ผ้ายันต์พิชัยสงคราม(ผืนใหญ่) หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน #ดึงดูดสิ่งดีเข้าหา) #รับประกันแท้และทัน - (ของส่วนองค์ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)

ผ้ายันต์พิชัยสงคราม(ผืนใหญ่) หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน #ดึงดูดสิ่งดีเข้าหา) #รับประกันแท้และทัน - (ของส่วนองค์ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
ผ้ายันต์พิชัยสงคราม(ผืนใหญ่) หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน #ดึงดูดสิ่งดีเข้าหา) #รับประกันแท้และทัน - (ของส่วนองค์ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)ผ้ายันต์พิชัยสงคราม(ผืนใหญ่) หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน #ดึงดูดสิ่งดีเข้าหา) #รับประกันแท้และทัน - (ของส่วนองค์ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)ผ้ายันต์พิชัยสงคราม(ผืนใหญ่) หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน #ดึงดูดสิ่งดีเข้าหา) #รับประกันแท้และทัน - (ของส่วนองค์ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)ผ้ายันต์พิชัยสงคราม(ผืนใหญ่) หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน #ดึงดูดสิ่งดีเข้าหา) #รับประกันแท้และทัน - (ของส่วนองค์ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
รหัสสินค้า SKU-02725
หมวดหมู่ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
ราคา 0.00 บาท
สภาพ สินค้าใหม่
ลงสินค้า 15 ก.ค. 2564
อัพเดทล่าสุด 8 พ.ย. 2564
คงเหลือ 0 ชิ้น
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

#ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม

เชื่อว่าจะมีอานุภาพ
มีรัศมีคุ้มครองกว้างขวางไปหลายกิโลเมตร 
หลวงพ่อท่านเมตตาทำขึ้นเพื่อใช้ในสงคราม
สำหรับฐานทัพทางการทหาร 
มีประสบการณ์ลือชื่อเป็นที่กล่าวขวัญในช่วงสงครามคอมมิวนิสต์ 
ไม่ว่าข้าศึกจะระดมยิงเข้ามา

ในฐานทัพเท่าไหร่ก็ตาม 
แต่ลูกกระสุนและระเบิดกลับตกอยู่หน้าฐานทัพ 
ไม่สามารถเข้าทำลายภายในฐานทัพได้

------------

#วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่อาตมา

(พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน)

ประจักษ์ชัดในอานุภาพมากที่สุด

.

................

เชื่อมั่นติดตัวเป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามคับขันตลอดมา

#คือธงมหาพิชัยสงคราม ด้วยธงเล็ก ๆ

#ผืนเดียวนี่แหละ #ที่ช่วยอาตมารอดจากการบอมบ์ด้วยปืนใหญ่
อย่างไม่ลืมหูลืมตา
ของฝ่ายตรงข้ามมาแล้ว

ทั้งยังรอดจากจรวดอาร์พีจี

และกระสุนปืนที่ระดมมาเป็นห่าฝนยิ่งกว่าปาฏิหาริย์...!

 

ธงมหาพิชัยสงครามนั้น

สร้างขึ้นตามตำราพระร่วง เป็นธงนำทัพในสมัยนั้น

กว่าจะเขียนเสร็จกว่าจะปลุกเสกเป็นที่เรียบร้อย

ก็กินเวลาเป็นเดือน ๆ

แต่มีอานุภาพคุ้มกับความเหนื่อยยาก

#ผืนเดียวคุ้มกันได้ทั้งกองทัพ

.

#ตามตำรากล่าวว่า

เพียงถือด้ามธงเข้าไปในป่า

#รับรองว่าไม่อดตาย

#ป้องกันอันตรายและเสนียดจัญไรทุกชนิด

#ซ้ำยังดึงดูดแต่สิ่งที่ดีมีมงคลเข้ามาสู่ผู้ใช้อีกด้วย

#ให้มีแต่ความสุขความเจริญทุกประการ...

หลังจากอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลกตาย

หลวงพ่อก็ไปขอตำราพระร่วง

ที่ท่านยืมไปจากหลวงปู่ปานคืนมา

เปิดดูแล้วชอบยันต์มหาพิชัยสงครามที่สุด

แต่วิธีทำตามที่ระบุในตำรา

มันช่างยากเย็นเหลือประมาณ

นิสัยของหลวงพ่อนั้น

ถ้าอะไรมันยากก็ไม่เอาซะเลยหมดเรื่อง...!

จึงปล่อยทิ้งคาตำราไว้อย่างนั้นเอง...

.

#คืนหนึ่ง...

ปรากฏท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง

เสด็จมาหาหลวงพ่อบอกว่า

หลวงพ่อเป็นเชื้อสายสุดท้ายของพระร่วง

ขอให้ช่วยทำธงมหาพิชัยสงครามขึ้นมา

ของวิเศษชิ้นนี้จะได้ไม่สูญหายไปจากโลก

ถ้าผิดจากหลวงพ่อแล้ว

#คนอื่นเอาไปทำเท่าใดก็ไม่เป็นผล

#เพราะไม่ใช่เชื้อสายกัน

หลวงพ่อท่านปฏิเสธไม่ขอทำ

บอกว่า “มันยาก”...

ท่านท้าวมหาพรหมพยายาม

ขอร้องให้หลวงพ่อทำให้ได้

ต่อรองกันจนในที่สุดท่านขอแค่ว่า

ถ้ากลัวเขียนยากก็ให้ลูกศิษย์ไปจ้างเขาพิมพ์มา

แล้วตั้งเครื่องบวงสรวงไว้

ท่านจะเสด็จมาทำพิธีให้เอง...!

เป็นอันว่าตกลงตามนี้

 

หลังเสร็จพิธีท่านบอกว่า “ลง” ให้หนักที่สุด

#อย่าให้ใครเอาไปทดลองปลุก

จะทานอานุภาพไม่ไหว ถึงตายเอาง่าย ๆ ....!

.

#ระยะแรกหลวงพ่อท่านแจกให้เฉพาะทหาร

และต้องเป็นทหารที่อยู่แนวหน้าเท่านั้น

อานุภาพประจักษ์ชัดเป็นที่เลื่องลือ

ขนาดรถจิ๊ปโดนกับระเบิดแหลกราญหมดทั้งคัน

ยังลุกขึ้นมายิงกับฝ่ายตรงข้ามได้หน้าตาเฉย

ตกอยู่ในวงล้อมชนิดหนึ่งต่อร้อยยังฝ่าออกมาได้

ชนิดที่กลับถึงฐานเพื่อนเผ่นกระเจิง...

นึกว่าผีหลอกเพราะจำหน่ายว่าตายไปแล้ว...!

.

อาตมาขึ้นชายแดนคราวนั้น

สิ่งเดียวที่ติดกระเป๋าไปคือธงมหาพิชัยสงคราม

ที่รับมาจากหลวงพ่อ

ภารกิจหลักอย่างหนึ่งของอาตมาคือ ๒-๓ วัน

ต้องเข้าไปอรัญประเทศ

เพื่อซื้ออาหารสดมาเลี้ยงกำลังพล

ระยะทาง ๕๐ กิโลเมตร

มีโจรเขมรดักปล้นทุกวัน

ออกไปลำบากยากเข็ญขนาดนั้น

แต่เพื่อขวัญและกำลังใจของเพื่อน ๆ

ก็ต้องยอมเสี่ยงเอา...

.

#รถขนเสบียงนั้น

จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง

รับมาจากตอนยานยนต์

#มีธงมหาพิชัยสงครามติดอยู่ด้วย

เก่าแก่จนแทบจะกลายเป็นสีขาว

ไม่ทราบว่าใครเอามาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไร

วันเกิดเหตุนั้น อาตมากับลุงจ่า

และเพื่อนทหารอีกหนึ่งนาย

ออกไปรับเสบียงตามปกติ...

ขาไปสะดวกราบรื่นดี

ขากลับมาถึงทางช่วงสุดท้ายเลยบ้านนางามไปเล็กน้อย

เป็นรอยต่อระหว่าง ร้อยร. ๙๑๐๒

กับ ร้อยร. ๙๑๐๓

ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างกองร้อย

ของอาตมากับกองร้อยข้างเคียง

เสียงจรวดอาร์พีจีก็ลั่น...แ..ว้..ด...ด...!

.

จุดอ่อนของจรวดทำลายรถถังชนิดนี้คือ

ขณะถูกส่งออกจากลำกล้อง

จะมีเสียงดังให้รู้ตัวชั่วเสี้ยววินาที

จ่าสมชัยกระทืบเบรคทันที

เสียงตูมสนั่นฝุ่นตลบ

จรวดมหาประลัยตกห่างจากหน้ารถไม่ถึง ๑๐ เมตร

แรงอัดระเบิดกระแทกทุกคนผงะหงายหลัง...!

ถ้าไปด้วยความเร็วเดิมรับรองเละทั้งคัน...!

ไม่ทราบว่าลุงจ่าแกเหยียบคลัชเปลี่ยนเกียร์อีท่าไหน

รถทั้งคันกระโจนพรวดอย่างกับเหาะ

พร้อม ๆ กับเสียงแ..ว้...ด ตูม

สนั่นขึ้นอีกครั้ง ตรงที่รถเพิ่งกระโจน

ออกมากลายเป็นหลุมมหึมา

แรงอัดอากาศกระแทกจนตับไตไส้พุง

แทบขย้อนออกทางปาก...!

.

ยอดพลขับเหยียบคันเร่งจนมิด

ยี.เอ็ม.ซี.คู่ใจทะยานแข่งกับเสียงจรวดที่ลั่น

ตามมาอีกอย่างจะไม่ให้รอดกันเลย

แถมด้วยกระสุนปืนเล็กกลแตกกราวไล่หลังมา

ผู้ที่รับไปเนื้อ ๆ คือ ป่าไผ่ข้างถนน

ขาดระเนนระนาดด้วยฤทธิ์อาวุธสงครามนานาชนิด...!

.

สิงห์ทะเลทรายประจำกองร้อย

ของเราสวนออกมาเร็วทันใจดีเหลือเกิน

เอ็ม.๖๐ผงาดร่าพ่นมัจจุราชหัวทองแดง

เข้าหาฝ่ายตรงข้ามเป็นห่าฝน เท่านั้นเอง...

ฟาดกันนัวไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

จนกองร้อยทหารพรานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ

ต้องยกกำลังมาเสริมทั้งกองร้อย...!

.

จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง

กลายเป็นวีรบุรุษไปเลย

แต่ลุงจ่าแกบอกอยู่คำเดียวว่า “ไม่ใช่ฝีมือผม...

ผมทำแบบนั้นได้ซะเมื่อไหร่..

เดชะบุญคุณพระคุ้มแท้ ๆ ....!”

แต่ไม่มีใครฟังแกเลย

ต่างคว้าพระที่คอของลุงจ่าไปดูกันเป็นการใหญ่

แต่สรุปไม่ได้ว่าองค์ไหนช่วย...!

.

อีกไม่กี่วันต่อมา

หมู่ปืนเล็กลาดตระเวนของสิบเอกอภิชาติ อินต๊ะรัตน์

ไปถูกล้อมกรอบที่เนิน ๔๒...

สิบเอกบุญยูร ทรัพย์อุปการ

ตัดสินใจขับรถปาฏิหาริย์คันนี้

ลุยเข้าไปกลางวงล้อมช่วยพรรคพวกทั้งหมดออกมา

ชนิดที่รถไม่ระคายเลยแม้เท่ารอยแมวข่วน...!

ทุกคนอัศจรรย์ใจเหลือที่จะกล่าว

รถคันเท่าบ้านเท่าตึก

ฝ่ายตรงข้ามยิงไม่ถูกซักนัด...!

มีเพียงพลทหารวรรณะ

ใสรังกาบาดเจ็บที่ข้อเท้าคนเดียว...!

.

#อานุภาพธงมหาพิชัยสงครามที่เด่นชัดที่สุดที่อาตมาพบ

เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามถล่มกองร้อยของอาตมาด้วยปืนใหญ่ขนาด ๑๕๕ ม.ม.

