พระสังข์ (ขนาดเล็ก พกพา สามารถใส่ยอดน้ำได้จริง) เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ #จารยันต์ #ตอกโค็ด ปี2565 #รับประกันแท้
| รหัสสินค้า | SKU-03249 |
| หมวดหมู่ | พระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิลังการ์ จ.สิงห์บุรี |
| ราคา | 4,599.00 บาท |
| สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
| สภาพ | สินค้าใหม่ |
| ลงสินค้า | 30 ก.ค. 2565 |
| อัพเดทล่าสุด | 7 มี.ค. 2566 |
| คงเหลือ | ไม่จำกัด |
| จำนวน | ชิ้น |
หยิบลงตะกร้า
Tags : สังข์, พระสังข์, หอยสังข์, หลวงพ่อบ๊ะ, พระอาจารย์บ๊ะ, วัดโพธิลังการ์, พระเครื่อง, วัตถุมงคล, เครื่องราง, ของขลัง
รายละเอียดสินค้า
ขนาดพกพา
หยอดใส่น้ำ หยดน้ำสังข์ ได้จริง
#สร้างตามดำริหลวงพ่อ...
พระอาจารย์ท่านบอกว่า
หลังจากเข้าพิธีวันนี้ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์....
ท่านพูดแค่สั้นๆ ว่า "ดีกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว..."
นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดหน้าพระเมรุ
และพระอาจารย์บ๊ะ เสกเดี่ยวในคืนวันเพ็ญ
และ พิเศษ นำเข้าพิธี เพิ่มเติม
วันที่ 16 กรกฎาคม 2565
รวมถึงได้ตอกโค๊ด
ชื่อพระอาจารย์
สามารถแขวนเป็นเครื่องประดับ
แถมยังเข้มขลังและ ใช้งานได้จริง
หลวงพ่อบ๊ะ วัดโพธิลังการ์
มีรอยจารยันต์ + ตอกโค็ด
#รับประกันแท้
---
#ข้อมูลอ้างอิงเก็บตก
♥️♥️สืบเนื่องจากการจัดสร้าง
ไฟแช๊ค zippo พระสังข์มงคล
ก็ได้มีโอกาสพูดคุยสอบถามหลวงพ่อ
เกี่ยวกับเรื่องพระสังข์ ♥️♥️♥️
ท่านได้พูดถึง 'สังข์ที่สร้างจากโลหะ'
ที่ท่านเจ้าคุณศรีสนธิ์ (วัดสุทัศน์)
ได้เคยสร้างไว้ และทุกวันนี้ยังได้ถูกนำมาใช้งาน
ในงานพระราชพิธีสำคัญๆ อยู่เสมอ
สมัยนั้นการจะสร้าง "สังข์" จากโลหะ
ที่สามารถใส่น้ำใช้งานได้จริง
จะต้องรีดโลหะเป็นแผ่น
แล้วตีม้วนขึ้นรูปออกมา
ซึ่งก็ทำได้ยาก และไม่ค่อยจะสวยงามนัก
ฟังแบบนี้แล้วก็เลยกราบเรียนท่านว่า
"ขออนุญาตสร้างนะครับ..." 😇😇😇
ต้นแบบงานชิ้นแรกเสร็จนำไปให้ท่านดู
สิ่งแรกที่ท่านทำก็คือ ลองเอาน้ำมาหยอดใส่
"อืม... ได้ประมาณ 5-6 หยด
ขนาดกำลังดี ห้อยคอได้
ต้องการน้ำมนต์เมื่อไหร่
เพื่อการใดๆ ก็เอาน้ำใส่แล้วอธิษฐาน
เทออกมาเป็นหัวเชื้อ สะดวกดี..."
"5-6 หยดมันจะพอหรอเนี่ย"
ระหว่างเดินทางกลับก็นั่งคิดอยู่ตลอดทาง
รีบตรงดิ่งไปหาช่างแกะแบบ
บอกทำยังไงให้ใส่น้ำได้มากขึ้น
ผ่านไปอีกเป็นเดือนจนได้ต้นแบบชิ้นที่สอง
ช่างต้องแกะพิมพ์เป็น 2 ชิ้น
แล้วนำมาประกอบกัน
ทีนี้ใส่น้ำได้เยอะมาก
หลั่งน้ำออกมาเป็นเกลียวสวยงาม
นำแบบพิมพ์ไปให้หลวงพ่อท่านดู
เห็นรอยยิ้มก็พอจะเดาได้ว่า
พึงใจขนาดไหน😇😇😇
และได้แจ้งหลวงพ่อไปว่าต้นทุนสูงขึ้น
อีกนะครับ ราคาที่ท่านกำหนดมา
จะขยับขึ้นอีกซักหน่อยมั้ยครับ
คำตอบที่ได้คือ
"ไม่ต้อง เอาเท่านั้นแหละ..."
