ขอเผยแพร่ประวัติ อาจารย์ปู่เม่า แย้มทับ
ฆราวาสห้าแผ่นดิน เมืองสรรค์บุรี
ศิษย์หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
อำลาอาลัยปู่เม่า แย้มทับ ฆราวาสห้าแผ่นดิน
ศิษย์หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ และหลวงพ่อกวย
ปู่เม่า แย้มทับ นามเดิมชื่อ เชือน นามสกุล แย้มทัพ
เกิดเมื่อวัน แรมสามค่ำ เดือน อ้าย ปีมะเมีย ตรงกับ พศ 2461
อาชีพทำนาทำสวน มีพี่น้องห้าคน ภายหลังทางราชการเขียนนามสกุล เป็น แย้มทับ จึ
งใช้ตลอดมา เมื่อประมาณ ปี 2480 ได้บวชพระ ที่วัดหัวเด่น
โดยมีพระครูปัตย์ วัดสนามชัย สรรคบุรี ชัยนาท เป็นพระอุปัชฌาย์
(ขออธิบายเพิ่มเติมคือ พระครูปัตย์ มีคนกล่าวกันว่าสืบเชื้อสายมาแต่ขุนสรรค์
ปัจจุบันเป็นวัดโบราณมีพระนอนองค์ใหญ่ในวัดอายุนับร้อยปี )
หลังจากบวชที่วัดหัวเด่นเเล้ว พระเม่า ได้ไปอยู่กับหลวงพ่อกวย3ปี
ระหว่างนี้ ไปกลับวัดบ้านแค และ วัดพระปรางค์ โดยหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
ได้ฝากฝังปู่เม่าเรียนวิชากับหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์
(หลวงปู่ศรี เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อแพ หลวงพ่อกวย)
ดังนั้นปู่เม่าน่าจะเป็นศิษย์ยุคปลายเกือบท้ายสุดก่อนหลวงปู่ศรีมรณภาพปี2482
หลักฐานว่าปู่เม่าเคยไปหาหลวงปู่ศรีนอกจาก เรียนคาถาอาคมแล้ว ลูกชายปู่เม่าได้เล่าว่า ปู่เม่า
ได้เช่าแหวนหลวงปู่ศรี ใต้ท้อง อิติ มาด้วยการทำบุญ1บาท ระหว่างบวช
หลวงพ่อกวย พาปู่เม่าไปแต่ละที่ ไม่ว่าจะเป็นนมัสการรอยพระพุทธบาท
สระบุรี หรือแม้กระทั่งไปกราบ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อยุธยา
ซึ่งตอนไปยังได้เช่าพระประทับเม่น มาด้วยองค์หนึ่ง ทำบุญไป1บาท
ระหว่างบวชยุคนั้นหลวงพ่อกวยสร้างพระยุคแรก ท่านสร้างเป็นพระจำพวกดินเผา
หาดินกันเองพวกดินขุย ดินหมาร่าพระ ดินจอมปลวกต่างๆ วัสดุหาอาถรรพถ์
สร้างแหวนแขนผ้าควั่นแล้วโยนเข้ากองไฟไม่ไหม้
สมัยตอนบวชเขาเล่าลือกันว่า พระเม่าสะเดาะกลอนกุญแจได้
หลวงพ่อกวยจึงบอกเป็นนัยให้พระหยดพระย้อยสังเกตดู พระทั้งสองก็ล็อคลงกุญแจ
พระเม่าก็สะเดาะกลอนกุญแจมาฉันเพลได้ พระเม่าเคยเสกหินลอยน้ำ
เสกใบไม้เป็นต่อแตน ต่อหน้าหลวงพ่อกวยได้
จนหลวงพ่อกวยมักกล่าวกับศิษย์ว่า
" พระเม่าเขามีดี "
" หากจะให้วัดเจริญเหมือนตอนหลวงพ่อกวยยังอยู่ให้เชิญลูกศิษย์หลวงพ่อกวยมารวมตัวกันสามคน
คนแรกคืออาจารย์เม่า นั่นเอง "
ปู่เม่าบวชได้สิบพรรษาจึงลาสิกขา
หลังลาสิกขาใช้ชีวิตทำสวนทำนาเลี้ยงวัวควายใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมีลูกชาย1คน