เสียงระเบิดปานฟ้าผ่าปลุกทุกคนขึ้นมาตอนใกล้รุ่ง 

อาตมากระโดดลงหลุม ปืนกลหนักขนาด ๑๒.๗ ม.ม.

ระดมยิงสวนไปอย่างหูดับตับไหม้ หมู่ ค. ๘๑ เผ่นเข้าประจำที่ 

ส่งกระสุนตอบโต้อย่างกับเด็กหาญสู้ผู้ใหญ่...!

.

ตามปกติแล้วหมู่ปืนใหญ่ที่ชำนาญมาก ๆ ภายในสามวินาทีจะยิงได้ ๑ นัด 

อาตมาให้อย่างช้าหกวินาทีต่อนัดเลยเอ้า ...

ปืนใหญ่ทั้งสามกระบอกรุมบอมบ์อยู่ ๑๕ นาที ๔๕๐ นัด...!
มัจจุราชแตกอากาศ 
ที่รัศมีแห่งความตายของแต่ละนัดเท่ากับ ๕๐๐ เมตร 

ไม่ทราบว่าวิ่งชนกำแพงอะไร 

ตกอยู่แค่แถวหน้าฐานทั้งหมด กระทั่งข้ามฐานยังข้ามไม่ได้เลย...!

.

“#ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน” 

เสียงหลวงพ่อที่บอกขณะอาตมารับมอบธงจากท่านดังก้องขึ้นในใจ 

อาตมาขนลุกซู่ไปทั้งตัว สาธุ...

พระเดชพระคุณคุณหลวงพ่อ 

ถ้าไม่ได้บารมีท่านช่วยคุ้มครอง ลูกคงตายไปหลายวาระแล้ว...!

.

ต่อมาภายหลัง
อาตมาได้รับวัตถุมงคลรุ่นเก่าของหลวงพ่อหลายอย่าง 

ที่คนอื่นเขาหากันทั้งชีวิตก็ไม่ได้ เช่น เหรียญเกลียวเชือก ธงเขียว ธงแดง 

ลูกแก้วจักรพรรดิ มีดหมอ (ดาบฟ้าฟื้น) พระเนื้อชินตะกั่ว 

ยันต์ท้าวมหาชมภู ตลอดถึงพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระสีวลี เป็นต้น 

ไว้ในครอบครองอย่างง่ายดาย 

อาตมามั่นใจว่าเป็นอานุภาพของธงมหาพิชัยสงคราม 

ที่ดึงดูดแต่สิ่งที่ดีเข้าหาเจ้าของ ช่วยบันดาลให้เป็นไปอย่างแน่นอน...!

.

๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓

พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ที่มา.http://www.grathonbook.net/book/past/past2.html

--------------------

ผ้ายันต์พิชัยสงคราม
สามารถกันอันตรายจากทิศร้ายได้หรือไม่ 

ถาม : ความเชื่อทางฮวงจุ้ยที่ว่า 
แต่ละปีจะมีทิศร้าย ถ้าก่อสร้างในทิศร้าย
จะเกิดอันตราย อยากทราบว่า 
ผ้ายันต์พิชัยสงครามสามารถกัน
อันตรายจากทิศร้ายได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : #สามารถกันได้ในระดับหนึ่ง 
แต่อย่าลืมว่าเรื่องร้ายทั้งหลายที่เข้ามาถึงเราได้ 
#ต้องมีกรรมเก่าที่เราเคยทำมาก่อนเป็นตัวต้นเหตุ 
ถ้าหากเราสร้างกรรมชั่วเอาไว้มาก 
#ถึงวาระก็ไม่มีอะไรกันแรงกรรมได้ 

ฉะนั้น...
จึงกันได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น 

#เพื่อความสบายใจก็ให้หมอดูเสียก่อนว่า 
ปีนี้ทิศไหนเป็นทิศที่ดีแล้วก็สร้างไป 
ไม่อย่างนั้นสร้างไปก็เครียดไป 
#อาตมาเจอโยมอยู่คนหนึ่ง สร้างแล้วเปลี่ยนไป 
ปรับไป จนต้องทุบทิ้งทั้งหลัง 
#เพราะว่าหมอแต่ละคนมาบอกไม่เหมือนกัน

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน) 
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๑ 

-------------------

ปีก่อนโน้นพายุแรงมาก

อาตมาตั้งใจอาราธนาธงพิชัยสงคราม
#ซึ่งไปอยู่ที่ไหนก็จะเอาไปติดด้วย
#ขอให้ลมขึ้นสูงไปจะได้ไม่ทำอันตรายกับพื้นที่
ปรากฏว่าโยมในตลาดโทรมาบอกว่า 
“หลวงพ่อ..
#ศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย" โอ้โฮ...
แรงขนาดนั้นเลยหรือ ?

บอกไปว่า "ขออภัย...อาตมาเองก็ป้องกันแต่วัด
ลืมโยมไปเลย"
บ้านโยมศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย
ปีที่แล้วพายุฤดูร้อนที่บ้านเติมบุญนี่

#พอเห็นลมแรงอาตมาก็อธิษฐานขอธงมหาพิชัยสง
ครามเหมือนเดิม #ก็คือให้พายุพัดขึ้นสูงไป

#เรื่องของธรรมชาติอย่าไปห้าม

เพราะว่าธรรมชาติอย่างไรก็ต้องเจอ
#มีทางเดียวก็คือให้ไปซ้ายไปขวา
#ไปบนไปล่างได้
#ปรากฏว่าบ้านเติมบุญไม่เป็นอะไร
แต่สถานีรถไฟฟ้าฝ้าเพดานบินไปหลายแผ่น"

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)...

------------

มีคนถาม 

อานุภาพของธงมหาพิชัยสงคราม

..... " ธงมหาพิชัยสงครามใช้ได้ทุกอย่าง 
ทั้งป้องกันด้วยทั้งมีลาภสักการะด้วย 
สถานที่มีเสนียดจัญไรทั้งหลายก็ตามถ้ามีอยู่ 
อย่างบ้านถูกฟ้าผ่าก็ตาม ปลูกบ้านคร่อมป่าช้าก็ตาม 
ถ้าเอายันต์ไปแล้ว เสนียดจัญไรจะคลายตัวไม่มีอันตราย
จากเสนียดจัญไรทั้งหลายเหล่านั้น "


..... " ผ้ายันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า 
หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่นเคยทำปาณาติบาต 
แรงอุปฆาตกรรมจะมาตัดรอนชีวิตเราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร 
หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง 
เพียงแค่ให้เราบาดเจ็บไม่ถึงตาย หากเคราะห์เราไม่ถึงฆาต 
เพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยให้ไม่บาดเจ็บเลย 
แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิด ก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว 
ลูกปืนที่มากระทบเรา จะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น

        ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด 
สำคัญกว่าเหรียญเอกราชที่ได้รับแจกไป "


.....โดย
หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

--------------

►ธงมหาพิชัยสงคราม◄

 

ก่อนใช้ธงมหาพิชัยสงคราม

ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า

ครูบาอาจารย์อื่นๆสืบกันมา

มีหลวงพ่อปานเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วย

คาถา พุท ธะ สัง มิ

ผ้ามงคลที่นำมาแจกนี้ได้จาก

ตำราหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ตามตำราท่านให้ชื่อว่า ธงมหาพิชัยสงคราม

เป็นตำรา ที่หลวงพ่อปานท่านเรียน

และได้รับตำรานี้จากท่านอาจารย์แจง

เมืองสวรรคโลก (อำเภอสวรรคโลก ปัจจุบัน)

ตามตำราแจ้งว่าเป็นตำรา

ที่พระร่วงใช้ในสมัยกู้ชาติ

ท่านอธิบายผลไว้มากมาย

ขอแจ้งแต่เพียงสรรพคุณโดยย่อว่า

ท่านใช้เป็นธงนำทัพ

วิธีใช้ผ้ายันต์ฯ ก่อนใช้ให้อาราธนาบารมี

พระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อื่นๆ สืบๆกันมา

มีหลวงพ่อปานเป็นที่สุด

แล้วปลุกด้วยคาถา " พุท ธะ สัง มิ. "

ผ้ามงคล(ธงมหาพิชัยสงครามนี้)

จะมีผลประการใดบ้าง

ก็ขอให้ท่านผู้ใช้ได้ทราบเอง

เมื่อถึงวาระที่จำเป็น ทุกวัน

ท่านให้อาราธนาเป็นปรกติ

ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ

และเวลาเย็นก่อนอาราธนา

ขอให้ระลึกถึงบารมีพระ พุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา

มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคเป็นที่สุด

แล้วอาราธนาว่าดังนี้

 

" อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง

ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ

จงมาเป็นที่พึงแก่มะอะอุนี้เถิด."

 

คาถาอาราธนานี้

หลวงพ่อปานบอกว่า

เป็นคาถาอาราธนาของ พระร่วง

( ข้อมูล : จากหนังสือสมบัติพ่อให้ หน้า 146-147 )

-------------

ยันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปานนี้ ท่านกล่าวว่าท่านได้มาจาก 

ยอดธงมหาพิชัยสงคราม เป็นธงออกศึก 

ท่านตัดเศียรเอามาโดยเฉพาะ แบ่งจากยอดธง 

คือ ธงนั้นมียันต์มาก ทีนี้เอายันต์หนึ่งในยอดธงมหาพิชัยสงคราม 

ท่านให้ชื่อว่า ยันต์เกราะเพชร

 

จาก ตำราพระบูรพาจารย์

(คัดลอกอีกที จากหนังสือ สมบัติพ่อให้ พิมพ์ครั้งที่ ๒ หน้า ๑๓๘ - ๑๔๐)

 

----------------

 

ยันต์เกราะเพชรนั้นมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม 

ซึ่งธงมหาพิชัยสงครามนั้นประกอบขึ้นมาจากส่วนที่เป็นมหามงคลหลายต่อหลายส่วนด้วยกัน 

ดังที่อาตมาถอดส่วนหนึ่งออกมาเป็นยันต์พุทธบารมี เป็นต้น 

ส่วนของยันต์เกราะเพชรนั้นอยู่ที่คอธงมหาพิชัยสงคราม เป็นอักขระขอม 

ซึ่งก็คือคาถาอิติปิ โสฯ นั่นเอง 

เมื่อถึงเวลาเขียนเป็น ๗ แถว ๆ ละ ๘ ตัว รวมได้ ๕๖ ตัวแล้วชักสูตร 

จะสำเร็จรูปเป็นยันต์เกราะเพชร

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครู

ประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

 

----------------

 

ยันต์เกราะเพชรนี้ หลวงปู่ปานศึกษาจากตำราพระร่วง 

โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม 

เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็นตัวขอม

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓

อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๑๙ : ยันต์เกราะเพชร

 

----------------

 

ผ้ายันต์พิชัยสงคราม อันนี้มีประสบการณ์ด้วยตนเอง อยู่ชายแดนปีกว่า 

ปะทะกันใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๖ ครั้ง ไม่เคยเป็นอะไรเลย 

ที่ชอบที่สุดก็คือเป็นผ้ายันต์ที่ยิงเมื่อไรก็ออกเมื่อนั้น 

แต่ยิงออกแล้วไม่ถูก อาตมาชอบมาก เพราะเสียงดัง...สนุกดี

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

งานหล่อหลวงพ่อนาก วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑

 

----------------

 

ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า 

ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า 

ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นมีที่มาจากตำราพระร่วงสมัยสุโขทัย 

สมัยนั้นมีการสร้างธงมหาพิชัยสงครามเพื่อใช้ในการนำทัพ 

ธงผืนเดียวคุ้มครองทหารได้ทั้งกองทัพ ไม่ว่าจะกี่หมื่นกี่แสนนายก็ป้องกันได้หมด

 

แต่คราวนี้ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงที่เขียนยาก ทำยาก 

ครูบาอาจารย์ท่านเลยตัดเอาส่วนคอธงที่เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิ โสฯ 

ถึง ภควาติ เอามาจัดเรียงเสียใหม่ เป็น ๘ แถว แถวละ ๗ ตัว 

บางคนเรียกว่า อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ แล้วอ่านตามขวางว่า