แล้วจำนวน เพิ่มอีกหน่อยมั้ยครับ
ลูกศิษย์ท่านมากขึ้นๆ ทุกวัน
จะไม่พอเอานะครับ
"ไม่ได้ ให้ทำแค่นี้...!!!"
กลับไปที่โรงงานคอนเฟิร์มยอดสั่งผลิตเรียบร้อย ผ่านไป 3 สัปดาห์
ช่างได้ติดต่อมาให้เข้าไปดูตัวอย่าง
พิมพ์ชิ้นที่สาม
เอ่อ...ไม่จบอีกหรอครับ ช่างไม่จบ
แต่งพิมพ์ใหม่ให้เรียวขึ้น
ให้เป็นทรงสังข์สุวรรณภูมิ
และคว้านเนื้อด้านในให้จุน้ำได้มากขึ้นอีก
พร้อมกับโชว์ตัวห่วงสำหรับห้อยเป็นรูปใบโพธิ์
เหมือนชื่อ "วัดโพธิ์ลังการ์" อันนี้แถม...!!! 😍
เอาตัวอย่างสุดท้ายไปให้ท่านดู
พร้อมกับถามว่าจะให้ใส่โค๊ดไว้ยังไงดีครับ
"ไม่ต้องใส่มา เอาเกลี้ยงๆ เดี๋ยวจะจารเอง..." 😳😱
จำนวนสร้างทั้งหมด ๕oo ขอน
และขออนุโมทนาท่านที่แบ่งถวายคืน
ให้หลวงพ่ออีกจำนวนหนึ่ง
หลังจากตัวเองจ่ายเงินไปแล้ว😇
พระอาจารย์ท่านบอกว่า
หลังจากเข้าพิธีวันนี้ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์....
ท่านพูดแค่สั้นๆ ว่า "ดีกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว..."
😇😇😇
พระอาจารย์ท่านใส่ใจพิธีพิถัน
ในการเลือกอักขระมาวาง
ต่างกันออกไปในแต่ละเนื้อ
# จารอักขระ "มิ"
เรื่องการนำไปใช้งานนั้น
สรุปให้ฟังคร่าวๆ นะครับ
: ใช้แขวนติดตัว ก็เป็นมงคลทุกประการ
: ใส่น้ำ หลั่งออกมาเป็นน้ำมนต์
เพื่อใช้ในงานมงคล
: ใส่น้ำ หลั่งออกมาเป็นน้ำมนต์
เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
เรื่องหนุนดวง เสริมชะตา
คงไม่ต้องกล่าวถึง ก็ในเมื่อท่าน
ให้นำเข้าพิธีเสก แผ่นยันต์ดวงมหาพิชัยสงคราม
ทั้ง ๓ วาระ
"สัพพะโรคา วินาสสันติ โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เม"
ประโยคนี้คงไม่มากเกินไป
อีกนิดนึง หลังจากที่ท่านจารอักขระ
ทั้งหมดเสร็จสิ้น ท่านยังกล่าวเสริม
ด้วยน้ำเสียงชุ่มชื่นใจว่า
"รู้มั้ยพระสังข์นี่ ไม่ใช่แค่ลาภผลนะ
ยังเป็นมหาปราบด้วยนะ..."
(ปกติถามแล้วถามอีก
ก็ไม่ค่อยจะเล่านะเนี่ย อันนี้ท่านเล่าเอง)
ยังไงครับหลวงตา...?
"กูอธิษฐาน ให้พระนารายณ์มาสถิตย์
เปรียบเสมือนมีท่านไปด้วยทุกที่
พื้นที่บริเวรไหนมีอาถรรพ์
แค่พกเข้าไปก็ล้างอาถรรพ์ได้แล้ว..."
แค่พกไปเนี่ยหรอครับ...?
"ใช่แล้ว ภูติผีจะเห็นเป็นแสงจ้า
จนอยู่ไม่ได้ หรือถ้าที่ไหนมันแรงมากๆ
เอาน้ำใส่แล้วสาดเลย
รับรองได้ทุกสถานการณ์..."