ระหว่างนี้ก็มีสงเคราะห์ชาวบ้านเป็นหมอดู หมอไหว้หมอวาน หมอตั้งศาล หมอแผนโบราณ
เสกน้ำมนต์เสกแป้งเสกทราย เสกตะกรุด ชาวบ้านก็ได้รับการช่วยจากปู่เม่ามากมาย
(ได้สอบถามชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือจากปู่เม่าต่างบอกว่า
เสียดายที่ปู่เม่าถึงแก่กรรมขาดที่พึ่งพาอาศัย)เพราะปู่เม่าช่วยคนไม่เคยเรียกร้องค่าครูใดๆ
ช่วยด้วยใจจริง ในเรื่องของวิชาอาคม ปู่เม่าใช้เรื่องธาตุ และ หัวใจนะโมตาบอด
รวมทั้งเรื่องพระคาถามนต์พระกาฬ
มีคนเคยถามปู่เม่าว่า คาถามนต์พระกาฬเป็นมนต์สาปแช่งไม่ดีใช่ไหม ปู่เม่าถามกลับว่า"
ใครบอกว่ามนต์พระกาฬไม่ดี มึงรู้จักมนต์พระกาฬนี้ดีแล้วหรือยัง"
นี่คือเสี้ยวหนึ่งของชีวิตฆราวาสขมังเวทย์ห้าแผ่นดิน
คุณปู่เม่า แย้มทับ ถึงแก่กรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่23 พฤศจิกายน2560
ณ บ้านจั่นเจริญศรี สรรคบุรี ชัยนาท สิริอายุ99ปี
หากชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เป็นศิษย์อาจารย์กันอีก
ขอบันทึกถึงปู่เม่าด้วยความคิดถึง
14 กุมพา 2017
อ้างอิงบันทึกจาก : นพ.ดนัย โอวัฒนาพานิช(หมอฟอร์ด)
ปู่เม่า เวลามีอะไรก็นึกถึงหลวงพี่กวย
มีอะไรก็ร้องเรียกให้หลวงพี่ช่วย คล้ายกับว่า
จิตของหลวงพี่กวยจะติดต่อกับปู่เม่าได้อย่างนั้น
แม้แต่ก่อนปู่เม่าจะละสังขาร ได้บอกลูกหลานในบ้านว่า
หลวงพี่กวยจะมารับไปอยู่ด้วย ย้ำหลายรอบ แถมยังบอกผมก่อนละสังขารไม่นานว่า
มีอะไรก็รีบใช้สะนะจะไม่อยู่แล้ว
"ก่อนละสังขาร2สัปดาห์ รำถวายมือ ลาครูเบื้องบน"
"ก่อนละสังขาร บอกว่า เดือน ตุลาและพฤศจิกายนจะยุ่ง"
"ก่อนละสังขาร3วัน บอกว่า มึงใส่แหวนแทนกูด้วยนา แถมบอกว่า
หลวงพี่ไปอยู่กับอ้วนเขานาเขาน้องฉัน พอจะลากลับ ดึงมือไว้บอกว่า
มึงนั่งอยู่เป็นเพื่อนกูก่อน ก่อนเสกมือเป่าเป็นชั่วโมงถึงได้ลากลับ"
ก่อนละสังขาร เพื่อนผมส่งข้อความมาบอกว่าปู่เม่าจะละสังขาร
และ หลายคนเห็นปู่เม่าไปหาในฝัน
ถึงวันละสังขารจากไปด้วยอาการสงบหลังกินข้าว อาบน้ำ ปะแป้ง
กับเสื้อสีชมพูที่ชอบ สมเกียรติภูมิเพชรเมืองสรรค์ท่ามกลางลูกหลานเหลนแย้มทับ
สมแล้วที่หลวงพ่อกวยบอกว่า "พระเม่าเขามีดี"
ดีสมกับที่พระผู้วิเศษเมืองสรรค์อย่างหลวงพ่อกวยชื่นชมและเป็นน้องรักหลวงพ่อ
ปู่เม่า เวลามีอะไรก็นึกถึงหลวงพี่กวย
มีอะไรก็ร้องเรียกให้หลวงพี่ช่วย คล้ายกับว่า
จิตของหลวงพี่กวยจะติดต่อกับปู่เม่าได้อย่างนั้น
แม้แต่ก่อนปู่เม่าจะละสังขาร ได้บอกลูกหลานในบ้านว่า
หลวงพี่กวยจะมารับไปอยู่ด้วย ย้ำหลายรอบ
แถมยังบอกผมก่อนละสังขารไม่นานว่า
มีอะไรก็รีบใช้สะนะจะไม่อยู่แล้ว
"ก่อนละสังขาร2สัปดาห์ รำถวายมือ ลาครูเบื้องบน"
"ก่อนละสังขาร บอกว่า เดือน ตุลาและพฤศจิกายนจะยุ่ง"