 

อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา

ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น

 

มีอุปเท่ห์ต่างกันไปตามแต่ละบท 

อย่างเช่นบทแรกเรียกว่า ฝนแสนห่า 

เป็นบทใช้สำหรับเรื่องของความแคล้วคลาด 

สามารถเดินกลางฝนได้โดยที่ตัวไม่เปียก

 

บทที่ ๒ เรียกว่ากระทู้ ๗ แบก 

มีเอาไว้สำหรับเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน 

ท่านว่าแบกไม้มา ๗ แบก 

ไล่ทุบจนไม้หักหมดก็ยังไม่สามารถที่จะทำอันตรายได้ เป็นต้น

 

แล้วทำการชักสูตรสำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปี

และเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑

 

-----------------

 

ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า 

ที่เมตตาสงเคราะห์แก่ผู้ที่มีความเลื่อมใส การเป่ายันต์เกราะเพชรหรือสร้างยันต์เกราะเพชร 

เป็นไปตามตำราพระร่วงที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย โดยการนำเอาบทพุทธคุณ 

คือ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ฯลฯ จนถึง ฯลฯ ภะคะวาติ 

จำนวน ๕๖ คำ มาเขียนลงเป็นแถว แถวละ ๘ คำ 

รวม ๗ แถวด้วยกัน แล้วชักสูตรสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชร

 

ถ้าท่านใดที่รู้จักธงมหาพิชัยสงครามก็จะได้รู้ว่า 

ยันต์เกราะเพชรจริง ๆ แล้วก็คือยันต์ลูกของธงมหาพิชัยสงครามนั่นเอง 

ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงนำทัพในสมัยพระร่วง ผืนเดียวสามารถคุ้มได้ทั้งกองทัพ 

ระยะหลัง ๆ ครูบาอาจารย์หลายท่าน สร้างเครื่องรางที่ป้องกันบุคคลที่ร่วมรบได้ 

อาจจะป้องกันได้ครั้งละ ๑๐ คน ๑๐๐ คน ๑,๐๐๐ คนแล้วแต่ความสามารถของตน 

เขาเรียกกันว่า ตะกรุดแม่ทัพ นั่นก็เป็นส่วนของยันต์เกราะเพชรเช่นกัน 

ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงครามนั่นเอง

 

แต่ว่าตะกรุดแม่ทัพนี้ ถ้าเป็นหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส 

ท่านเรียกว่า ตะกรุดมหาโจร ก็คือถึงเวลาออกรบ 

ต้องแต่งกองโจรออกไปเพื่อตีปล้นค่ายของข้าศึก 

บุคคลที่เป็นหัวหน้าจะต้องคุ้มกันลูกน้องตัวเองได้ทั้งชุด 

ก็ต้องพกเอาตะกรุดนี้ติดตัวไป 

ซึ่งถ้าเป็นสายของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หรือวัดบ้านแค 

หรือหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ 

ท่านจะเรียกว่า ตะกรุดแม่ทัพ 

แต่หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ท่านเรียกว่า ตะกรุดมหาโจร 

ก็คือหัวหน้ากองโจรที่ออกไปปล้นค่ายข้าศึก

 

ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วตำราของตะกรุดแม่ทัพ 

ก็ไปจากยันต์เกราะเพชรซึ่งมาจากธงมหาพิชัยสงครามนั่นเอง 

เป็นส่วนบทพุทธคุณที่จารึกอยู่บริเวณคอธง 

เมื่อนำมาชักสูตรสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชรแล้ว 

ก็มีอุปเท่ห์วิธีการใช้ที่แตกต่างกันไป

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

งานบวงสรวงไหว้ครู 

พุทธาภิเษก-เป่ายันต์เกราะเพชร 

วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙

 

-----------------

 

พระอาจารย์เล่าว่า "ประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลทั้งหมดที่เคยพบมา 

ในส่วนที่อาตมามั่นใจมากที่สุด คือ ธงมหาพิชัยสงครามของหลวงพ่อวัดท่าซุง 

เพราะสมัยนั้นอยู่ชายแดนที่ตาพระยา 

หลวงพ่อเมตตาไปมอบธงมหาพิชัยสงครามให้ทหารที่อยู่แนวหน้า

 

จริง ๆ แล้ว ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงนำทัพตั้งแต่สมัยพระร่วง 

อานุภาพนั้นผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน 

สำหรับอาตมาเป็นของมงคลอย่างเดียวที่ติดตัวอยู่ในช่วงนั้น

 

ปกติแล้วกำลังพลจะผลัดเปลี่ยนกันฐานละสี่เดือน 

เป็น ๑ ฐานแนวหน้า ๒ ฐานสนับสนุน แต่ละฐานจะหมุนเวียนกัน 

แต่อาตมาไปติดอยู่ที่ฐานหน้า ตาพระยา ๕-๖ เดือน 

เพราะมีการปะทะกันอยู่ทุกวัน ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนกำลังได้ 

ในช่วงที่การรบติดพันอยู่ ถ้าเราเคลื่อนย้ายกำลังหรือถอนกำลังเพื่อให้พวกเราเข้ามาแทน 

ถ้าฝ่ายตรงข้ามเบียดเข้ามาจะอันตรายมาก

 

ช่วงนั้นที่โนนหมากมุ่นนั้น เขาตีฝ่าแนวเข้ามาได้ ปะทะกันหนัก 

เสียชีวิตไปสามร้อยกว่าศพ ห้าเดือนกว่าที่อยู่แนวหน้า 

มีการปะทะใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๖ ครั้ง สูญเสียเพื่อนร่วมสนามไป 

มีร้อยเอกหนึ่งนาย ร้อยตรีหนึ่งนาย นายสิบแปดนาย 

ที่เหลือเป็นพลทหารอีก ๒๐ กว่านาย

 

ถามว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มีข่าว ? 

สมัยนั้นถ้าหากว่าการรบเราไม่เสียพื้นที่ เขาถือว่าขอกันกิน..! 

จะไปรู้อีกทีก็ตอนงานพระราชทานเพลิงศพที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ 

ส่วนใหญ่ปีละประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ กว่าศพ แต่ของทหารเราจะรู้ว่าเสียไปกี่ศพ 

เพราะทุกครั้งที่เพื่อนตาย เขาจะหักเบี้ยเลี้ยงเพื่อเอาไปช่วยงานศพเพื่อน

 

การปะทะ ๒๖ ครั้งนั้น ทุกครั้งเกิดเหตุอัศจรรย์ 

แคล้วคลาดจากอันตรายได้อย่างเหลือเชื่อ บางครั้งตกอยู่ในกลางวงล้อมของเขา 

กระสุนมาเป็นห่าฝนเลย แต่ด้วยความมั่นใจในวัตถุมงคลหลวงพ่อ 

โดยเฉพาะท่านบอกว่า ใช้วัตถุมงคลของท่านจะกลัวไม่ได้ 

ถ้าด้านไหนกระสุนมาหนักที่สุด ให้ฝ่าออกด้านนั้น"

 

"เป็นอะไรที่ชอบมาก เพราะถูกกิเลส อาตมาพอได้ยินเสียงปืนแล้วอยากวิ่งใส่ทันที..!

 

ครั้งที่หนักที่สุด โดนทหารญวนเฮงสัมริน บอมบ์ด้วยปืนใหญ่ ๓ กระบอก 

เป็นระยะเวลาประมาณ ๑๕ นาที หมู่ปืนใหญ่ที่มีความคล่องตัวมาก ๆ 

ประมาณ ๓ วินาทีจะยิงได้นัดหนึ่ง แล้วนาทีหนึ่งจะยิงได้กี่นัด 

และนี่สามกระบอกรวมกัน เฉลี่ยแล้ววันนั้นโดนไปประมาณ ๔๐๐ นัดเห็นจะได้

 

ถามว่าปืนใหญ่อันตรายแค่ไหน ? รัศมีฉกรรจ์ ๕๐๐ เมตร 

รัศมีฉกรรจ์คือโดนแล้วตายทันที ผตน. (ผู้ตรวจการหน้า) ที่เก่ง ๆ นี่ 

เขาสั่งการปืนใหญ่ไม่เกินสามนัดจะลงกลางเป้าแน่นอน 

เขาบอกให้ลดระยะหรือให้เพิ่มระยะ ไปซ้ายเท่าไร ขวาเท่าไร แล้วจะลงกลางเป้าพอดี

 

ตอนนั้นกระสุนปืนใหญ่บอมบ์มาขนาดนั้น อย่าว่าแต่ลงฐานเลย

 แค่ข้ามฐานก็ยังไม่ข้าม เหมือนกับชนกำแพงตกลงข้างหน้าฐานหมด 

แต่แผ่นดินไหวเป็นไกวเปลเลย และเบิร์ม (บังเกอร์ทหาร) ทรุดลง 

ความรู้สึกของอาตมาตอนนั้นไม่ได้กลัวเลย ทั้ง ๆ ที่ เพื่อน ๆ คว้าข้าวคว้าของเผ่นกันอุตลุด 

ที่อาตมาไม่กลัวเพราะว่าเชื่อมั่นในวัตถุมงคลของหลวงพ่อว่า ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน 

ของอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเราแล้วทำไมจะคุ้มเราไม่ได้"

 

"นั่นเป็นครั้งที่หนักที่สุด รองลงมาอีกสองสามครั้ง 

ช่วงที่อยู่ชายแดนนั้น อาตมารู้สึกสงสารกำลังพลเพราะว่าเสบียงทหารแย่จริง ๆ 

อาหารหลักคือปลาทูเค็ม และปลาทูเค็มที่เขาส่งมาจะบางเป็นกระดาษเลย

 เขาเอาใส่เข่งแล้ววางทับ ๆ กันไป ตัวข้างล่างแบนเป็นกระดาษ 

ถึงเวลาจะกินทีต้องบีบมะนาวใส่แล้วเอาช้อนขูด ๆ ให้เนื้อฟูขึ้นมา แล้วค่อยกินได้

 

เห็นทหารกินแล้วสงสาร จึงคุยกันว่า เราไปหาอาหารสดมากันดีไหม ? 

เขาถามว่าจะทำอย่างไร ? อาตมาบอกว่า วิ่งเข้าไปเอาที่อรัญประเทศ 

ระยะทาง ๕๐ กว่ากิโลเมตร ถ้าพวกเราตกลงกันได้ ข้าจะไปเอง..!

 

ตอนช่วงนั้นรถเสบียงจะโดนปล้นทุกวัน ถ้าไม่บ้าพอก็ไม่มีใครกล้าไป 

ตกลงกันว่า หักเบี้ยเลี้ยงคนละ ๑๑ บาทต่อวัน 

เพื่อไปซื้ออาหารสดมาประกอบเลี้ยงกำลังพล วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ทุกสามวัน วันร้ายคืนร้าย 

ระหว่างที่วิ่งกลับ บรรทุกเสบียงมาเต็มคัน ตรงระหว่างรอยต่อของร้อยสามกับร้อยสอง 

จะเป็นช่วงว่างพอดี ทหารเขมรมาแอบซุ่มอยู่ พวกเราก็ไม่รู้ 

เพราะสุดเขตตรวจการของทั้งสองฝ่ายพอดี เขาแอบเจาะเข้ามา

 

พอพวกเราผ่าน เขาก็เล่นด้วยอาร์พีจี อาร์พีจีตอนนั้นมีสองประเภท 

คือ อาร์พีจี ๒ จะเก่าหน่อย และอาร์พีจี ๗ จะใหม่หน่อย 

อาร์พีจีเป็นเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังโดยเฉพาะ

 

อาร์พีจีมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง เวลายิงเสียงจะดังก่อน 

เสียงดังแว้ดมาก่อนค่อยส่งลูกออกไป ตอนนั้นพลขับคือ 

จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง ไม่รู้ว่าจ่าแกกระทืบเบรกท่าไหน รถหยุดกึ้กเลย 

อาร์พีจีตกตูมลงข้างหน้ารถ ห่างไม่ถึงสิบเมตร แรงปะทะขนาดนั้นเล่นเอาพวกเราหงายหลังติดเบาะ 

บอกไม่ถูกว่าหนักแค่ไหน รู้แต่ว่าตับไตไส้พุงแทบจะพุ่งออกทางปาก..!"