😇😇😇😇😇
คนที่คุ้นเคยกับพระอาจารย์ก็จะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า
เวลาท่านจะปลุกเสกอะไร เมื่อไหร่นั้น
ไม่สาารถคาดเดาได้
ใครไปถามว่า รายการนั้น
รายการนี้เสกเสร็จหรือยัง?
ท่านก็มักจะพูดติดตลกว่า "รีบมั้ยหละ?
ถ้ารีบก็เอากลับไปเสกเอง..."
อย่างกรณี พระสังข์นี้
เกิดจากความผิดพลาดที่ผมเดาไปเองว่า
ท่านน่าจะเสกแค่ช่วงพิธีจันทร์เพ็ญเมื่อปีกลาย
จึงได้เปิดให้ทุกท่านได้จองกัน
โดยไม่ทันได้สอบถามกับท่านว่า
จะมีเสกหลายวาระหรือไม่
มิเช่นนั้นผมคงยังไม่เปิดให้จอง
จนมาถึงพิธีเสกที่
พระมหาจักรพรรดิ์โพธิ์สัตว์กวนอิม
(เป็นพิธีที่ขจัดโรคภัยเป็นการเฉพาะ)
ก็คิดว่าจะครบวาระแล้ว...
จึงได้กราบเรียนท่านว่า
มีคนทวงถามกันมาเยอะเลย
สามารถรับกลับมาจัดส่งได้เลยมั้ย
ท่านเมตตาตอบว่า
"ยังก่อน เดี๋ยวรอพิธีวันที่ 16 ก.ค. นี้นะ
กูจะเอาเข้าเสกด้วย แล้วมึงมารอเลย
เสกเสร็จแล้วจะจารให้เลย..."
ว่าแต่ พิธี 16 ก.ค.นี้คืออะไรหละ
ถึงตอนนี้หลายๆ ท่าน
ก็คงจะได้ทราบทั่วกันแล้ว
เมื่อวานนี้หลังจากที่
ท่านจารอักขระลงบนสังข์เสร็จ
ท่านก็เปรยขึ้นมาว่า
"ไม่มีอะไรบังเอิญ มึงเห็นมั้ย
ที่ให้รอมาจนถึงวันนี้ มันรอคุ้มมั้ยหละ..."
พูดไปพลาง
ท่านก็เอามือเกลี่ยดูพระสังข์ในถาดแล้วพูดว่า
"ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เข้ามาไม่รู้กี่พิธี"
ส่วนจะดียังไงนั้น
ท่านได้เล่าให้ฟังอยู่หลายอย่าง
เริ่มแรกเลยมาจากการจัดสร้าง zippo รูปพระสังข์
และมื่อเห็นว่าไหนๆ ท่านก็ต้องเสกพระสังข์
ก็จึงกราบเรียนขอนำ
"สังข์" จริงๆ เข้าพิธีด้วย
< ของแต่ละอย่างที่ผมนำเข้าพิธี
ได้แจ้งให้ท่านทราบและท่านรู้เห็นด้วยทุกครั้ง >
แล้วท่านก็เปรยขึ้นมาว่า
สังข์นี่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง
เนื่องจากแตกหรือกระเทาะได้ง่าย...
ท่านเคยเห็นพระสังข์ที่สร้างจากโลหะ
แล้วดูเข้าท่า ใช้งานได้จริง มีอยู่รุ่นเดียว
ของเจ้าคุณศรีสนธิ์ วัดสุทัศน์ สร้างไว้ราวๆ ปี ๒๔๙x
สมัยนั้นเค้าใช้โลหะรีดเป็นแผ่น
แล้วดัดม้วนขึ้นรูปเป็นสังข์
ทำให้ด้านในกลวง
และสามารถใส่น้ำ เพื่อใช้งานได้จริงๆ
แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้สวยงามนัก
ถ้าทำออกมาเป็นโลหะที่ใช้งานได้จริง
และสวยด้วยก็น่าจะดี...
จึงได้เริ่มให้ช่างขึ้นตัวอย่างมา
ต้นแบบแรกเลยใส่น้ำได้ 4-5 หยด
หลั่งออกมาไม่ทันจะถูกตัว
ก็แทบจะระเหยไปในอากาศหมดแล้ว...😅
หลวงพ่อท่านบอก
"ยังใช้ไม่ได้ อย่างน้อยๆ ขอซัก 10 หยด..."
ช่างกุมขมับเลย
แต่เมื่อหายไปสองสัปดาห์
ผมได้เข้าไปดูต้นแบบที่ช่างขึ้นงานใหม่...