"ก่อนละสังขาร3วัน บอกว่า มึงใส่แหวนแทนกูด้วยนา แถมบอกว่า
หลวงพี่ไปอยู่กับอ้วนเขานาเขาน้องฉัน พอจะลากลับ ดึงมือไว้บอกว่า
มึงนั่งอยู่เป็นเพื่อนกูก่อน ก่อนเสกมือเป่าเป็นชั่วโมงถึงได้ลากลับ"
ก่อนละสังขาร เพื่อนผมส่งข้อความมาบอกว่าปู่เม่าจะละสังขาร และหลายคนเห็นปู่เม่าไปหาในฝัน
ถึงวันละสังขารจากไปด้วยอาการสงบหลังกินข้าว อาบน้ำ ปะแป้ง กับเสื้อสีชมพูที่ชอบ สมเกียรติภูมิเพชรเมืองสรรค์ท่ามกลางลูกหลานเหลนแย้มทับ
สมแล้วที่หลวงพ่อกวยบอกว่า "พระเม่าเขามีดี"
ดีสมกับที่พระผู้วิเศษเมืองสรรค์อย่างหลวงพ่อกวยชื่นชมและเป็นน้องรักหลวงพ่อ
17 ธันวาคม 2017
อ้างอิงบันทึกจาก : นพ.ดนัย โอวัฒนาพานิช(หมอฟอร์ด)
อำลาอาลัยปู่เม่า แย้มทับ ฆราวาสห้าแผ่นดิน
ศิษย์หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ และหลวงพ่อกวย
ปู่เม่า แย้มทับ นามเดิมชื่อ เชือน นามสกุล แย้มทัพ
เกิดเมื่อวัน แรมสามค่ำ เดือน อ้าย ปีมะเมีย ตรงกับ พศ 2461 อาชีพทำนาทำสวน
มีพี่น้องห้าคน ภายหลังทางราชการเขียนนามสกุล เป็น แย้มทับ จึงใช้ตลอดมา
เมื่อประมาณปี2480 ได้บวชพระ ที่วัดหัวเด่น
โดยมีพระครูปัตย์ วัดสนามชัย สรรคบุรี ชัยนาท เป็นพระอุปัชฌาย์
(ขออธิบายเพิ่มเติมคือ พระครูปัตย์ มีคนกล่าวกันว่าสืบเชื้อสายมาแต่ขุนสรรค์
ปัจจุบันเป็นวัดโบราณมีพระนอนองค์ใหญ่ในวัดอายุนับร้อยปี )
หลังจากบวชที่วัดหัวเด่นเเล้ว พระเม่า ได้ไปอยู่กับหลวงพ่อกวย3ปี ระหว่างนี้
ไปกลับวัดบ้านแค และ วัดพระปรางค์ โดยหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
ได้ฝากฝังปู่เม่าเรียนวิชากับหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์
(หลวงปู่ศรี เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อแพ หลวงพ่อกวย)
ดังนั้นปู่เม่าน่าจะเป็นศิษย์ยุคปลายเกือบท้ายสุดก่อนหลวงปู่ศรีมรณภาพปี2482
หลักฐานว่าปู่เม่าเคยไปหาหลวงปู่ศรีนอกจาก เรียนคาถาอาคมแล้ว
ลูกชายปู่เม่าได้เล่าว่า ปู่เม่า ได้เช่าแหวนหลวงปู่ศรี ใต้ท้อง อิติ มาด้วยการทำบุญ1บาท
ระหว่างบวช หลวงพ่อกวย พาปู่เม่าไปแต่ละที่ ไม่ว่าจะเป็นนมัสการรอยพระพุทธบาท
สระบุรี หรือแม้กระทั่งไปกราบ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อยุธยา
ซึ่งตอนไปยังได้เช่าพระประทับเม่น มาด้วยองค์หนึ่ง ทำบุญไป1บาท
ระหว่างบวชยุคนั้นหลวงพ่อกวยสร้างพระยุคแรก ท่านสร้างเป็นพระจำพวกดินเผา
หาดินกันเองพวกดินขุย ดินหมาร่าพระ ดินจอมปลวกต่างๆ วัสดุหาอาถรรพถ์
สร้างแหวนแขนผ้าควั่นแล้วโยนเข้ากองไฟไม่ไหม้
สมัยตอนบวชเขาเล่าลือกันว่า พระเม่าสะเดาะกลอนกุญแจได้
หลวงพ่อกวยจึงบอกเป็นนัยให้พระหยดพระย้อยสังเกตดู พระทั้งสองก็ล็อคลงกุญแจ