 

"ไม่รู้ว่าจ่าสมชัยเปลี่ยนเกียร์ท่าไหน รถกระโดดออกจากที่เหมือนกับโดนจับโยนไป 

อาร์พีจีตูมที่สองก็ลงตรงที่รถจอดพอดี ถ้าช้าไปหน่อยเดียวนี่เละแน่ 

ทีนี้จ่าสมชัยเหยียบคันเร่งไม่ฟังเสียง ปืนเล็กกลก็ยิงไล่มา อาร์พีจีก็ตามมา 

พอดีทางเรามีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เป็นรถ รยบ. ๑/๔ ตัน ถ้าเป็นสมัยนี้เรียก จี๊ปเล็ก 

จะติดปืนกลเอ็ม. ๖๐ บนหลังคา ที่พวกเราเรียกกันง่าย ๆ ว่า สิงห์ทะเลทราย

 

พอมาถึงก็ยิงกราดกันไม่ต้องเลี้ยงเลย 

กระสุนหนึ่งสายร้อยนัดหมดภายในเวลาไม่ถึงนาที 

พลบรรจุแบกมาคนละสามสาย สามคนก็เก้าสาย หมดภายในเวลาไม่กี่นาที 

ยิงกันกระจายอยู่ตรงนั้น พอหนีกลับไปถึงกองร้อย ก็ลงมาถามว่า "จ่าสมชัย มีอะไรดี ?" 

จ่าสมชัยงัดจากคอมาให้ดูพวงเบ้อเริ่ม "ไม่รู้องค์ไหนช่วยว่ะ..!"

 

แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน นี่ภาษาทหารเขาเรียกอย่างนั้น 

คือ รถยนต์บรรทุกขนาดสองตันครึ่ง แต่ว่าภาษาชาวบ้านเรียก ยีเอ็มซี 

ยีเอ็มซีคันนั้นมีธงมหาพิชัยสงครามติดอยู่ตั้งแต่สมัยไหนไม่รู้ ผืนเก่าจนไม่เป็นสีแดงแล้ว 

ออกไปทางสีขาวมากกว่า ถามว่าจ่าไปเอาที่ไหนมาติด ? 

เขาก็บอกว่า "ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ตั้งแต่เบิกมาจากตอนยานยนต์ก็มีติดคารถมาแล้ว"

 

ลองคิดดูว่า อาร์พีจียิงไม่ถูกไม่ว่า ปืนเล็กกลกราดมาขนาดนั้นน่าจะถูกบ้าง 

ก็ไม่ถูกสักนัดหนึ่ง ตอนหลังสิบเอกบุญยูร ทรัพย์อุปการ เป็นรุ่นน้อง 

จบจากศูนย์ราบมา เขาเอารถคันนี้วิ่งไปช่วยหมู่ปืนเล็กของสิบเอกอภิชาติ 

ที่ไปโดนเขาล้อมยิงทางด้านเนิน ๔๒ เนิน ๔๒ เป็นภาษาทหาร 

คือความสูงของเนินนั้น สูง ๔๒ เมตร

 

เมื่อโดนเขาล้อมยิงอยู่ ทหารของฝ่ายตรงข้ามมีเยอะ 

หมู่บุญยูรยืมรถของจ่าสมชัยคันนี้ขับฝ่าเข้าไปกลางดงกระสุนปืนเลย 

ต้องบอกว่าใจถึงใช้ได้ เพื่อน ๆ เห็นรถมาก็พุ่งหลาวขึ้นยีเอ็มซีกัน 

ฝ่าออกมาได้โดยที่กระสุนแม้แต่นัดเดียวก็ไม่ถูกรถ 

แต่มีพลทหารคนหนึ่งชื่อ วรรณะ ใสรังกา เป็นคนโคราช ได้รับบาดเจ็บ 

พลฯ วรรณะบาดเจ็บเพราะตอนพุ่งหลาวขึ้นรถเท้าโด่ขึ้นมา

 โดนข้อเท้าไปนัดหนึ่ง จึงโชคดี..ได้ผ่านศึกชั้นหนึ่งไป..!"

 

"สมัยก่อนพวกเราอยู่ชายแดน ใครบาดเจ็บถือว่าโชคดีนะ

บาดเจ็บน้อยได้ชั้นสอง พ่อแม่ได้รักษาฟรี บาดเจ็บมากได้ชั้นหนึ่ง 

รักษาพ่อแม่ลูกเมียได้หมดบ้านเลย เป็นสวัสดิการที่ตอบแทนให้ทหารที่ออกรบ 

แต่ถ้าเขาบอกว่าสามหมื่นก็แปลว่าตายแล้ว พอตายแล้วสายใจไทยจ่ายให้ก่อนสามหมื่นบาท 

หลังจากนั้นก็ไปตามจากองค์การทหารผ่านศึก

 

ดังนั้น..อาตมาเองมั่นใจในธงมหาพิชัยสงครามของหลวงพ่อเป็นพิเศษ 

โดยเฉพาะที่ชอบที่สุด คือ ยิงออก นิสัยแบบนี้ค่อนข้างจะบวม ๆ ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา 

คือ ปืนที่ยิงออกเสียงดัง ได้ยินแล้วมันในอารมณ์ ถ้ายิงไม่ออกเลยนี่ไม่สนุก 

ชอบใจของหลวงพ่อที่ยิงออกแต่ไม่ถูก โดยเฉพาะที่ท่านบอกว่า 

ถ้าเสียงปืนด้านไหนแน่นที่สุด ให้ฝ่าออกทางด้านนั้น

 

ตอนที่อยู่ชายแดนนั้น รู้แน่ ๆ คือ อาตมาพกอยู่หนึ่งผืน 

แล้วก็รถยีเอ็มซีของจ่าสมชัยติดรถอยู่หนึ่งผืน ที่ปลอดภัยมาหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน 

ส่วนหนึ่งก็คือธงพิชัยสงครามที่ติดอยู่กับรถ เพราะนั่งหน้ารถเป็นเป้าแน่นอนอยู่แล้ว 

ถ้าเขายิงเขาจะยิงพลขับหรือไม่ก็คนคุ้มกันก่อน ทีนี้ทหารคนคุ้มกันไม่มีใครกล้าไป 

เนื่องจากว่าออกไปมีสิทธิ์ตายได้ทุกวัน อาตมาก็ต้องไปเอง

 

อยู่แนวหน้าห้าเดือนกว่า ปะทะใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๖ ครั้ง ยังปลอดภัยจนทุกวันนี้ 

จึงยืนยันได้ว่า ถ้าวัตถุมงคลสายหลวงพ่อฤๅษีด้วยกันแล้ว 

ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในการสู้รบคือธงมหาพิชัยสงคราม"

 

"ในฐานะที่เคยเป็นทหารมาก่อน เคยออกรบอยู่แนวหน้ามาก่อน 

จึงเข้าใจความรู้สึกของทหารทุกคน อยู่แนวหน้ามาปีกว่า มีคนไปเยี่ยมแค่สี่ครั้ง 

ทั้งสี่ครั้งไม่เคยได้เห็นหน้าคนเยี่ยมเลย 

เพราะจะมีคำสั่งให้ออกไปบล็อกพื้นที่เพื่อป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเรา 

กลับมาแล้วจึงจะได้เห็นว่า มีของที่แนวหลังอุตส่าห์จัดส่งไปให้พวกเรา ก็เอามาแจกจ่ายกัน

 

ส่วนใหญ่จุดยุทธศาสตร์สำคัญจะเป็นยอดเขา ถ้าฝ่ายตรงข้ามยึดได้เราจะเสียเปรียบ 

มีอยู่ช่วงหนึ่งเข้าเวรอยู่บนยอดเขา มีรุ่นน้องคือ สิบตรีสุรสิทธิ์ ด่านบางภูมิ 

ตอนนี้ท่านเป็นจ่าสิบเอกอาวุโส อยู่ที่จังหวัดตาก ตอนนั้นก็อยู่เวรกันอยู่สองคน 

ก็คือจะมีนายด่านกับลูกน้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน

 

หมู่สุรสิทธิ์ชี้มือไปไกลลิบเลย ชี้ไปที่ตัวเมืองตาพระยา มีแสงมีสี 

โดยเฉพาะไฟทางหลวง เขาบอกว่า "พี่..พวกนั้นเขาจะรู้ไหมว่า

ในขณะที่เราลำบากกันแทบตาย แล้วพวกเขาสบายกันอย่างนั้น" 

ก็ได้บอกไปว่า "เขาจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม นี่เป็นหน้าที่ซึ่งเราต้องทำอยู่แล้ว"

 

แต่ตอนที่ตอบเขาไปนั้น รู้สึกว่าคอหอยตัน 

เพราะว่าขณะที่พวกเรามาลำบากกันแทบล้มประดาตาย 

กอดปืนยืนหนาวทั้งง่วง ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย พวกเขากลับอยู่กับแสงสี 

อยู่กับความสนุก ถ้าไม่ใช่กำลังใจที่คิดว่า เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

เราเป็นรั้วของชาติ มีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ 

เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองของเราสงบสุข สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะได้ตั้งมั่นอยู่ได้

 

ถ้าไม่มีกำลังใจตรงจุดนี้ คิดว่าคงจะคิดเตลิดเปิดเปิงเหมือนกัน 

แต่คราวนี้ตระหนักว่า นั่นเป็นหน้าที่ของเรา เราต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด 

ถึงจะมีคนเห็นหรือไม่มีคนเห็นก็ตาม อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า 

ให้ปิดทองหลังพระ ถ้าหากปิดไปนาน ๆ ทองล้นมาข้างหน้า คนเขาก็จะเห็นเอง"

 

"จากความรู้สึกที่ตัวเองเจอมา จึงสามารถเข้าใจได้ว่า 

ทหารตำรวจที่อยู่แนวหน้าทุกคนมีความรู้สึกอย่างไร 

โดยเฉพาะตอนที่มีคนไปเยี่ยมจะดีใจเป็นอย่างมาก 

สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องสนับสนุนกำลังใจในสมัยนั้นก็คือ จดหมายจากแนวหลัง

 

ถ้ามีจดหมายไป ก็ชะเง้อคอมองหาว่าจะมีของเราหรือเปล่า ? 

บางคนรู้ว่าไม่มีญาติเลย แต่ก็มีจดหมายมา พอถึงเวลาแอบไปดู 

ปรากฏว่าเขาเขียนจดหมายถึงตัวเอง จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร 

จะว่าน่าขำก็น่าขำ แต่เวลาที่คนอื่นได้จดหมายแล้วดีใจเพราะได้ข่าวจากทางบ้าน 

ส่วนตัวเองไม่มี เป็นอะไรที่รู้สึกว่าเศร้ามาก ด้วยความที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ 

ก็เลยทำให้ทุกคนสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้ จนกระทั่งเปลี่ยนเวร 

ผลัดให้กองพลอื่นขึ้นไปรับผิดชอบหน้าที่แทนพวกเราบ้าง

 

เมื่อเป็นดังนั้น จึงอยากจะบอกกับทหารตำรวจที่อยู่แนวหน้าทุกคนว่า 

ในฐานะที่อาตมภาพบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว เปลี่ยนจากทหารของทางโลกมาเป็นธรรมเสนา 

คือทหารในทางธรรม แต่ก็ยังระลึกถึงความดีของทหารหาญทุกคน 

ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ เพื่อความสงบสุขของประชาชน เพื่อในหลวงที่พวกเรารัก 

 

ดังนั้น..