คำถามแรกที่ได้ยินจากช่างคือ
ทำได้นะครับ แต่สู้ราคาไหวมั้ย
เพราะว่างานต้องทำเป็น 2 ส่วน
แล้วมาเชื่อมติดกันภายหลัง...
แลกมากับการที่ใส่น้ำได้มากกว่า 20 หยด
หลั่งออกมาสายน้ำบิดเป็นเกลียวสวยงาม
ตามที่ควรจะเป็น...
มีโค๊ด เพื่อง่ายต่อการดู
เผื่อว่าอีกหน่อยมีใครพยายามจะทำเลียนแบบ...
ตอกโค๊ดเสร็จ
ทีมงานนั่งดูกันก็ยังขัดหู ขัดตา ขัดใจ
กับความที่งานดูไม่เรียบร้อย
จึงต้องส่งกลับโรงงานเพื่อขัดแต่งใหม่ทั้งหมด...
"ครูบาอาจารย์ตั้งใจเสกของดีให้ไปใช้...
ของไม่สวยตัวเราเองยังไม่อยากใช้...
จะเอาไปเปิดให้คนอื่นเค้ายอมควักกระเป๋าบูชา
ก็รู้สึกละอายใจ..."
สรุปสุดท้าย
ออกมาอย่างที่ทุกท่านเห็น
ตรงตามที่ต้องการทุกอย่าง
คือ สวย ทน ใช้งานได้จริง
สามารถไปแขวนเป็นเครื่องประดับได้เลย...
ข้อมูล
Pruthariphon
------------------------
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม
พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๐๙ น.
พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ
เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
พระเดชพระคุณพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.
ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒)
พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ
เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง)
พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม (หลวงพ่อบ๊ะ)
ร่วมกันอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล
ณ มณฑลพิธีศาลาพระอินทมุนี
วัดโพธิ์ลังกา หมู่ที่ ๖ ตำบลอินทร์บุรี
อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
พระเดชพระคุณพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒)
พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ
เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง)
พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม (หลวงพ่อบ๊ะ)
ร่วมกันอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล
ณ มณฑลพิธีศาลาพระอินทมุนี
วัดโพธิ์ลังกา
หมู่ที่ ๖ ตำบลอินทร์บุรี
อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
------
https://youtu.be/8Nycy_Y0JqQ
16/7/65 หลวงพ่อเล็กเล่าเรื่องพิธีพุทธาภิเษก
เมื่อเจ้าภาพได้ส่งรายการวัตถุมงคลมา
กระผม/อาตมภาพเห็นว่ามี
#วัตถุมงคลสมเด็จองค์ปฐมอยู่ด้วย
ก็เป็นอันว่างานนี้ตัวใครตัวมัน..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวัตถุมงคลสมเด็จองค์ปฐมนั้น
ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหน
หรือว่าพรหม เทวดา องค์ไหนจะรับเสกให้
#ยกเว้นว่าต้องกราบอาราธนาพระองค์ท่านมาเสกด้วยพระองค์เอง
แต่เมื่อเริ่มพิธีขึ้นมา กระผม/อาตมภาพกราบครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็น #หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง หรือว่า #หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค กราบเรียนว่า
"ขอถวายภาระเลยนะครับ งานนี้กระผมจะนั่งดูอย่างเดียว"
ปรากฏว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเงื้อไม้เท้าใส่ บอกว่า
"เอ็งอย่าหวังว่าจะอู้...! พระท่านสั่งให้ทำอะไรเอ็งก็ทำไป"
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ต้องแล้วแต่พระท่านว่าจะเอาอย่างไรบ้าง #ก็เห็นสมเด็จองค์ปฐมเจ้าของงานท่านเสด็จมาแวบหนึ่ง แต่ "แวบหนึ่ง" ของพระองค์ท่านนั้น ถ้าหากว่าเป็นเวลาข้างล่างก็นานทีเดียว
#หลังจากนั้นพระองค์ท่านก็มอบหมายงานให้กับพระพุทธเจ้ามีนามว่า "ทีปังกร" ดูแลตรงจุดนั้น ซึ่งเมื่อสมเด็จพระพุทธทีปังกรท่านแผ่พระรัศมีลงมา
#ก็อยากจะบอกว่า "กระจ่างแจ้งสามภพจบสากล" #คือเป็นรัศมีสีทองจนกระทั่งกลายเป็นสีขาวสว่างเจิดจ้า ไม่สามารถจะบรรยายได้ว่าสว่างเท่าไร แต่ขอบอกว่ากำลังใจของกระผม/อาตมภาพนั้น #โปร่งเบาจนแทบจะเหาะจะบินได้
เมื่อพระองค์ท่านถอนกำลังกลับ ก็ได้กราบอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด #โดยเฉพาะสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งต้องบอกว่าพระองค์ท่านเป็นเจ้าของงานวันนี้ คือเจ้าเป็นของรูปหล่องานนี้โดยตรง ช่วยเสกให้อีกวาระหนึ่ง ซึ่งพระองค์ท่านก็ทำให้แบบเสียไม่ได้ เหตุเพราะว่าบารมีพระที่สงเคราะห์ลงมาก็เหลือล้นแล้ว
นอกจากนั้นก็ยังเห็น #หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เดินเข้ามาในบริเวณพิธี จึงเข้าไปกราบท่าน ถามว่า
"หลวงพ่อมาทำอะไรครับ ?" ท่านบอกว่า
"#งานนี้มันจะให้เสกมีดหมอด้วย แกดูไม่ทั่วใช่ไหม ?"