พระเม่าก็สะเดาะกลอนกุญแจมาฉันเพลได้ พระเม่าเคยเสกหินลอยน้ำ
เสกใบไม้เป็นต่อแตน ต่อหน้าหลวงพ่อกวยได้
จนหลวงพ่อกวยมักกล่าวกับศิษย์ว่า
"พระเม่าเขามีดี"
" หากจะให้วัดเจริญ เหมือนตอนหลวงพ่อกวย ยังอยู่ ให้เชิญ ลูกศิษย์หลวงพ่อกวย
มารวมตัวกันสามคน คนแรก คือ อาจารย์เม่า นั่นเอง "
ปู่เม่าบวชได้สิบพรรษาจึงลาสิกขา
หลังลาสิกขาใช้ชีวิตทำสวนทำนาเลี้ยงวัวควายใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมีลูกชาย1คน
ระหว่างนี้ก็มีสงเคราะห์ชาวบ้านเป็นหมอดู หมอไหว้หมอวาน หมอตั้งศาล หมอแผนโบราณ
เสกน้ำมนต์เสกแป้งเสกทราย เสกตะกรุด ชาวบ้านก็ได้รับการช่วยจากปู่เม่ามากมาย
(ได้สอบถามชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือจากปู่เม่าต่างบอกว่า
เสียดายที่ปู่เม่าถึงแก่กรรมขาดที่พึ่งพาอาศัย)
เพราะปู่เม่าช่วยคนไม่เคยเรียกร้องค่าครูใดๆช่วยด้วยใจจริง
ในเรื่องของวิชาอาคม ปู่เม่าใช้เรื่องธาตุ และ หัวใจนะโมตาบอด
รวมทั้งเรื่องพระคาถามนต์พระกาฬ
มีคนเคยถามปู่เม่าว่า คาถามนต์พระกาฬเป็นมนต์สาปแช่งไม่ดีใช่ไหม ปู่เม่าถามกลับว่า"
ใครบอกว่ามนต์พระกาฬไม่ดี มึงรู้จักมนต์พระกาฬนี้ดีแล้วหรือยัง "
นี่คือเสี้ยวหนึ่งของชีวิตฆราวาสขมังเวทย์ห้าแผ่นดิน
คุณปู่เม่า แย้มทับ ถึงแก่กรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่23 พฤศจิกายน2560
ณ บ้านจั่นเจริญศรี สรรคบุรี ชัยนาท สิริอายุ99ปี
หากชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เป็นศิษย์อาจารย์กันอีก
ขอบันทึกถึงปู่เม่าด้วยความคิดถึง
3 ธันวาคม 2017
นพ.ดนัย โอวัฒนาพานิช(หมอฟอร์ด)
สมัยเมื่อสามสิบปีก่อน อาจารย์เฒ่า สุพรรณ เขียนถึงปู่เม่าว่า
เป็นศิษย์หลวงพ่อกวย คนเลยคิดว่า ปู่เม่าเป็นศิษย์คนสำคัญหลวงพ่อกวยอย่างเดียว
แต่ไม่มีคนทราบเลยว่าเมื่อปี2480ที่ปู่เม่าบวช ในยุคนั้นปู่เม่าไปหาหลวงปู่ศรี
อย่างน้อยสามปีหลวงพ่อถึงจะมรณภาพ
เรียกว่าไปกลับวัดพระปรางค์และเรียนวิชากับหลวงพ่อศรี หากจะนับไปจะบอกได้ว่า
ปู่เม่าเป็นศิษย์หลวงพ่อศรี คนหนึ่ง สมัยนั้นเกจิดังล้วนแล้วเเต่เป็นศิษย์หลวงพ่อศรี
ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อแพ หลวงพ่อกวย หลวงปู่ปรง หลวงพ่อฉาบ
ปู่เม่าเป็นศิษย์หลวงพ่อศรีคนท้ายสุดที่เราได้มีวาสนาได้เจอ
สามสิบปีก่อน อาจารย์เฒ่าสุพรรณเขียนถึงปู่เม่าทำให้เราได้ลายแทงอันล้ำค่า
พอมาเมื่อปีก่อนถึงบางอ้อเมื่อปู่เม่าเมตตาบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่ไปกับหลวงพ่อกวย
ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่ปาน หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เรียกว่าทันเเบบสบายๆ