จึงขอโอกาสนี้อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ แ

ละหลวงปู่หลวงพ่อที่ทุกท่านยึดมั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

 

ขอได้โปรดดลบันดาลอภิบาลรักษา ให้ทุกท่านมีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน 

ในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งใดที่ไม่เกินวิสัยแล้ว 

ก็ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนานั้นจงสำเร็จทุกประการ 

โดยเฉพาะให้ทุกท่านปลอดภัย ได้กลับบ้าน 

ไปอยู่กับครอบครัวของตนโดยถ้วนหน้ากันทุกท่าน ทุกคนเทอญ

 

ขอยืนยันว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ออกจากกำลังใจจริงของตน 

ทุกวันนี้ที่สวดมนต์ทำวัตรปฏิบัติกรรมฐานอยู่ ก็อธิษฐานขอให้ทุกท่าน

ที่ช่วยดูแลปกปักรักษาประเทศชาติของเรา 

มีความสุขความเจริญมีความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา 

ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่านมีความปลอดภัย มีความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกคน"

 

พระอาจารย์กล่าวแก่คณะ

ที่มีโครงการจะสร้างวัตถุมงคลและซีดีไปแจกจ่ายทหารที่ภาคใต้ว่า 

"งานพุทธาภิเษกคราวนี้ เราต้องคิดว่าไม่ใช่ธงมหาพิชัยสงคราม 

เพราะถ้าคิดว่าเป็นธงมหาพิชัยสงครามแล้วทำพิธีพุทธาภิเษก 

อานุภาพจะได้แค่หน่อยเดียว เนื่องจากว่าเป็นวิชาสืบสายพระร่วง 

แล้วมาหมดที่หลวงพ่อวัดท่าซุง พวกเราไม่ใช่ทายาทโดยสายโลหิต 

ก็เลยไม่สามารถที่จะรับช่วงได้

 

เพราะฉะนั้น..ต้องตั้งใจทำเป็นวัตถุมงคลแทน 

อย่าไปตั้งใจทำเป็นธงมหาพิชัยสงคราม 

แต่ความจริงก็ได้บอกคณะผู้จัดทำไปแล้ว 

แต่เขาคงถูกใจ อยากจะได้อย่างนี้กระมัง ?

 

ความจริงวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับมหาอุตม์ทำง่ายนะ 

สมาธิทรงตัวแค่อุปจารฌานปลาย ๆ 

ยังไม่ถึงปฐมฌานก็ใช้ได้แล้ว พูดง่าย ๆ ว่า 

เวลาปลุกเสกแค่ขนลุกก็ใช้ได้แล้ว แต่วัตถุมงคลที่ทำยากที่สุด 

คือพวกเมตตา พวกให้ลาภ

 

เพราะทางด้านเมตตาต้องออกจากใจผู้ที่ทำพิธีจริง ๆ 

ส่วนเรื่องให้ลาภ คนทำต้องมีทานบารมีเก่ามาเหลือเฟือจริง ๆ 

เท่ากับแบ่งของตัวเองให้เขาไป แต่สายหลวงพ่อท่านสั่งไว้ในเรื่องมหาอุตม์ 

ท่านบอกว่า ส่วนใหญ่ลูกศิษย์สายท่านมีแต่ล้น ไม่มีพอดี 

ถ้ามีของดีเกินไปชนิดไม่มีจุดอ่อนเลย เดี๋ยวกลายเป็นโจรกันหมด 

ถึงไม่เป็นโจร ก็จะถูกเขายัดเยียดให้เป็น ลองนึกดูว่า 

คนที่ไม่ยอมลงให้ใครจะมีอนาคตเป็นอย่างไร"

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี 

ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔

 

------

 

พระอาจารย์บอกว่า 

"อาตมาเตรียมผ้ายันต์พิชัยสงครามให้สารวัตร (สามีคุณนงลักษณ์ ปานบุญทอง) 

ไปรับลูกระเบิด เขาอยู่จังหวัดนราธิวาส

 

จะพับธงเป็นผืนเล็ก ๆ เลี่ยมติดตัวก็ได้ 

หรือมั่นใจว่าพกอย่างนี้แล้วไม่ทำหล่นหายก็ได้ 

ถ้าสวดอิติปิโสได้ทุกวันก็จะดี แต่ให้อาราธนาว่า พุทธะสังมิ สี่คำเท่านั้น 

ก็คือ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นั่นแหละ 

รับประกัน..อาตมาโดนปืนใหญ่สี่ร้อยกว่านัดยังไม่เป็นอะไรเลย

 

สมัยนั้นอาตมาอยู่ชายแดน ๑๓ เดือน ปะทะ ๒๖ ครั้ง 

เพื่อนตายไปเกือบ ๓๐ คน แต่อาตมาไม่เคยมีอะไรมาแผ้วพาน 

 

เพราะฉะนั้น..

ผ้ายันต์พิชัยสงครามจะเป็นวัตถุมงคลที่อาตมามั่นใจที่สุด ไปไหนก็พกไปด้วย 

สมัยอยู่ชายแดนก็พกอย่างนี้ ใส่กระเป๋าเสื้อเครื่องแบบไว้

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งเพิ่งจะเบิกเบี้ยเลี้ยง รวม ๆ แล้วสมัยนั้นได้แปดพันบาท 

โดนเพื่อนที่เล่นไฮโลล้วงเงินไป เราก็ตบกระเป๋าดู 

เห็นว่าธงยังอยู่ ไม่เป็นไร..เอาเงินไปถือว่าขอกันกิน 

แต่ถ้าล้วงธงไป ตูจะตามล่าสองหมื่นไมล์เลย..!

 

ธงพิชัยสงครามเป็นวัตถุมงคลที่อาตมามีประสบการณ์มากที่สุด 

เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ญวนเข้าตีโนนหมากมุ่น ปะทะกันตายไปสามร้อยกว่าศพ 

ตลอดเวลาจะมีปะทะเล็กปะทะใหญ่อยู่ทุกวัน อาตมาไปอยู่แนวหน้า ๕ เดือนกว่า 

แค่ช่วง ๕ เดือนปะทะไป ๒๖ ครั้ง เฉพาะประเภทหนัก ๆ ถึงตาย

 

แต่อาตมานิสัยเสีย พอได้ยินเสียงปืน จะวิ่งใส่อย่างเดียวเลย 

คือ วัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาชอบตรงที่ว่า "ยิงออก" 

ชอบจริง ๆ เสียงดังแล้วมันดี แต่ท่านมีกติกานะ 

เสียงปืนดังแน่นมากที่สุดทางด้านไหน เราเข้าทางด้านนั้นจะปลอดภัย 

เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก หลวงพ่อท่านไม่ชอบให้ลูกน้องท่านขี้ขลาด 

ท่านชอบให้ออกทางที่เสียงปืนแน่นที่สุด"

 

"พี่อรรณพ (พ.ต.อ.อรรณพ กอวัฒนา) 

ตอนเป็น ตชด.อยู่ ท่านข้ามไปรบฝั่งลาว พี่อรรณพจำที่หลวงพ่อบอกได้ 

ปรากฏว่าข้าศึกตีฐานแตก พี่อรรณพนึกถึงคำสั่งหลวงพ่อท่านได้ว่า 

เสียงปืนทางด้านไหนแน่นที่สุดให้ออกด้านนั้น พี่อรรณพก็ไปเลย บ้าพอเหมือนกัน

 

ปรากฏว่าปลอดภัยจริง ๆ พี่บอกว่า วิ่งผ่านหน้าพวกนั้น 

เหมือนกับเขามองไม่เห็นเรา แต่หลวงพ่อขออย่างเดียวว่า 

ถ้าเจอข้าศึกตรงหน้าอย่าไปยิงเขา 

เพราะถ้าไปยิงเท่ากับเปิดเผยตำแหน่งตัวเอง

 

พี่อรรณพก็หนีข้ามฝั่งไทยมา ใคร ๆ คิดว่าตายแน่ ๆ 

เพราะละลายทั้งฐานเลย ศัพท์คำว่า ละลาย ของทหาร 

คือหมดสภาพแล้ว ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว"

 

 

พระอาจารย์กล่าวว่า 

"ในเรื่องวัตถุมงคล ถ้าเรามีความมั่นใจพกแค่องค์เดียวก็พอแล้ว 

อย่างที่บอกกับสารวัตร (สามีคุณนงลักษณ์ ปานบุญทอง) ว่า 

อาตมาอยู่ชายแดนพกธงพิชัยสงครามอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้องพกให้ลำบาก 

เพราะมั่นใจ โดนมาเท่าไรก็ไม่รู้สึกรู้สา โดยเฉพาะวัตถุมงคลของหลวงพ่อ 

อาตมาชอบจริง ๆ เพราะยิงออก 

วัตถุมงคลของหลวงพ่อจะไปในทางแคล้วคลาด

 

การที่ยิงถูกแล้วไม่เข้า 

บางทีก็เจ็บนะ ยิงไม่ถูกเสียเลยจะดีกว่า 

และที่อาตมาชอบคือได้ยินเสียงดัง ๆ แล้วฮึกเหิมมาก"

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ 

ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ (เดือนสุดท้าย)

 

__________________

 

 

พระอาจารย์กล่าวว่า 

"เรื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง 

ที่อาตมาพบเห็นอานุภาพมามากที่สุดคือ ธงมหาพิชัยสงคราม 

อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงที่อยู่ชายแดนพกธงมหาพิชัยสงครามกับเหรียญผู้ชนะสองอย่างเท่านั้น 

ในเหตุการณ์ปะทะใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๐ กว่าครั้ง 

ล้วนแล้วแต่มีธงมหาพิชัยสงครามอยู่กับตัว ก็เลยไม่มีอันตราย

 

แต่เพื่อนฝูงตายไปหลายคน 

รุ่นนั้นนักเรียนนายสิบที่จบมาติดสิบเอกขึ้นชายแดนใหม่ ๆ ตายไป ๘ คน 

ร้อยตรี ๑ คน ร้อยเอก ๑ คน พลทหารอีกรวม ๆ แล้ว ๒๖ ศพ 

เฉพาะหน่วยเดียวนะ ครั้งนั้นเหตุการณ์ยังรุนแรงมาก 

หลังการปะทะใหญ่ที่โนนหมากมุ่นจบลงใหม่ ๆ 

ตอนนั้นโนนหมากมุ่นที่เดียวตายไป ๓๐๐ กว่าศพ..!

 

ตอนนั้นอาตมาพกไปด้วยความมั่นใจ 

เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน 

เหตุการณ์ที่หนักที่สุดก็คือไปโดนเขมรแดงซึ่งสนับสนุนโดยทหารญวน 

กระหน่ำด้วยปืนใหญ่ ๔๐๐ กว่านัด อย่างกับนอนไกวเปลอย่างนั้นแหละ 

ปกติของปืนใหญ่ไม่เกิน ๓ นัดเขาก็ปรับเข้าเป้าแล้ว 

เพราะรัศมีฉกรรจ์ที่โดนแล้วตายแน่คือครึ่งกิโลเมตร 

งวดนั้นคนปรับปืนที่เขาเรียก ผตน. (ผู้ตรวจการหน้า) ไม่รู้ตาถั่วอีท่าไหน ? 

ปรับอยู่ ๑๕ นาที ๓ กระบอก ๔๐๐ กว่านัด ข้ามฐานยังข้ามไม่ได้เลย 

ตกอยู่แค่หน้าฐานเท่านั้น ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐานจริง ๆ

 

เพราะฉะนั้น...

ธงมหาพิชัยสงครามจึงเป็นวัตถุมงคลที่อาตมามั่นใจที่สุด 

แล้วที่ชอบมากที่สุดก็คือยิงออก ชอบตรงยิงออกเพราะว่าเป็นคนชอบเสียงดัง 

ฟังแล้วมันดี พอได้ยินเสียงปืนเท่านั้นจะวิ่งสวนท่าเดียว พวกต้องคอยดึงเอาไว้ 

ถ้ายิงไม่ออกแล้วรู้สึกว่าหารสชาติของชีวิตไม่ได้ อะไรเงียบ ๆ ก็ไม่รู้

 

โดยปกติคือ "ทหารออกรบ ๑ กองร้อย หลวงพ่อไปด้วย ๑ กองพล" 

คือแต่ละคนพกเต็มคอไปหมด ที่พกไปแค่ ๒ ชิ้น

อย่างอาตมานี่ถือว่านอกเหตุเหนือผลมาก"

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ 

ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๐

 

---------

 

ธงมหาพิชัยสงครามพอพ้นจากหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว 

คนอื่นก็ทำก็ได้แค่สวยเท่านั้น 

ท่านบอกว่าอานุภาพได้ไม่ถึง ๕ เปอร์เซ็นต์ 

เพราะว่าไม่ใช่เชื้อสายของท่าน

 

ท้าวมหาชมพูก็คือพระร่วง 

ท่านเป็นเจ้าของธงมหาพิชัยสงคราม 

ในเมื่อหลวงพ่อท่านไม่มีลูกไม่มีหลานที่สืบสายท่านโดยตรง 

ท่านจึงถวายตำราพระร่วงให้กับในหลวงไป 

ด้วยความที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินสามารถเริ่มต้นสายวิชาการใหม่ได้ทุกประเภท 

อยู่ในลักษณะที่ทรงประทานให้ 

 

เพราะฉะนั้น..