กระผม/อาตมภาพก็ยอมรับสารภาพว่า
"#เห็นแค่ว่ามีสมเด็จองค์ปฐม กระผมก็ไม่ดูรายการอื่นแล้วครับ"
เมื่อถามว่ามีดหมออะไร ? หลวงพ่อเดิมท่านบอกว่า
"#พวกมันจะเอามีดหมอโสฬส แล้วก็อยากให้ข้าทำให้ด้วย"
กระผม/อาตมภาพจึงกราบเรียนท่านว่า
"ถ้ามีดหมอโสฬส สายตรงต้อง #หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าครับ" ท่านบอกว่า
"#ท่านก็ตามข้ามาอยู่นี่ไง"
จึงเห็นหลวงปู่ศุขท่านถือไม้เท้าเดินเข้ามา ได้แต่นั่งมองหลวงปู่ทั้ง ๒ รูปท่านจัดการเกี่ยวกับเรื่องของมีดหมอในลำดับต่อไป
#ท้ายสุดที่โผล่มาก็คือหลวงปู่ผู้เป็นพระเถระชาวทิเบตรูปหนึ่ง รูปร่างผอม แต่ว่าสูงใหญ่มาก ก็คือเป็นคนสูงใหญ่ แต่ว่าผอม เคยพบท่านครั้งหนึ่งแล้ว ตอนที่ไปเที่ยวเมืองจีนกัน คือครั้งที่ไปยังเสฉวนตะวันตก แล้วทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) #ได้ไปบูชาประคำมาเส้นหนึ่ง ซึ่งดูแล้วว่าเป็นของเก่าแท้แน่นอน ในราคาที่ค่อนข้างจะสูง นำมาให้กระผม/อาตมภาพเสกซ้ำ แต่เมื่อจะเสก ปรากฏว่าหลวงปู่เจ้าของประคำท่านโผล่มา บอกว่าท่านเป็นพระเถระชาวทิเบตเจ้าของประคำเส้นนี้
แต่ด้วยความที่ท่านบอกแค่นั้น แล้วกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้สอบถามต่อว่า ท่านเป็นใคร ? มาจากไหน ? งานวันนี้ทิดเฟิร์สนำประคำมาหย่อนเอาไว้ให้ในพานข้างตัว บอกว่าฝากเข้าพิธีรอบนี้ด้วย #หลวงปู่ท่านก็เลยต้องมา ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ท่านว่า
"ชื่ออะไรครับ ?" ท่านบอกว่า "ต้าถักรินโปเช่"
กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็งง ๆ หลวงปู่ท่านเป็นพระทิเบต แต่ทำไมชื่อเหมือนภาษาจีน ? แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะเกรงว่าท่านจะโขกกบาลเอา เนื่องจากว่าหลวงปู่ท่านรูปร่างสูงใหญ่มาก ดูจากความสูงแล้วน่าจะถึง ๒ เมตร เพียงแต่ว่าท่านเป็นคนผอม ก็เลยดูเหมือนอย่างกับว่าผอมสูง แต่ความจริงแล้วรูปร่างน่าจะใหญ่กว่ากระผม/อาตมภาพสัก ๔ คนรวมกัน..! #ท่านมาชี้ ๆ จิ้ม ๆ #ให้ไม่กี่ทีแล้วก็ไป
กระผม/อาตมภาพเห็นบรรดาพระเถรานุเถระทั้งหลายที่เมตตามาช่วยเสกวัตถุมงคลให้ ค่อย ๆ ทยอยกลับตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าไปกันหมดแล้ว ก็ได้ลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์ แล้วก็พรมรอบบริเวณพิธี จนกระทั่งครบถ้วนสมบูรณ์