จึงไม่แปลกหรอกหากคนจะเริ่มหันมาสนใจสิ่งที่ปู่เม่าเสกไว้ให้แต่ละคน
ผมพยายามเขียนบอกทุกคนว่าให้รีบไปหาปู่เม่าตั้งแต่มีชีวิตอยู่
จนกระทั่งท่านละสังขารไม่นานมานี้ผมว่า คนที่ได้เจอปู่เม่าหรือคนศรัทธาเป็นคนที่โชคดีคนนึงทีเดียว
เพราะสมัยปู่เม่าอยู่ผมว่า ผมศรัทธาสุดๆ สมัยนั้นคือไม่นานมานี้ผมจะบอกว่ารอบข้างมีแต่คนหัวเราะผม
ว่าทำไมไม่สร้างอาแป๊ะโรงสี ผมบอกว่า ปู่เม่าคืออาจารย์ผมผมนับถือของผมทำแล้วก็ไม่มีคนสนใจ
ผมก็ทำของผมไปเรื่อย แข่งกับเวลาที่ปู่เม่าบอกมรณสัญญาณให้ผม ปู่บอกว่า
"มึงจะใช้อะไรกูก็รีบสะนา หลวงพี่กวยเขาเตรียมมารับกูไปอยู่ด้วยแล้ว "
ปู่เม่าย้ำเช่นนี้หลายรอบ จนผมบอกพ่อว่ารีบทำ ทำให้มากที่สุด
ไม่ใช่เราจะทำไว้ขายหรอกนะผมจะบอกให้ว่า
เกจิแต่ละคนเขาเก่งคนละอย่างคนละทาง
ผมรู้ว่าอาจารย์ผมเก่งทางไหนผมก็สร้างตามแนวนั้นให้ท่านเสกเอาไว้
อีกหน่อยจะหาเกจิเช่นนี้ไม่มี ผมจึงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างเต็มที่
สมัยนั้นเงินเดือนทั้งเดือนสร้างหมดเลย พ่อถามว่า แล้วแกจะไปให้ใครเช่าใครจะนิยม
ผมบอกไม่เป็นไร ถึงไม่มีใครสนใจเราก็ไม่เสียดาย ผมทำเต็มที่มีแค่ศรัทธาตัวเดียว
จนกระทั่งถึงวันที่ปู่เม่าเป็นที่รู้จักของคนชอบพระในระดับประเทศ โกหมิ่น
เซียนใหญ่สายหลวงพ่อทวด โทรdirectมาถึงผมบอกว่า
หมอนี่เก่งนะรู้จักอาจารย์เม่าเขาตัวจริง เคยได้ยินเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
ขนาดเซียนใหญ่ยังรู้จัก โกหมิ่นเป็นพ่อของรุ่นพี่ผม แกบอกว่า
คนรู้จักปู่เม่าแต่ไม่มีใครคิดว่ายังมีชีวิตอยู่ในสมัยนั้นเเละคนเข้าไม่ถึงคือไม่รู้จะไปหาได้อย่างไร
ผมเลยบอกว่า ลายแทงสายขลังเส้นนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ขนาดที่ว่า
สมัยยังไม่ดังมากเท่านี้มีคนบางกลุ่มก็ตั้งกลุ่มดราม่ากับผมเขียนเสียดสีต่างๆนาๆ
แต่ผมก็ไม่เคยด่าอะไรเขากลับ ผมจึงบอกว่ายิ่งดังยิ่งวุ่นวาย
ผมจึงบอกเพียงเล่าคร่าวๆแบบสบายๆสำหรับคนศรัทธา
3 ธันวาคม 2017
นพ.ดนัย โอวัฒนาพานิช(หมอฟอร์ด)
คุณปู่เม่า แย้มทับ ..ผู้เสกใบไม้เป็นแมงภู่
ผมไม่ทราบหรอกนะ รู้แต่สายหลวงพ่อมะขามเฒ่า
ถือเรื่องสร้างรูปเหมือนยิ่งนักนัยว่าแทนตัวผู้เสก นั่นหมายถึง
ถอดใจเสกใส่ในรูปให้มีชีวิตแทนตัว
เหมือนสมัยหลวงพ่อกวย จะปั้นรูปเหมือนตัวเอง
ท่านได้นำเรื่องทำรูปเหมือนแทนตัวท่านถามปู่เม่า สมัยเป็นฆราวาส!!ฟังไม่ผิดหรอกครับ
หลวงพ่อกวยมาถามความเห็นปู่เม่า และ ปู่เม่านับถือหลวงพี่กวยมากขนาดที่ว่า
น้ำในตุ่มก็นำมาล้างประพรมหัวเลยทีเดียว
การสร้างรูปเหมือนปู่เม่าครั้งนี้ผมสร้างด้วยความนับถือเทิดทูนคุณปู่เม่า