ใครอยากได้ให้ไปขอจากในหลวง ถ้าในหลวงประทานให้

ถือว่าท่านครอบครูให้เราเป็นต้นสายใหม่

 

วิชาการอะไรที่ขาดช่วงลง ในหลวงสามารถที่จะครอบครูให้ใหม่ได้ 

เพราะถือว่าท่านเป็นทั้งเจ้าฟ้าเป็นทั้งเจ้าแผ่นดิน เขาถือกันอย่างนี้มาตั้งแต่โบราณ

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔

 

---------

 

ถามตอบเกี่ยวกับ ผ้ายันต์พิชัยสงคราม
ของ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ที่มีการฝากคำถามและท่านตอบไว้

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

ถาม : ผ้ายันต์พิชัยสงคราม สามารถตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ แจกให้กับคนอื่นได้ไหมครับ ? 

หมายถึงกรณีที่มีผืนเดียวแล้วมีคนต้องการหลายคน หรือภาวะในช่วงสงคราม 

ถ้าจำเป็นจะต้องแบ่งสามารถตัดแบ่งได้ไหมครับ ?

 

ตอบ : เพื่อความปลอดภัยของเราเอง 

ก็ตัดขอบแบ่งให้คนอื่นไป แต่เราเอาตรงกลางไว้...!

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

------------

 

ถาม : ยันต์มหาพิชัยสงครามที่หลวงพ่อบอกว่าห้ามปลุก 

หมายถึง ห้ามปลุกเพื่อลอง ?

 

ตอบ : ห้ามปลุกเพื่อลอง เพราะการทดลองนั้นหมิ่นเหม่มาก 

ถ้าวางกำลังใจผิดเมื่อไร จะกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย 

และธงมหาพิชัยสงครามท่านทำไว้กำลังสูงมาก 

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเตือนไว้ว่า 

ถ้าทานไม่ไหวเดี๋ยวคนปลุกถึงตาย 

ถ้าใครไม่เชื่อทดสอบได้ เผื่อจะไปพระนิพพานเร็วขึ้น..!

 

ถาม : เวลานำไปใช้ต้องปลุกหรือเปล่าครับ หรือนำไปใช้ได้เลย ?

ตอบ : ปลุกตามปกติ ไม่ใช่ปลุกเพื่อลองของ 

ธงมหาพิชัยสงครามมีคาถาปลุกเฉพาะ คือ พุท ธะ สัง มิ 

ไม่ได้ใช้บทอิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ฯ เหมือนกับวัตถุมงคลอื่น

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : ผมเก็บผ้ายันต์ต่าง ๆ เอาไว้ เช่น ผ้ายันต์เกราะเพชร 

ผ้ายันต์พิชัยสงคราม นาน ๆ จะเปิดดูสักครั้ง ปรากฏว่าผ้ายันต์มีรอยสัตว์กัดแทะ 

ไม่ทราบว่าผ้ายันต์ที่มีรอยนั้นจะมีอานุภาพเหมือนเดิมไหม 

เพราะบางผืนแหว่งหายไปเกือบครึ่งผืนเลยครับ ?

 

ตอบ : น่าจะแหว่งไปตามรอยกัดกระมัง..? 

พุทธานุภาพเหมือนเดิมทุกประการ โดยเฉพาะธงมหาพิชัยสงคราม 

สมัยยังไม่ได้บวช หลวงตาวัชรชัยแค่เอาเชือกผูกธงไปล้อเล่นหน่อยเดียว ปลิวติดข้างฝาเลย..! 

ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรเข้า ? เพราะฉะนั้น..ขอให้มีชิ้นส่วนเหลืออยู่ก็เป็นอันว่าใช้ได้

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : ผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามที่เย็บติดกับธงชาติ

แล้วอาราธนาแขวนที่หน้าบ้าน ปัจจุบันเก่าขาดแล้ว 

ถ้าจะเปลี่ยนธงผืนใหม่โดยเลาะผ้ายันต์ฯ 

จากธงเดิมออกมาเย็บติดกับธงใหม่ 

ส่วนธงเดิมจัดเก็บพับใส่ซองวางที่หิ้งพระ 

จะเป็นการถูกต้องเหมาะสมหรือไม่คะ ?

 

ตอบ : ทำได้..

แต่ถ้าจะให้ดีเอาธงใหม่สองผืนมาประกบธงเก่าตรงกลางแล้วเย็บติดไปเลย

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : กระผมได้เช่าผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามมาจากบ้านสายลม 

แต่มีกังวลอยู่หน่อยหนึ่งคือ กระผมพับผ้ายันต์ใส่กระเป๋าสตางค์ 

โดยกระเป๋าสตางค์นั้นใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าและกระผมไม่ได้นั่งทับ 

กระผมทำแบบนี้จะผิดหรือไม่ครับ ?

 

ตอบ : ถ้ายังไม่ได้นั่งทับก็ยังไม่ผิด 

แต่ถ้าจะให้ดีก็เลี่ยมแขวนคอ หรือพับใส่กระเป๋าเสื้อจะดีกว่า

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : ยันต์มหาพิชัยสงครามนี่ถ้าไม่มีเหรียญเอกราช

จะสามารถเลี่ยมแบบเดี่ยว ๆ ไหมครับ ?

 

ตอบ : ได้...แล้วใครเขาบังคับให้เลี่ยมคู่ ?

 

ถาม : รบกวนปลุกด้วยครับ

ตอบ : ปลุกก็ตายห่_พอดี..! 

จำไว้เลยว่ายันต์พิชัยสงครามห้ามปลุกเด็ดขาด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งห้ามไว้ 

ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือหลวงตาวัชรชัยสมัยยังไม่ได้บวช 

พอเขาเอาผ้ายันต์พิชัยสงครามมาวางจำหน่ายที่บ้านสายลม 

จะมีเศษผ้าที่เขาตัดเป็นเส้นเล็ก ๆ ผูกอยู่เป็นมัด 

พอแกะออกหลวงตาก็เอามาคาดหัวแล้วก็ทำท่าให้ถ่ายรูป ไม่รู้เท้าใครเตะมา 

โครมเดียวหลวงตากระเด็นไปติดข้างฝา นั่นแค่เศษ ๆ ผ้าที่เข้าพิธีนะ..ยังห้ามเล่นเลย

 

หลวงตาคอเอียงเลย ต้องให้พี่ ๆ เขามานวดให้ 

พอพี่ตั้วช่วยจับเส้นก็ถึงกับสะบัดมือพรวดเลย 

เหมือนโดนไฟดูด "ไอ้ห่_ มึงไปทำอะไรมาวะ ? ของแรงปานนี้" 

หลวงตาสารภาพว่าเอาเศษผ้าที่ผูกยันต์พิชัยสงครามมาคาดหัวเล่น

 

พี่ตั้วไปเอาน้ำมนต์ของหลวงพ่อมาควั่นข้อมือตัวเองจึงนวดได้ 

ไม่อย่างนั้นจะเข้าตัว หลวงพ่อถึงได้เตือนว่า ธงพิชัยสงครามอย่าปลุก 

ถ้าปลุกแล้วทานกำลังไม่ได้ เดี๋ยวจะตายเอา 

ถ้าจะเป็นประเภทเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นวัตถุมงคลอย่างเดียวที่ห้ามลองด้วยการปลุก 

ใครจะลองก็ไม่ว่า จองเมรุไว้ก่อนเลย..!

 

อะไรที่หลวงพ่อสั่ง นานแค่ไหนอาตมาก็จำไม่ลืม 

เพราะว่าคำสั่งที่ท่านสั่งก็เพื่อประโยชน์ของเราทั้งนั้น

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : เรื่องผ้ายันต์เกราะเพชรและผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม 

ถ้าหากเราเลี้ยงกุมารทองหรือพราย 

เราจะบูชาพกพาหรือนำผ้ายันต์ติดสถานที่อาศัย จะมีผลอย่างไรครับ ?

 

ตอบ : ก็มีผลว่ากุมารทองหรือพรายไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้..!

 

ถาม : อยู่ไม่ได้เลยหรือครับ ?

ตอบ : แสงสว่างกับความมืด ถ้าสว่างแล้วมืดจะอยู่อย่างไร ? 

เพราะตรงกันข้าม ถ้าเสียดายอยากเลี้ยงพรายหรือกุมารทอง

ก็เอาผ้ายันต์ให้คนอื่นเขาไป

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : เป็นรถมอเตอร์ไซค์จะบูชาผ้ายันต์เกราะเพชร

หรือผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามเหน็บติดรถไว้เป็นการสมควรไหมครับ ?

 

ตอบ : แปะหน้ารถไปก็ได้

 

ถาม : กรณีบ้านทางสามแพร่งสามารถบูชาผ้ายันต์เกราะเพชร 

หรือผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามติดไว้หันไปทางหน้าบ้าน 

แทนกระจกเสือคาบดาบยันต์แปดทิศตามคติจีนได้ไหมครับ ?

 

ตอบ : ซื้อกระจกมาแผ่นหนึ่ง เอายันต์เกราะเพชรปิดกระจก 

แล้วก็ติดหันไปทางหน้าบ้าน ได้ทีเดียวสองอย่าง

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : กระผมมีความปรารถนา

จะใช้ทรายเสกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง 

อัปเปหิท่านที่ให้โทษกับท่านที่อยู่เฉย ๆ 

เพื่อทดลองวิชาและความสะใจ จะผิดคำครูหรือไม่ครับ ?

 

ตอบ : คำครูไม่ผิดหรอก 

แต่อย่าเผลอ..เผลอเมื่อไรได้คืนหลายเท่า..! 

รับรองว่าเขาก็เอาจนสะใจเหมือนกัน

มีอยู่รายหนึ่งจนป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลย 

เพราะใช้ธงมหาพิชัยสงครามกับมีดหมอชาตรีวัดท่าซุงไปรังแกท่านที่เฝ้าทรัพย์ 

มีเจตนาไปเอาสมบัติของเขา จนป่านนี้ก็ยังหาเช้ากินค่ำอยู่นั่นแหละ 

เขาตามจองล้างเลย เขาอยู่ของเขาดี ๆ ดันไปเล่นเขาก่อน..!

 

ถาม : ถ้าใช้ทรายเสกอธิษฐานสำหรับท่านที่อยู่แล้วเป็นโทษกับเราละครับ ?

ตอบ :อธิษฐานตามแบบที่หลวงพ่อท่านสอน ไม่ใช่ประเภทใครอยู่เฉย ๆ กูก็ไล่ด้วย..!

 

ถาม : เมื่อไล่ออกจากเขตที่หว่านทรายแล้ว 

ท่านเหล่านั้นจะดักรอผมที่นอกเขตหรือไม่ครับ หรือไปแล้วไปเลย ?