โดยปกติแล้วงานพวกนี้กระผม/อาตมภาพจะต้องเป็น "เทศบาล" ก็คือคอยเก็บกวาดสิ่งที่ยุ่งยากต่าง ๆ ซึ่งบรรดาท่านอื่น ๆ เหลือเอาไว้ ก็คือแต่ละท่าน ถ้าหากว่าเป็นสายอื่นที่มาเสกร่วมด้วย ก็จะมีสารพัด ทั้งสายเสน่ห์ สายเมตตา สายคงกระพัน สายมหาลาภ ในเมื่อทำกันให้ยุ่งไปหมด บางทีเสกอย่างอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งที่เพิ่งมาถึง ก็ดันไปเอามหาอุดมาลงปิดท้าย ก็เป็นอันว่าไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันพอดี แต่ว่างานนี้ท่านอาจารย์บ๊ะเป็นเจ้าของถิ่น กระผม/อาตมภาพก็เลยทิ้งให้ท่านเป็นเทศบาล มีหน้าที่เก็บกวาดสถานที่แทน
หลังจากที่เสร็จพิธีแล้วก็ไปนั่งรอท่านอาจารย์บ๊ะ เมื่อเก็บกวาดสถานที่เรียบร้อย ท่านก็มาช่วยซ่อมสุขภาพให้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าระยะนี้กระผม/อาตมภาพห่างไกลหมอไปนิดหนึ่ง ทำให้เรื่องของสายตาค่อนข้างจะมีปัญหา แล้วก็เรื่องกระดูกสันหลังทรุดจนกระทั่งไปทับประสาท ก็มีปัญหาตรงที่ว่าทำให้เจ็บร้าวลงไปถึงขาเลย ไม่ใช่แค่สะโพกเท่านั้น เมื่อท่านดันเข้าที่ให้ ทุกอย่างก็เหมือนกับปกติ เพียงแต่ว่าด้วยความเคยชิน คาดว่าอีกไม่กี่วันก็น่าจะกลับไปเหมือนเดิม..!
เนื่องจากว่าเวลาหลับแล้ว บางทีร่างกายก็พลิกไปในมุมที่ตนเองถนัด แต่ว่าด้วยความที่สภาพจิตทรงตัวอยู่ กระผม/อาตมภาพก็ไม่อยากที่จะไปยุ่งด้วย เอาการภาวนาของตนเป็นหลัก การระมัดระวังไม่ให้กิเลสกินตนเองได้ทั้งหลับและตื่นนั้นสำคัญกว่าการดูแลร่างกาย จึงทำให้การรักษานั้นได้ผลไม่นาน ก็จะกลับไปอยู่ในลักษณะของการเจ็บตัวเหมือนเดิม จะสมน้ำหน้าตนเองก็ใช่ที่ หรือจะยอมรับว่าเป็นกฎของกรรมก็ไม่น่าจะใช่ หากแต่ว่าเป็นคนขี้เกียจ ในเมื่อเอ็งอยากนอนท่านั้นก็จงนอนต่อไป ข้าก็มีหน้าที่แค่อยู่กับพระ แค่คอยระวังกำลังใจไม่ให้กิเลสกินได้ก็แล้วกัน
เมื่อได้รับการซ่อมสุขภาพแล้ว ก็เดินทางกลับยังที่พัก ซึ่งตอนที่เดินทางอยู่นี้ ฝนฟ้าก็มืดมัวไปหมด ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะกลับถึงที่พักโดยปลอดภัยหรือไม่ ? แต่ว่าอาศัยระยะเวลาในการเดินทางนี้ ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน เผื่อว่าถ้าหากว่ามีปัญหา สิ้นชีวิตลงไปก่อนที่จะหมดวัน ก็จะทำให้มีเสียงธรรมให้ญาติโยมได้ฟังกันอีกวันหนึ่ง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
----
พิธียิ่งใหญ่ในรอบ ๗๕ ปี...
⭐ สุดยอดพิธียิ่งใหญ่
๑ ในหน้าประวัติศาสตร์ที่เข้าพุทธาภิเษก
วันที่ ๑๖ ก.ค ๒๕๖๕
ก่อนจัดสร้างได้มีการบวงสรวงใหญ่
และขอประทานพุทธานุญาต
รวมไปถึงการบวงสรวง
บอกกล่าวตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่ถูกต้องสมบูรณ์
.