ผมทำการรวมชนวนทั้งของวัดระฆังจากพระครูเข็ม ช่างขุน และ ชนวนหลวงพ่อเดิม
มาไว้ในรูปหล่อนี้ และนำแผ่นทองแดง นับพันแผ่นลงยันต์นะเศรษฐี ตำรับเขาอ้อ
ซึ่งที่มาเดียวกับหลวงพ่อกวย หลอมในชุดนี้และมีชนวนเหรียญหลวงพ่อกวยเสกไว้หลอมให้เป็นอัน
หนึ่งอันเดียวกัน
ผมไม่รู้ว่าคุณปู่เม่า อนุญาตผมได้อย่างไร
รู้แต่คุณปู่ต้องไว้ใจให้ผมทำงานสำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน คือรูปเหมือนท่าน
ท่านไม่เคยทำ99ปี เรียกว่าตลอดชีวิตท่านดีกว่า
ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกถือว่าเป็นครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของปู่เม่าและผม
ผมจะบอกว่า วันก่อนเททองหล่อรูปปู่เม่า คุณปู่มาหาผมในฝันตอนเช้ามืด
ตรงกับที่พี่นัน หลานปู่เม่าเล่าว่า
ปู่ถามหาหมออ้วนว่ามันจะมาหากูมั้ยคิดถึงมัน
วันเททองผมเห็นปู่เม่ามาแว้บนึงแบบตาฝาด!
เสาร์ห้า26สิงหาคม2560 ผมนำรูปเหรียญหล่อไปให้ปู่เม่าเสกเดี่ยว คุณปู่บอกผมเพียงว่า
นี่รูปคล้ายกู กูเสกก็ต้องเก็บไว้เองบ้าง อีกหน่อยใครคิดถึงกูก็ต้องรูปและเหรียญหล่อนี้
"กูดีใจที่มึงและพวกมึงมาหากูวันนี้ มึงลูกศิษย์กูกูคิดถึงมึง"
เพียงแค่นี้คงจะหมดใจและสุดหัวใจของผู้เฒ่าผู้ที่หลวงพ่อกวยหมายมั่นปั้นมือเป็นตัวตายตัวแทนท่าน
เป็นหนึ่งในสามคนที่หลวงพ่อกวยกล่าวถึงว่ายามท่านสิ้นแล้วถ้ารวมศิษย์สามคนนี้วัดจะเจริญเหมือน
ท่านอยู่ปู่เม่าคือหนึ่งในสามคนนั้นและสมกับคำชมที่ว่า
"พระเม่าเขามีดี พระเม่านี่แน่นอนนัก"
นี่คือตำนานที่มีลมหายใจขอบันทึกไว้นิจนิรันดร์
ด้วยจิตเคารพคุณปู่เม่าเหมือนบุพการีอีกคน
นพ.ดนัย โอวัฒนาพานิช
ปล.บทความเก่าที่ลงไว้สมัยปู่เม่ามีชีวิตอยู่
พี่เอก ดนตรีสยาม ประธานตัดสินพระเครื่องหลวงพ่อกวย
และผู้แต่งหนังสือหลวงพ่อกวยเล่มมาตรฐานของวงการพระที่หนังสือหลวงพ่อกวยเล่มนี้เป็นพันเป็น
หมื่น พี่เอก ห้อยปู่เม่า คู่กับหลวงพ่อกวย
และพี่เอกกล่าวถึงสาเหตุที่ไม่มีเรื่องปู่เม่าในหนังสือยุคนั้นเพราะว่า
"คุณธรรมความดีของปู่เม่าเป็นที่รู้จักของคนอยู่แล้ว
และ ท่านดีมากจนผมไม่กล้ารบกวน
เพราะ ในเวลานั้นท่านก็อาวุโสกว่าคนที่ทันชีวิตหลวงพ่อกวยหลายๆท่าน
"เพชร ก็ย่อมจรัสเเสง" ไม่ต้องรอให้ใครกล่าวถึงว่าดีอย่างไร
แต่ ปู่เม่าท่านดีของท่านอยู่แล้วจริงๆครับ
ด้วยจิตคาระวะ ผม เอกดนตรีสยาม "
ปู่เม่า เรียกหลวงพ่อกวย ว่า " หลวงพี่ " "หลวงพี่กวย"ท่านทั้ง2ผูกพันกันมาก บางเวลาปู่เม่า
เข้าไปที่โลงสังขารหลวงพ่อกวย นั่งอยู่นานๆ คนพาไปชวนปู่กลับ ปู่เม่าตอบว่า
"ยังคุยกับหลวงพี่ไม่เสร็จ"
เป็นสาเหตุให้ผมคล้องวัตถุมงคลท่านทั้ง2ร่วมกัน ศักดิ์สิทธิ์เกินบรรยาย........"
เรามีศรัทธาปาฏิหารย์จึงเกิด"....อย่าชื่อสิ่งที่ผมเล่าจงพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองครับ.....
บางเรื่องอธิบายด้วยคำพูด .....ไม่สามารถเข้าถึงสิ่งที่พบเจอด้วยตัวเองได้
ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเจอ ปู่เม่า แย้มทับ ผมรีบบอกข่าวนี้ให้
อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ และอาจารย์เพียรวิทย์ จารุสถิติ
เสียดายที่สองท่านไม่ทันได้เจอปู่เม่า
และ ที่สำคัญเสียดายตอนทำพระกริ่งชินบัญชรชุดนี้อาจารย์ชินพรadmitรพ.
พอดีเลยไม่ได้ให้อาจารย์ชินพรไปเททองด้วยตนเองผมเลยเททองเองแบบบ้านๆผมนึกย้อนไปนะ
สิ่งที่อาจารย์ชินพรสอนผม อาจารย์บอกว่าเรานับถือใครสักคนนะก็สร้างไปเต็มที่ไม่ต้องสนใจว่าใครจะ
นิยมรึไม่นิยมเจอเกจิที่เขาเป็นคนดีก็ทำไว้ ไม่งั้นเวลาผ่านไปจะมานั่งเสียใจไม่มีประโยชน์ผมจึงสร้าง
ไว้ทุกอย่างดังใจหมายมองย้อนไปท่ามกลางเสียงหัวเราะว่าหมอสร้างพระอะไร สร้างปู่เม่า
ตอนนั้นหันไปมีแต่อาแป๊ะโรงสี พวกเซียนพระหลายคนยังขำผมเลยนึกว่าผมไปอุปโลกน์ปู่เม่าขึ้นมา
ก่อนไปหาปู่เม่าผมถาม อาจารย์เฒ่า สุพรรณ อาจารย์เฒ่าบอกว่า ปู่เม่ามีวิชา
แต่ไม่ค่อยบอกใครและหวงวิชามาก ไม่ค่อยคุย ผมไปเองปรากฏคงเป็นวาสนาปู่คุยสนุก
และสุดท้ายคือวาสนาได้สร้างพระให้ปู่เม่าเสก ได้เอาไปช่วยสาธารณะประโยชน์หลายครั้ง
ช่วงที่พอปู่เม่าเริ่มดังใหม่ คนก็มาดราม่ากับผมต่างๆนาๆผมก็ไม่สนใจ เพราะคิดว่า
เรานับถือปู่เม่าไม่ได้นับถือเซียนพระไม่ได้นับถือคนพวกนั้น จึงผ่านมาได้ตลอด
ผมไม่เคยเอาพระปู่เม่ามาลดแลกแจกแถมใดๆเพราะผมรู้สิ่งที่ปู่เม่าสั่งบอกผมไว้ว่ามีค่ามากแค่ไหน
และไม่สามารถสร้างให้ปู่เม่าเสกได้อีกแล้ว อันไหนทันปู่เม่าคือทัน
อันไหนสร้างหลังถึงแก่กรรมก็มีการแยกรุ่นชัดเจนไม่สับสน เพราะ นี่คือstandard ที่ควรจะเป็น
หลวงพ่อกวย พาปู่เม่า ไปฝากกับครูคือ
หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ปู่เม่าจึงเป็นศิษย์น้องหลวงพ่อกวย หากจะบอกว่า
ศิษย์น้องหลวงพ่อกวยฟังแล้วคงห่างเหินไปมาก หากใช้คำว่าน้องรักหลวงพ่อกวย
