หากบวชไปอาจเป็นภาระให้กับพระสงฆ์และสามเณรรอบข้างที่ต้องมาช่วยดูแลพระใหม่อย่างท่าน จึงเป็นกังวลใจยิ่งนัก คิดสับสนวกวนไปมาจนเพลียหลับไป ก็ได้นิมิตเห็นหลวงปู่บุญมาสั่งกำชับอีกครั้ง ให้ทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทวด ถ้าบวชครั้งนี้โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายจะหายไปไม่ต้องกังวลใดๆอีก แต่บวชแล้วให้เดินตามแนวทางแห่งโพธิสัตว์ เมื่อถึงเวลาให้ช่วยสงเคราะห์ผู้คนตามรอยหลวงปู่ทวด
จากนั้นนายเทจึงตัดสินใจบวชและการบวชครั้งนี้เองทำให้ท่านพบเจอกับความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย และสำเร็จได้ดั่งที่หลวงปู่ทวดสอนสั่งแถมยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอายุยืนยาวตราบจนปัจจุบัน สามารถเดินทางไปเหลือมาใต้ได้คล่องยากที่ใครจะติดตามค้นหาได้ทัน ทำให้เรื่องราวของหลวงปู่เทเกือบจะสูญหายไปกับกาลเวลา ถ้าหากท่านไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในวันพิธีมหาพุทธาภิเษก เหรียญเจ้าสัว๒ หน้า(หลวงพ่อบุญช่วยเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเททองให้วัดท่าเสา) ณ วิหารหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา การปรากฏตัวของหลวงปู่เทครั้งนี้สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ร่วมพิธีเป็นอย่างมากว่า...พระชรารูปนี้เป็นใคร? มาจากไหน? มาได้อย่างไร?ในเมื่อไม่มีใครอาราธนานิมนต์มา ศิษย์ในสายวัดกลางบางแก้วเองก็แทบลืมท่านไปแล้วเพราะท่านย้ายไปอยู่ที่ อ.ยี่งอ นานเกือบ 60 ปี แต่ด้วยความสงสัยของผู้ที่เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก จึงมีคนถามท่านออกไปว่า“หลวงปู่ชื่ออะไร มาจากวัดไหน?” ท่านบอกว่าชื่อเท มาจากวัดยี่งอ จึงทำให้ศิษย์วัดกลางบางแก้วรุ่นอาวุโสนึกถึงท่านขึ้นมาได้ จากนั้นมีคนถามอีกว่า หลวงปู่มาปลุกเสกพระหรือครับ?” ท่านตอบว่า “ ใช่ ” อีกคนเลยถามต่อว่า “แล้วหลวงปู่รู้ได้อย่างไรว่าจะมีการปลุกเสก?” หลวงปู่ท่านก็ไม่ตอบอะไร แต่กลับชี้ไปที่รูปหล่อหลวงปู่บุญที่ตั้งอยู่ในพระวิหาร ทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่า หลวงปู่บุญคงบอกให้หลวงปู่เทมาร่วมพิธีปลุกเสกนั่นเอง จากนั้นพิธีมหาพุทธาภิเษกก็ได้เริ่มขึ้นและดำเนินต่อไปสักระยะ ก็มีฆราวาสผู้เชี่ยวชาญทางสมาธิท่านหนึ่งที่อยู่ในพิธีนี้ด้วย หลุดปากบอกออกมาว่า “ โอ้โห... มีพลังหนักแน่นออกมาจากพระเกจิทางซีกซ้ายของมณฑลพิธี รังสีแปลกสว่างไสวไปทั่ว พอเพ่งมองไปกลับเห็นเป็นหลวงปู่บุญกับหลวงปู่ทวดออกมาจากตัวของหลวงปู่เท” ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างตื่นเต้นกันอย่างมากว่า...หลวงปู่เทสามารถอัญเชิญหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดมาเสกพระได้จึงทำให้การปลุกเสกครั้งนั้นมีพลังสว่างไสวมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ และเมื่อจบพิธีมหาพุทธาภิเษก ก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ยืนยันคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญทางสมาธิ ที่หลุดปากบอกออกมาว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้โม้ตกแต่งเรื่องแต่อย่างใด นั่นคือเกิดปาฏิหาริย์บนสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากพระประธาน ถูกเปลวไฟจากเทียนชัยลามเลียอยู่เกือบสองชั่วโมงแต่กลับไม่ไหม้ไฟ เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม ต้องลุกขึ้นไปดู พร้อมบอกว่า “มิน่า..เสกไม่ค่อยลง” พอมีผู้ไปถามท่านเกี่ยวกับคำบอกเล่าของอาจารย์ฆราวาสที่เห็นหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดเดินออกจากองค์หลวงปู่เทมาเสกพระนั้นว่าหลวงพ่ออวยพรท่านเห็นด้วยหรือเปล่า? คราวนี้หลวงพ่ออวยพรท่านไม่ตอบตรงๆเพราะอาจจะผิดพระวินัยได้ ท่านจึงตอบเป็นนัยๆว่า “งานนี้พระผู้ใหญ่มากันมาก...ขลังจริงๆ”
ปัจจุบัน ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมีอายุ มากแล้วก็ตาม แต่ท่านยังแข็งแรงและมีเมตตาต่อศิษยานุศิษย์มากเกินบรรยาย หลายครั้งที่ท่านพายเรือให้ลูกศิษย์นั่ง เห็นแล้วอดปลื้มและศรัทธาในความเมตตาของหลวงปู่ท่านไม่ได้ นอกจากนี้วัตถุมงคลของท่านไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ลูกศิษย์ต่างรีบไขว่คว้าเป็นเจ้าของ เนื่องด้วยประสบการณ์ความเข้มขลังมากมายนับคณา ไม่ว่าจะเป็นเสือกินปรอท,มีดนเรศวรปราบหงสา, หลวงปู่ทวด ๒ หน้า,เบี้ยแก้โพธิสัตว์ พิสมาใบลาน ผ้าขาวม้าพัดโบก และ เหรียญรุ่นแรกของท่านที่กำลังออกให้บูชาอยู่ในขณะนี้ ก็เกิดอภินิหารบล็อคแตกถึงสองครั้ง ด้วยครั้งแรกช่างปั้มพระลบหลู่ว่าหลวงปู่ท่านคอเอียง พอสิ้นคำวิพากวิจารณ์บล๊อคก็แตกติดเนื้อเหรียญออกมา ทำให้ปั๊มต่อไม่ได้ ขณะปั๊มเหรียญได้เพียงเนื้อทองคำ ๒๗ เหรียญ และเนื้อเงิน เพียง ๓๐ เหรียญ เท่านั้น จนช่างปั๊มทำการขอขมาที่ลบหลู่หลวงปู่เท ส่วนบล็อคแตกครั้งที่สองนั้นเกิดจากเจ้าของโรงปั๊มไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ท่าน คิดเพียงว่าน่าจะเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคเสียมากกว่า เมื่อทำบล็อคใหม่เสร็จแล้วจึงทำการปั๊มเลย โดยไม่นำบล็อคไปให้หลวงปู่เจิม และแล้วบล็อคก็แตกอีกครั้งขณะที่ปั๊มเหรียญเงินได้เพียง ๒๕๗ เหรียญ จึงเป็นเหตุต้องทำบล็อคใหม่ขึ้นอีก แต่คราวนี้เมื่อบล็อคใหม่เสร็จเจ้าของโรงปั๊มรีบนำบล็อคไปให้หลลวงปู่เทเจิมก่อน จนการปั๊มพระราบรื่นทำงานได้สำเร็จ
ทั้งนี้เรื่องราวปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวท่านยังมีอีกมาก ทั้งยุงไม่กัด ประตูรถหนีบนานนับชั่วโมงไม่เป็นอะไร ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สามารถเข้าฌานช่วยลูกศิษย์ทหารใต้จนรอดปลอดภัย ฯลฯ และด้วยหลวงปู่เท ท่านดำเนินตามรอยของหลวงปู่บุญผู้เป็นพระเกจิอาจารย์สงเคราะห์ญาติโยมตลอดเรื่อยมาอย่างไม่รู้จักเหน็ด เหนื่อย จึงทำให้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาและมีลูกศิษย์ลูกหามากมายในปัจจุบัน
หน้าที่เข้าชม | 2,906,194 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,980,376 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ต.ค. 2568 |