⭐ หลวงพ่อบ๊ะ
ท่านกล่าวว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า
ที่ลงมาสงเคราะห์ทุกพระองค์
มากจนนับไม่หมด และการนับไม่หมด
ของหลวงพ่อนั้น ยากมาก !!!
⭐ เหมือนกับที่ หลวงพ่อเล็กกล่าวว่า
พิธีนี้ สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จพระพุทธทีปังกร
พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
โดยมี พระพุทธนเสฏปัจเจกพุทธเจ้า
สงเคราะห์เป็นประธาน
อาจจะเรียกได้ว่า นี้คือ ที่สุด อีกหนึ่งพิธีใหญ่
-------------------------------------------------------
เรื่องเล่าพิธีโลกเอียง...
เมื่อวานนี้ในพิธี สมเด็จองค์ปฐมเสด็จ
เมื่อใดก็ตามที่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จ
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องเสด็จมาทุกพระองค์...
ซึ่งสมเด็จองค์ปฐมเมตตามาพุทธาภิเษก
ให้ด้วยองค์ท่านเอง และท่านยังได้เมตตา
มอบให้สมเด็จพระพุทธทีปังกร
ซึ่งพระองค์ท่านเป็นเลิศในด้านลาภ
ในบรรดาพระพุทธเจ้ามากที่สุด สงเคราะห์
และสมเด็จพระพุทธทีปังกร เมตตาสงเคราะห์
เป็นอย่างมากซึ่งตามปกติแล้วพิธีจะสุดแค่นั้น
แต่...
วาระนี้ในเมื่อเป็นงานขององค์พระปัจเจกพุทธเจ้า...
ท่านก็ต้องเมตตาสงเคราะห์ลงมาอีกทุกพระองค์...
ยังไม่รวมพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่เมตตามา
และหลวงพ่อบ๊ะ ท่านเชิญ พระโพธิสัตว์ มาทุกองค์
ไม่ว่าจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม พระกษิติครรภ์
ท่านมัญชุศรี ท่านสมันตภัทร และทุกพระองค์...
ถามว่าโลกจะเอียงมั้ย...?
.
หลวงพ่อบอกว่า "
วัตถุมงคลในพิธีนี้ภาษาวัยรุ่นเค้าเรียกว่า ปังปุริเย่ "
ซึ่งจริง ๆ ท่านก็เอ่ยมาหลายรอบแล้ว
และท่านให้ทำใบรายการวัตถุมงคล
ที่เข้าพิธีนี้อีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก
เพราะตามธรรมดา
ท่านไม่เคยให้ทำซักครั้ง
ดังนั้น
ใครที่มีกำลังและความสามารถก็เก็บๆ กันไว้นะครับ
เลือกตามแบบที่ชอบ อีกหน่อยจะหากันไม่มี
เพราะไม่ได้มีเยอะมาก...
------------
เนื้อสัมฤทธิ์ (สำริด)
มาทำความเข้าใจ คำว่า “สัมฤทธิ์”
กันก่อนว่า คือ การผสมโลหะชนิดต่างๆ
เข้าด้วยกัน เช่น ทองคำ เงิน ทองเหลือง
ทองแดง ตะกั่ว ฯลฯ การผสมโลหะที่เรียกว่า
สัมฤทธิ์ จะมีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง
มีการนำมาสร้างเป็นพระพุทธรูป
อุปกรณ์สิ่งของเครื่องใช้
คติชนวิทยาทางความเชื่อ หรือ ไสยศาสตร์
ให้ความเชื่อถือ โลหะสัมฤทธิ์ ว่ามีอิทธิคุณ
อุปเท่ห์ทางอาคมสูง เนื่องจาก
เกิดจากการนำโลหะมาผสมเข้าด้วยกันที่
เรียกว่า “รสายนเวท” ซึ่งจะมีสูตรเฉพาะ
เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน
แตกต่างไปแต่ละภูมิภาคและตระกูลช่าง
ด้วยสูตรการผสมโลหะ
ที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดชื่อเรียก
เนื้อสัมฤทธิ์หลายชื่อ เช่น
- สัมฤทธิ์เขียว
คือ มีส่วนผสมของเนื้อทองเหลืองมากกว่าชนิดอื่น