คงไม่ผิดนัก แม้หลวงพ่อกวยเองก็ให้ความเมตตาอาจารย์เม่าแบบเปิดเผย บิณฑบาตร
ก็ต้องแบ่งคนละครึ่งกับพระเม่า แม้ไปไหนก็ติดอาจารย์เม่าไปด้วย
หากไม่ไปก็ฝากกุญแจไว้ให้เฝ้ากุฏิไม่ไว้ใจจริงคงไม่ให้อาจารย์เม่าถือกุญแจเป็นแน่แท้
ปู่เม่า ถือเป็น ศิษย์หลวงพ่อศรี สุดท้าย
สมัยหลวงพ่อกวย สร้างรูปเหมือนท่านถาม ปู่เม่า ว่า
เม่าว่าฉันสร้างรูปเหมือนดีมั้ยเขาจะทำให้ฉัน
ปู่เม่า ตอบว่า
ดีขอรับหลวงพี่ ผมร่วมด้วย สมัยนั้นปู่เม่าเอาขันลงหิน
เอาถาด ไปร่วมหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อกวยที่วัดบ้านแคด้วย
ปู่เม่าจึงถือเป็นปูชนียบุคคลที่มีประวัติเคียงคู่ หลวงพ่อกวย ชัดเจนตั้งแต่ยุคแรกๆของ หลวงพ่อกวย
จึงบอกได้เลยว่า ใครทันปู่เม่าถือว่าโชคดีมากครับ
สมัยก่อนหลวงพ่อกวยแนะนำ อาจารย์ตั๊ว ว่าให้ไปหาอาจารย์หมุนต่อวิชา
พระหลวงพ่อหมุนก็แพงแสนแพงหลักหมื่นถึงหลักล้าน
แต่ตอนปู่เม่าบวช หลวงพ่อกวยนำปู่เม่าฝากหลวงพ่อศรีสอนเพราะเป็นครูของท่านเอง
ปู่เม่าจึงเป็นศิษย์มีครูเดียวกันกับหลวงพ่อกวย มีอะไรหลวงพ่อก็ให้พระเม่าไปด้วยกันเสมอ
บิณฑบาตรมาก็แบ่งคนละครึ่งเวลาไม่อยู่คนถือกุญแจห้องหลวงพ่อกวยคือพระเม่า
พระเม่าคือคนที่หลวงพ่อกวยไว้ใจมากที่สุด
หลวงพ่อกวยไม่ค่อยชมใครมีที่ชัดๆก็ปู่เม่านี่แหละชมว่า "พระเม่าเขามีดี"
หากไม่ดีจริงปู่เม่าคงไม่ได้มนต์พระกาฬ แม้มนต์บทอันเดียวกันแต่หากไม่ถึงจิตเข้าสู่พรหมวิหารออก
บัวบานแล้วไซร้คงไม่ถึงแก่นแห่งมนต์พระกาฬนี้ ปู่เม่าบอกคนที่ว่ามนต์พระกาฬว่าไม่ดีว่า
"มึงรู้จักมนต์พระกาฬดีแล้วหรือยัง"
วันนึงคนจะรู้เองว่า ปู่เม่า ของที่ปู่เสกก็ใช้ดีเหมือนพระหลวงพ่อกวยดุจเดียวกัน
เพราะ ปู่เม่าถอดมือถอดใจหลวงพ่อกวยมาเหมือนกัน
หากหลวงพ่อกวยคือพระใจเพชร
ปู่เม่าก็เป็นฆราวาสใจพระ
วันนึงคนจะทราบเองว่า นี่คือเพชรเมืองสรรค์
ขอกราบขอบพระคุณข้อมูลและรูปภาพจาก นพ.ดนัย โอวัฒนาพานิช
ขอกราบขอบพระคุณรูปภาพจาก พงษ์ศักดิ์ รังสิต FC
https://www.reunglaochaosiam.com/%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%86%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B9%89/