 

ตอบ : บอกแล้วว่าเขารอเอาคืน 

เรื่องของทรายเสกวัดท่าซุงเราสามารถที่จะเติมให้มากขึ้นได้ 

ไปเอาทรายมาสักถังหรือกระป๋องหนึ่งแล้วเอาทรายเสกโรยหน้าแล้วก็คลุกไปเลย ใช้ได้ทั้งกระป๋อง 

ไม่ต้องไปกลัวว่าใช้ถุงเล็ก ๆ ถุงเดียวแล้วจะหมด

 

ถาม : เคยได้รับคำแนะนำจากพระรูปหนึ่ง 

ให้นำเอายันต์มหาพิชัยสงครามพับใส่กรอบแล้วนำไปไว้ที่ศาลพระภูมิ 

ท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผลและผมก็ไม่ได้เจอท่านอีก 

จึงอยากถามถึงเหตุผลผลของการทำเช่นนั้น ว่าเป็นผลดีอย่างไรครับ ?

 

ตอบ : ถ้าเผลอก็หาย..! คนรู้จักของเขาก็หยิบไปสิ..! 

อาตมาก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้พับใส่กรอบ 

ใช้วิธีอัดแผ่นพลาสติกเลย เท่ากับเป็นแผ่นยันต์นั่นเอง 

แล้วอาราธนาท่านติดเอาไว้ในศาลพระภูมิ 

เวลาบูชาพระภูมิเจ้าที่ก็ว่ายาวไปถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ด้วย 

เท่ากับว่าติดอาวุธมหาประลัยให้กับพระภูมิท่าน 

ต่อให้ท่านกำลังไม่ดีขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าพกเครื่องยิงจรวดติดตัว 

คนจะรุกล้ำก็ต้องคิดหนักหน่อย

 

อาราธนาท่านให้ดี 

ก่อนอื่นบอกพระภูมิเจ้าที่ท่านก่อนว่าขออนุญาตทำอย่างนั้น 

อย่างที่สองก็คืออาราธนาบารมีพระขออานุภาพธงมหาพิชัยสงคราม 

สามารถที่จะป้องกันอันตรายทุกอย่างได้ 

และอานุภาพนั้นขออนุญาตให้พระภูมิเจ้าที่สามารถใช้งานได้ด้วย

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

 

-----------

 

ถาม : ยันต์เกราะเพชรมีที่มาจากยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม 

มีข้อห้ามเรื่องห้ามลักขโมยและห้ามดื่มสุรา 

หากในสงครามทหารที่มีธงมหาพิชัยสงครามคุ้มครอง 

ต้องปล้นเสบียงและอาวุธของข้าศึก 

อานุภาพของธงมหาพิชัยสงครามจะคุ้มครองทหารเหล่านั้นหรือไม่ครับ ?

 

ตอบ : ธงมหาพิชัยสงครามไม่ใช่ยันต์เกราะเพชร ไม่มีข้อห้ามแบบนั้น

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : เนื่องจากกระผมห้อยผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามอยู่ 

กระผมจึงอยากจะนำคำอาราธนาผ้ายันต์มาใช้เป็นคำภาวนาด้วย 

จะสามารถทำได้หรือไม่ขอรับ แล้วจะมีอันตรายหรือเปล่าขอรับ ?

 

ตอบ : คำภาวนาทุกอย่างไม่มีอันตรายอะไร สามารถทำได้เป็นปกติ

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : ถ้าติดผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามไว้ประจำที่บังแดดรถยนต์ 

จำเป็นที่คนขับต้องอาราธนาเองถึงจะมีผลหรือไม่ ? 

หากคนที่นั่งไปด้วยหรือไม่ได้นั่งไปเป็นคนอาราธนา

จะมีผลคุ้มครองรถยนต์รวมถึงทุกคนในรถยนต์หรือไม่ครับ ?

 

ตอบ : คนที่อยู่บ้านกินอาหาร เราที่อยู่ในร้านอาหารจะอิ่มไปด้วยหรือไม่ ?

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

 

-----------

 

ถาม : หากได้บริเวณบ้านไม่มีทิศที่เหมาะสมจะตั้งศาลพระภูมิแบบเสาเดียว 

จะตั้งเป็นหิ้งตามทิศนั้นภายในบ้านได้ไหมครับ ? 

ผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามที่พระอาจารย์เคยแนะนำให้ติดที่ศาลพระภูมิ 

ควรติดที่ตำแหน่งไหนครับ ?

 

ตอบ : ได้..ถ้าไปห้องสมุดวัดท่าขนุน 

จะเห็นหิ้งที่มีพระวิสุทธิเทพตั้งอยู่ นั่นคือศาลพระภูมิ..!

 

ผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามถ้าติดในศาลเสาเดียว

 ก็ติดด้านในศาลแทนเจว็ดไปเลย ถ้าเป็นหิ้ง 

เมื่อตั้งหิ้งแล้วก็ติดไว้ตรงกลางเหนือหิ้ง

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓

 

-----------

 

ถาม : ผ้ายันต์พิชัยสงคราม บูชามาแล้วควรจะติดบ้านหรือติดตัวไว้ก่อน ?

ตอบ : ติดตัวได้จะดี หรือไม่ก็ติดบ้านอธิษฐานคลุมทั้งตึกทั้งที่ดินของเราเลยก็ได้

 

ถาม : เก็บไว้กับตัวได้ใช่ไหมคะ ?

ตอบ : อุตส่าห์บูชามาทั้งทีก็เอาติดตัวไว้สิ

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี 

ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕

 

 

-----------

 

มีคนถามหลวงพ่อเล็กว่า ผ้ายันต์เกราะเพชรพับได้หรือไม่ ? 

ท่านบอกว่า "พับไปเถอะ ไม่มีใครว่าหรอก ให้พับด้านที่เป็นยันต์หรือเป็นหัวใจออก 

ถ้าเป็นยันต์พิชัยสงครามก็เอาที่เป็นรูปพระออก 

ถ้าหากว่าพระที่ท่าซุงบอกพับไม่ได้ ก็บอกว่าพระที่วัดท่าซุงนั่นแหละ 

พับก่อนเพื่อนเขาเลย เพราะหลวงพ่อสั่งพับแล้วอัดกรอบแจกเลย 

ตอนที่มีธงแดงคู่กับเหรียญกูผู้ชนะ"

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เล่าสู่กันฟัง ภาค ๑

 

-----------

 

โยมสร้างธงมหาพิชัยสงครามมาถวาย

“ขอมอบคืนจ้ะ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งไว้นักหนาเลยว่า 

นอกจากท่านแล้วไม่ต้องไปทำ พระร่วงท่านไม่สงเคราะห์ อย่าไปทำส่งเดช 

ธงมหาพิชัยสงครามนอกจากหลวงพ่อท่านแล้ว คนอื่นทำไปก็ไม่มีประโยชน์ 

ทำอะไรต้องศึกษาก่อนจ้ะ จะไปทำส่งเดชไม่ได้ 

เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านสั่งห้ามไว้แล้ว”

 

ถาม : แล้วทำอย่างไรดีคะ ?

ตอบ : เอาไปบรรจุฐานพระ ฐานโบสถ์ 

ฐานอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีที่ไหนให้บรรจุก็เอาไปเลย

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน 

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ 

ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๓

 

-----------

 

ถาม : พกพระเป็นสิบองค์เลยค่ะ

ตอบ : สมัยก่อนที่อาตมาจะเข้าวัดท่าซุงก็พกเหรียญหลวงปู่ฝั้นอยู่เหรียญเดียว 

พอเข้าวัดท่าซุงแล้ว สมัยแรก ๆ ก็พกพระปิดตาว่านสบู่เลือดของหลวงพ่อวัดท่าซุงองค์เดียว 

อาตมาเป็นคนชอบพระปิดตามากเลยเพราะว่าท่านอ้วนดี

 

พอหลวงพ่อวัดท่าซุงออกเหรียญวันเกิดมา 

ก็พกเหรียญวันเกิดเหรียญเดียว 

พอหลวงพ่อออกเหรียญกูผู้ชนะประกอบธงมหาพิชัยสงคราม ก็พกเดี่ยวมาตั้งแต่นั้น 

จนกระทั่งเลิกรบราฆ่าฟันกับชาวบ้านแล้ว 

เข้าวัดเข้าวาเต็มตัวก็พกสมเด็จคำข้าวและสมเด็จหางหมาก 

ตอนหลังได้สมเด็จองค์ปฐมมาก็พกอีก ๑ องค์ เท่ากับตอนนี้พก ๓ องค์ 

ไม่เอาอะไรมากมาย มั่นใจองค์ไหนก็พกองค์นั้นไป

 

ถ้ามั่นใจจริง ๆ นี่อาตมามั่นใจธงมหาพิชัยสงครามประกอบเหรียญกูผู้ชนะ 

เพราะว่าอยู่ชายแดนเป็นปีเจอปืนกับระเบิดตลอดเวลา ไม่เคยมีอันตรายเลย 

ต้องบอกว่าเสียทีที่ออกรบ ไม่ได้มีบาดแผลอะไรมาแผ้วพาน ไม่เท่เลย 

ต้องเย็บ ๆ ปะ ๆ บ้างถึงจะดูเท่..!

 

ถาม : ธงพิชัยสงครามให้เด็กใส่ เด็กก็ปลอดภัยใช่ไหมคะ ?

ตอบ : บอกเด็กด้วยว่า ต้องสวดมนต์บ้าง

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔

 

-----------

 

ถาม : จะทำอย่างไรถึงให้ค้าขายดีขึ้น ?

ตอบ : หาธงแดง (ธงมหาพิชัยสงคราม) ของวัดท่าซุงไปติด 

แล้วอธิษฐานขอให้ท่านสงเคราะห์ อาราธนาไว้ทุกวัน

 

ถาม : อยู่ตรงทางสามแพ่งจะมีผลอะไรบ้าง ?

ตอบ : ถ้าหากว่าประตูหน้าเป็นกระจกก็ไม่มีผล 

แต่ทำไปเถอะ..เพื่อความสบายใจ

 

หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

 

----------

#ผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามอานุภาพย่อๆ

๑. ความศักดิ์สิทธิ์ 
ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย 
ปกป้องคุ้มครอง กันคุณผีคุณคน 
ดึงดูดสิ่งๆดีๆมาสู้ผู้ครอบครอง เป็นต้น

๒. ผู้นำไปใช้ 
หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง 
เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา
 ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย 
หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้า
ทะลุท้ายทอยทุกราย

๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ไสยศาสตร์ 
แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)

๔. เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น 
ธงแดงมหาพิชัยสงคราม 
กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน
และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน 
มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้

๕. เรื่องป้องกัน 
หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน
 พายุใหญ่ หรือวาตภัย 
มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ 
ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ 
และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย

 
#อานุภาพของผ้ายันต์

.

ผ้ายันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่น 

เคยทำปาณาติบาต แรงอุปฆาตกรรม จะมาตัดรอนชีวิตเราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร

หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง 

เพียงแค่ให้เราบาดเจ็บไม่ถึงตาย

หากเคราะห์เราไม่ถึงฆาต 

เพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยไม่ให้เราบาดเจ็บเลย 

แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิดก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว 

ลูกปืนที่มากระทบเราจะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น

ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่า "เหรียญเอกราช" ที่ได้รับแจกไป

ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดจะไม่มีผล

.

และทั้งธงและเหรียญจะไม่มีผลในทางป้องกันตัวเลย 

หากเรานำไปใช้ในทางที่ผิดคิดมิชอบ 

หรือยิ่งคนที่คิดคดทรยศต่อชาติบ้านเมืองด้วยแล้ว 

อาตมาอยากให้เขามารับโดยเร็ว 

เพราะเหรียญและธงจะช่วยสนับสนุนให้เขาประสบความวิบัติเร็วเข้า

มีอยู่รายหนึ่งมาขอผ้ายันต์จากอาตมา อาตมาไม่ให้เพราะเกรงว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ผิด จะทำให้ชีวิตเขาสั้นเข้า

.

แต่เขารับรองตนเองเช่นนั้น อาตมาก็มอบให้ไป และได้ทราบต่อมาภายหลังว่า

เขานำผ้ายันต์ไปใช้ในทางที่ผิดตามที่อาตมาคาดการณ์ไว้ 

ผลที่สุดเขาก็ถูกยิงตาย

สุดท้ายนี้ ขอตั้งจิตอธิษฐาน 

ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ทหารทุกคน 

จงมีความสุขความเจริญและปลอดภัย ชนะข้าศึกตลอดกาล..สวัสดี.

.

(อ้างอิงจากหนังสือธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒๐ ประจำ

เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๔๓-๕๒ "ธรรมกถา")


----------

เรื่อง ธงมหาพิชัยสงคราม

แค่ผ้ายันต์พิชัยสงครามป้องกันได้ทุกอย่างแล้ว นั่นทุกอย่างเลยนะ  ไม่ใช่กันอย่างเดียว  เมตตามหานิยม  กันจัญไรหมด

อย่างบ้านที่ถูกฟ้าผ่านะ เขาถือว่าเป็นบ้านที่เป็นจัญไร นี่กันได้ แต่ตำรับของอาจารย์พระร่วงนี้  ธงมหาพิชัยสงครามของพระร่วงนี่ธงใหญ่ ยันต์ใหญ่ ไปดูแล้วอันเดียวกันแต่ยันต์เกราะเพชรนี่เป็นยันต์ยอดธงมหาพิชัยสงคราม

"อย่างติดไว้ตามค่ายทหารนี่จะถูกตีไหมครับ ?"

ไม่ถูกตี อย่างมีรายแรกที่แปลกที่สุดคือว่า นี่รายแรกเลยนะ เจ้าทหารช่างนครสวรรค์ เขาถูกเกณฑ์ให้ไป ถึงเวลาไปมันก็มาขอไป มันก็ไปขึ้นฐานมัน ไปอีก 2-3 วันทุกฐานถูกตีหมด ไอ้ฐานนี้ไม่ถูกตีมันก็คุยเลย ข้าศึกไม่เห็นฐานกู ไปดูจริงๆ รอยเท้าเต็มเลย มันไม่เห็นจริงๆ (หัวเราะ)

ไอ้คำว่าไม่เห็น  มันหมายถึงว่ามันไม่รู้ว่าตั้งที่ไหนใช่ไหม  นี่ความจริงไม่ใช่ มันเข้ามาแล้ว แต่มันไม่เห็น แล้วถูกทุกฐานเป็นยังงั้นจริงๆ  แทบทุกฐานถ้าขึ้นไว้นะ

อย่างฐานเชียงของนี่วันนั้นไปกับสีมา สีมาเขาเป็นแม่ทัพ เอา ฮ. ไป บอกไปเยี่ยมฐานเชียงของทีว่ะ แหม มันตั้งฐานไม่รู้นักรบที่ไหนมันตั้ง ภูเขาเป็นกระทะเลย  สูงสองข้างตั้งอยู่ข้างล่าง นี่ แหม...บอกถ้าคุณเป็นข้าศึก กูไม่ต้องใช้ปืน เอาหินขว้างหัว (หัวเราะ) เห็นธงขาว ทำไมไม่เปลี่ยนธง ธงชาติเขาขึ้นไว้  เขาบอกเปลี่ยนไม่ได้ครับ เปลี่ยนมันยิง  ฮ. ลงไปต้องรีบขึ้น บอก ฮ. วันนี้ไม่ต้องขึ้นหรอก บอกไม่ได้ครับ มันยิง บอกดี ฮ. พัง มึงกับกูก็ตายห่ะอยู่ที่นี่ด้วยกัน ไม่ต้องไปกันหรอก มันก็เลยเชื่อ ไม่ขึ้น ฮ.

มันชินมาแล้วใช่ไหม มันเลยไม่ขึ้น มานั่งคุยบอกเอาธงลง มันบอกลงไม่ได้ครับ ถูกยิง บอกลงมาเถอะ จะเปลี่ยนธงให้ใหม่ และบวงสรวงขึ้น บอกว่าทีหลังถ้ามันยิงมานะเอ็งนอนเฉยๆก่อน พอมันเดินกลับยิงหลังเลย (หัวเราะ) ตั้งแต่วันนั้นไม่มีการถูกยิง  ทุกฐานน่ะไม่ถูกยิง ผ้ายันต์พิชัยสงครามนี่นะ

และมีเจ้าสมานที่ห้วยโกล๋นน่ะ ที่ไฟฉายสู้อาร์ก้า มันยิงตายตั้ง 60 คน มันจะไปขี้  มันขึ้นจากฐาน และไอ้พวกนั้นเข้ามา  สมานไม่รู้  มันก็เอาปืนจี้  ปืนจี้ปั๊บบอก เฮ้ย กูจะไปขี้ (หัวเราะ)

มันไม่รู้ใครเป็นใคร  มันมืดใช่ไหม กูจะไปขี้ มันก็จี้  มันก็ยิง ยิงไม่ติด พอยิงไม่ติดมันก็แน่ใจไม่ใช่เพื่อนแล้ว  ข้าศึกแล้ว เอาไฟฉายตี  สู้กันระหว่างปืนอาร์ก้ากับไฟฉาย

ไอ้นั่นเสียท่าปืนหลุด มันเลยยิงตายก็ยิงยิงกระสุนหมด ยิงกราดใหญ่เลย จนกระทั่ง ทีนี้ผ้ายันต์มันติดไว้ที่หมวกน่ะ เข้าไปแย่งปืน กระสุนหมดแย่งปืนกลเขาน่ะ  โอ...ไม่ใช่ก้อย เช้าเขาสำรวจได้ 60 คน

เดิมผืนใหญ่ไม่รู้จะให้ใครไว้ได้เลยย่อส่วน 
แต่ของทุกอย่างอยู่ครบนะ 
เดี๋ยวนี้มันสบายมันถ่ายรูปได้นี่ 
สมัยก่อนเขียนขนาดนี้ กว้าง 
เขียนตัวเล็กไม่ได้ ต้องเขียนตัวใหญ่ๆ 
เขียนตัวธรรมดาเรานี่ แต่มากเหลือเกิน

ผ้ายันต์ผืนนี้เดิมทีเดียวเมื่อหลวงพ่อปานตายแล้ว 
ฉันไม่ทำอะไรเลย เรื่องปลุกเสกนี่ไม่เอาหมด 
เรียนกับหลวงพ่อปานก็ไม่เรียนเพราะรำคาญ  
รำคาญคน  หลวงพ่อปานท่านดีแสนดี 
ยังมีคนนินทา ไอ้เราทำให้แล้วยังนินทาทำทำไม 
เราคิดยังงั้นใช่ไหม มันอยากนินทา 
นินทาไปกูไม่เหนื่อยก็แล้วกัน (หัวเราะ ) 
ถ้าเหนื่อยแล้วยังนินทาอีกก็แย่หน่อย

และมีคืนหนึ่ง นอนฟังข่าว 
ตามปกติเขาชอบดับไฟ 
ดับไฟมันดีหลายอย่าง 
ถ้าไม่มีเรื่องอื่นเราก็ภาวนาของเราไป 
เมื่อถึงเวลาข่าววิทยุก็เปิดวิทยุไป 
กำลังฟังข่าวนอนบนเตียง หน้าต่างก็ปิด 
หน้าต่างมีลูกกลอน ประตูก็ปิด 
เห็นคนเดินมา นุ่งขาวห่มขาว 
เดินมาพื้นกุกๆๆ แหม หนักเหลือเกิน 
มานั่งเตียงพั๊บ เตียงยวบหมด 
หันไปดูเห็นนุ่งขาวห่มขาว ถามว่าใคร 
บอก ฉัน  บอกฉันคือใคร   
ฉันเป็นพรหมชั้นที่ 8 เป็นเจ้าของตำราท่านปาน
 และตำรานี้สืบทอดกันมา 9 คนแล้ว 
คุณนี่เป็นคนสุดท้ายในตระกูลฉัน 
และทำไมไม่ทำอะไรบ้าง

บอกจะทำทำไม 
ในเมื่อหลวงพ่อปานทำยังถูกด่าถูกนินทา 
ผมนอนให้ถูกด่าถูกนินทาดีกว่าใช่ไหม 
เหนื่อยให้มันนินทา ไม่เหนื่อยมันยังนินทา 
ไม่เหนื่อยดีกว่า

ท่านก็อธิบายคล้ายๆ
 เหมือนกับท่านหยิบตำรามา ไอ้นั่นก็ดี 
ไอ้นี่ก็ดี ทำงั้นทำงี้ ไปๆ มาๆ 
ไม่เอาผมไม่เอาอะไรทั้งหมด 
ไม่ต้องอธิบาย ท่านบอก 
คุณนี่มันดื้อมาทุกชาตินะ 
นี่มันเป็นชาติสุดท้ายยังดื้อ 
บอกถ้าไม่ดื้อมันเสียศักดิ์ศรี (หัวเราะ) ใช่ไหม 
อุตส่าห์ดื้อมาเป็นอสงไขยกัป 
ไอ้กัปหลังจะไม่ดื้อก็ซวย

ท่านนั่งนิ่งไปพักสักครึ่งชั่วโมงและหันมาใหม่ 
เปิดยันต์ผืนนี้ปั๊บ ไอ้นี่เขาเรียกยันต์ใหญ่ 
เรียกว่ายันต์มหาพิชัยสงคราม  
ยันต์ผืนนี้เขาใช้เวลาออกศึก 
และยันต์เกราะเพชรนี่เป็นยอดยันต์มหาพิชัยสงคราม 
ให้เรียนยันต์มหาพิชัยสงคราม ยันต์ผืนนี้ เอานี่อย่างเดียวพอ

ก็นั่งดูไม่ไหว อ่านไม่ไหว  
ท่านบอกอ่านไม่ไหว เราจะต้องไปอ่านทำไม 
เราเขียนเรื่อยไปแล้วเสกแค่ 4 ตัวนี่   
4 คำนี่เสกจริงๆ 4 คำ  บอก 4 คำก็ไม่เอา 
ไม่เอาซะอย่าง คนไม่เอาจะเอากันยังไง

ท่านก็นั่งนิ่งไปอีกพักหนึ่ง 
ท่านกลับหันมาบอกเอางี้ก็แล้วกัน 
ทีหลังคุณทำมาเอาผ้าขาวปูเข้าจุดธูปบอกผม 
ผมมาทำเอง (หัวเราะ) เดี๋ยวเสียวงศ์ตระกูลนะ 
นอกจากคุณแล้วต่อไปทำได้ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์หรอก 
ก็ไม่ช่วยสบายเลย

ตั้งแต่วันนั้นยันวันนี้สบาย 
เวลาทำเราจุดธูปปั๊บเราก็นั่ง 
ท่านบอกให้นั่งเราก็นั่งใช่ไหม 
เอ้าภาวนาว่าอย่างนี้นะ 
เราภาวนาของเราไปทำกรรมฐาน 
ก็ทำกรรมฐานเป็นปกติน่ะ 
แต่ท่านก็ทำของท่านเองแต่เห็นท่านนะ  
ท่านทำให้เห็น  พอทำแล้วท่านจะบอกผล 
บอกผลจะเป็นงั้นๆๆ

แต่เดี๋ยวนี้ยังดีนะ 
เมื่อตอนต้นนั่นท่านบอกว่าของท่านถ้าใครได้ไป  
ถ้าใช้ในทางทุจริตจะถูกยิงที่แสกหน้าทุกรายเลย  
ไปลักขโมยถูกยิงที่แสกหน้าทุกราย 
เป๋งแสกหน้า บอก เอ้อ ลูกศิษย์กูละใช่แล้ว (หัวเราะ)

ความจริงก็ดีเป็นสัญญลักษณ์
จะได้รู้คนเขาคนเรานะ 
ท่านบอกยิงข้างหลัง ยิงข้างหน้า 
ยิงข้างโน้น  ไม่ใช่ลูกศิษย์ฉัน ถ้าแสกหน้าแน่ จบ

(จากธัมมวิโมกข์ 
ฉบับที่ 119 เดือนมกราคม 2534 หน้า 33-35)





วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ออมทรัพย์

หมวดหมู่ สินค้า

พระเครื่อง วัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง (Amulet Thai) [2690]

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม2,907,128 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,981,310 ครั้ง
เปิดร้าน3 มิ.ย. 2558
ร้านค้าอัพเดท20 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

0992542666
พูดคุย-สอบถาม