- สัมฤทธิ์แดง (น้ำตาลไหม้)
คือ มีส่วนผสมทองแดงมาก
- สัมฤทธิ์ดำ คือ มีส่วนผสมของเงินมาก
- สัมฤทธิ์วาว คือ มีส่วนผสมของทองคำมาก
การนำโลหะต่างๆ
ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวมาผสมเป็นเนื้อหลัก เพื่อสร้างเอกลักษณ์สำหรับชิ้นงานเนื้อสัมฤทธิ์นั้น การผสมโลหะบางชนิดมากน้อยจึงขึ้นอยู่กับความนิยมชมชอบของเจ้าของหรือตระกูลช่างนั้นๆ และยังขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์ของผู้นั้นด้วย เนื่องจากโลหะบางชนิดมีราคาสูง
ไสยศาสตร์ให้ความนับถือว่า สัมฤทธิ์ คือ ธาตุโลหะที่มีวิญญาณธาตุครอง หากว่าสรรสร้างถูกต้องตามจารีตขนบวิธี โดยสูตรสัมฤทธิ์ในทางคติชนส่วนใหญ่จะเน้นโลหะพิเศษคือ ทองแดง เนื่องจาก เชื่อว่าทองแดงคือ โลหะธาตุที่สื่ออำนาจจิต สื่อพลังงานทิพยอำนาจได้ดีที่สุด องค์ภูมิความรู้นี้ มิใช่ปรากฎเพียงเฉพาะในอุษาคเนย์เท่านั้น แม้แต่ ไอยคุปต์ กรีก มายา อินเดียโบราณ ก็มีความเชื่อในแบบเดียวกันว่า ทองแดง คือ โลหะธาตุ สื่ออำนาจแห่งพระเจ้า
การสร้างพระพุทธรูปเพื่อบูชาให้บังเกิดผลทางอิทธิเวทย์ เท่าที่ปรากฎหลักฐานเป็นศาสตร์หนึ่งที่มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยมีสูตรการผสมโลหะแต่ละชนิด ที่เรียกว่า “เข้าชนวน” (กลายมาเป็นคำเรียกใช้ในปัจจุบัน) หมายถึง สูตรการผสมโลหะแต่ละชนิด แล้วเรียกสูตรการลงอักขระเลขยันต์ไปบนชนวนโลหะแต่ละชนิดนั้นๆ ที่เรียกว่า “การสร้างอาถรรพ์ชนวน”
คำว่าชนวน หลายคนในปัจจุบัน
เข้าใจว่า คือ มวลสารที่เป็นโลหะที่ต้องผ่านพิธี
มาแล้วเท่านั้น เช่น แผ่นยันต์ ช่อการหล่อพระ ฯลฯ
แต่สำหรับชื่อเรียกคำว่าชนวน ของโบราณคือ
หมายถึง การเข้าโลหะในแต่ละชนิดเข้าด้วยกัน
จึงนำมาอธิบายให้ทราบที่มาของคำกัน
ในเบื้องต้นเสียก่อน
“เนื้อสัมฤทธิ์” กันก่อน คำว่า “สัมฤทธิ์”
คือการนำโลหะต่างๆ มาผสมกัน อาทิ ทองคำ เงิน นาค
ทองเหลือง ทองแดง ดีบุก ตะกั่ว ฯลฯ
สำหรับพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์
มักนิยมใช้ส่วนผสมของโลหะ ดังนี้
ผสมโลหะ 5 ชนิด คือ
ดีบุก 1 บาท
ปรอท 2 บาท
ทองแดง 3 บาท
เงิน 4 บาท
และทองคำ 5 บาท
ศึกษาเกี่ยวกับโลหะต่างๆ ที่นำมาผสมรวมกัน
ซึ่งจะมีคุณสมบัติเฉพาะในแต่ละตัว เช่น ‘ทองคำ’
เมื่อนำมาผสมกับโลหะธาตุอื่นก็จะเกิดความมันใสขึ้น ‘เจ้าน้ำเงิน’
จะทำให้ผิวกลับดำ มองเห็นความเก่าชัดเจน เป็นต้น
หรือบางครั้งเมื่อผสมกันแล้วโลหะธาตุจะเปลี่ยนไป เช่น
เมื่อนำทองแดงมาผสมกับสังกะสีก็จะกลายเป็น ‘ทองเหลือง’
ทั้งนี้ทั้งนั้น การนำเอาโลหะต่างๆ ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวมาผสมรวมกัน
ก็จะปรากฏเอกลักษณ์เฉพาะขึ้นมาสำหรับเนื้อสัมฤทธิ์นั้นๆ
วิธีการชำระเงิน
ชำระเงินผ่านธนาคาร
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ออมทรัพย์
นาย ศราวุธ อุดมสิน
726-xxxxxx-9
ระบบสมาชิก
ธ.กสิกรไทย
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม