เหรียญแผ่นยันต์มหายันต์ศรีจักรา(เหรียญดึงดูดเงิน) เนื้อทองแดง (หลังจารย์ยันมือ) ปี2562 #รับประกันแท้ - หลวงพ่อพระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์กา
| รหัสสินค้า | SKU-02604 |
| หมวดหมู่ | พระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิลังการ์ จ.สิงห์บุรี |
| ราคา | 1,550.00 บาท |
| สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
| สภาพ | สินค้าใหม่ |
| ลงสินค้า | 10 พ.ค. 2564 |
| อัพเดทล่าสุด | 29 ธ.ค. 2564 |
| คงเหลือ | ไม่จำกัด |
| จำนวน | ชิ้น |
หยิบลงตะกร้า
Tags : เหรียญ, ยันต์, ศรีจักรา, แขก, ฮินดู, พราห์ม, หลวงพ่อบ๊ะ, พระอาจารย์บ๊ะ, วัดโพธิ์ลัง, พระเครื่อง, วัตถุมงคล, เครื่องราง, ของขลัง
รายละเอียดสินค้า
พระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา
เมตตาจารมือด้านหลังเหรียญ
#เหรียญดูดเงิน
ท่านอธิบายมาว่า เป็นจักระที่ดึงพลังจักรวาลมาเข้าตัว
เสริมพลังงานตัวเราเองให้ดียิ่งขึ้น
มีมานานมาก ๆ
เหรียญขนาดเล็กพกพาง่าย ใส่กระเป๋าเงิน#หายากมากๆแล้วเพราะต่างคนต่างเก็บ
#คนได้ไปมักจะห่วงเพราะลูกศิษย์จะทราบดีว่าท่านเก่ง
...........
มีข้อมูลเพิ่มเติมอีกคือ
มหายันต์ศรีจักรา ปรากฏในคัมภีร์พระเวท คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ อันเก่าแก่ที่สุดกว่าคัมภีร์ใดๆ ที่เคยปรากฏบนโลก มีศาสตร์แห่งการเขียนลวดลายเพื่อสร้างกระแสพลังอำนาจ เรียกว่า “อักกะตัชชารี” หมายถึงการเขียนยันต์รูปแบบต่างๆ ที่ถอดจากคำพูดของพระเจ้า หนึ่งในยันต์ที่เรียกขานกันว่าเป็นมหายันต์ ที่มีอำนาจในการแผ่พลังงานจักรวาลชั้นสูงคือ “ศรีจักรา” ซึ่งเป็นรูปยันต์ที่ความซับซ้อนอย่างยิ่ง ปรากฏเป็นรูปคล้ายดาวหกแฉก ซ้อนกันทั้งหมด สามชั้น โดยรูปทั้งหมดนี้ถูกซ้อนอยู่ในสี่เหลี่ยมจัตุรัสอีกทีหนึ่ง
จุดกึ่งกลางของยันต์นี้ หมายถึงจุดเริ่มต้นของการแผ่ขยายพลังงาน ซึ่งมีอิทธิพลต่อหลายระนาบในมิติต่างๆ เป็นสิ่งที่ให้พลังงาน แก่สรรพชีวิต เป็นตัวแทนของ จักรสหัสราร ซึ่งเป็นจักระที่ตั้งอยู่บนยอดกระหม่อมของมนุษย์ ซึ่งจะสามารถแผ่พลังงานชีวิตเพื่อบำบัดแก่ผู้ครอบครอง และอาจทำให้ปราณของผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้น และอาจนำมาซึ่ง ความนิ่งของจิต ความสงบจากภายใน ยันต์ศรีจักรานี้มีผลทางมายาศาสตร์ในลักษณะต่างๆ อย่างครอบคลุมครบถ้วน ไม่ว่าเรื่องทางโชคลาภ คุ้มครอง เสน่ห์เมตตา ทั้งนี้สุดแท้แต่ผู้ที่ครอบครองจะส่งพลังจิตไปในทางใด
มหายันต์ศรีจักรา..
เครื่องรางแห่งมหาจักรวาล ( ประตูมิติ STARGATE )
ในวัฒนธรรมโบราณ ลัทธิความเชื่อที่มีอยู่ทุกมุมโลก ความเชื่อเกี่ยวกับลวดลายบางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมีระเบียบแบบแผนซ่อนไว้ซึ่งปรัชญาชีวิต ความเชื่อในลวดลายสัญลักษณ์นี้ถือว่าเป็นตัวแทนของตารางพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งถูกแทนขึ้นเพื่อสื่อความหมายของประตูมิติหรือสิ่งที่สามารถแผ่พลังงานชีวิต หรือปราณจักรวาลมาสู่สถานที่และตัวบุคคล
ยันต์ศรีจักรา คือยันต์ที่มีความหมายภายในตัวที่กว้างขวางและลึก มีอิทธิพลต่อหลายระนาบของมิติต่างๆ เป็นทั้งการสื่อพลังงานจักรวาล การสื่อพลังงานของเทพ พรหม จนกระทั่งการเข้าถึงปรัชญาระดับสูง และมีอำนาจในการแผ่พลังงานจักรวาลชั้นสูง จุดกึ่งกลางของพระยันต์นี้ หมายถึง จุดเริ่มต้นของการแผ่ขยายพลังงาน พลังงานที่แผ่ออกมามีลักษณะเป็นระลอกคลื่นขณะเดียวกันก็มีการดึงดูดพลังงานจากจักรวาลเข้ามาสู่ตัวเองการแผ่พลังงานและการดึงพลังงานจักรวาลของศรีจักรานี้ เป็นแบบเดียวกันกับกระบวนการหายใจเข้าออกของมนุษย์ และเป็นปรากฏการณ์เดียวกันกับการดึงพลังงานเข้าและออกของจักรภายในตัวเราด้วย การแผ่พลังงานที่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมซ้อนๆกันนั้น สามเหลี่ยมคือตัวแทนของเวลาทั้งสามอันได้แก่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต และภพทั้งสามคือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ รวมไปถึงพลังงานอันรังสรรค์ของพระเป็นเจ้าอีกสามอย่างคือ แสง น้ำ และอากาศ (ความบริสุทธิ์) เมื่อแรกที่พลังงานจากจุดกึ่งกลางทำการแผ่ออกมา กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมนั่นหมายถึง คุณสมบัติแรกสามประการ ของพระเป็นเจ้า คือ แสง น้ำ และอากาศ เมื่อเกิดแสง น้ำและอากาศขึ้นมาก็เกิดเป็นภพต่างๆ ที่มีความละเอียดต่างๆ กัน และเกิดเป็นเวลาต่างๆ ที่ต่างกันออกไปในแต่ละภพการแผ่พลังงานของศรีจักราแผ่ไปในทิศหลักทั้งสี่คือ เหนือใต้ออกตก และแผ่ไปในทิศทั้ง ๖ คือ ด้านหน้า ด้านหลัง ซ้ายขวา เบื้องบน และเบื้องล่าง ฐานบัวที่ซ้อนกันสองชั้น จาก ๘ เป็น ๑๖ แสดงให้เห็นถึงการขยายพลังงาน ที่คล้ายกับการแย้มของกลีบดอกบัว เป็นแบบทวีคูณและไม่มีที่สิ้นสุดตามแนวของศาสตร์แห่งโยคะ
ดังนั้น... ด้วยคุณลักษณะของการแผ่พลังงานในทุกทิศทางและเกี่ยวเนื่องกับมิติเวลาทุกมิติ รวมไปถึงลักษณะของการแผ่ขยายพลังงานที่คล้ายกับดอกบัวบานนี้ประโยชน์ของศรีจักราจึงมีมากมายนับค่าเป็นมหาศาล แต่โดยหลักแล้วเข้าใจว่า ศรีจักราเป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ในการให้พลังงานแก่ชีวิต ทำการขยายจักรภายในตัวเรา การนำเอาศรีจักรานี้ไปใช้กับการฝึกปราณเป็นเรื่องที่นิยมอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ศึกษาทางโยคะ เพราะเชื่อว่าอำนาจศรีจักราจะทำหน้าที่แผ่พลังงานชีวิต หรือพลังงานในการบำบัดรักษาให้แก่คนไข้...
มันคือความมหัศจรรย์จากภูมิรู้ที่มีมานานนับพันๆปี ก่อนที่จะมีการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ ศรีจักรา คือการสมมุติแผนผังจักรวาลอย่างมีแบบแผนและถูกสัดส่วน ในการแผ่ขยายพลังงานของจักรวาลอย่างเป็นระเบียบและต่อเนื่อง ช่องแต่ละช่องที่เราเห็นในศรีจักราก็คือตัวแทนสมมุติของภพภูมิต่างๆ ที่แผ่ออกมาจากจุดกึ่งกลางจุดกึ่งกลางคือประตูมิติ จากสิ่งที่ไม่มีรูปร่างมาสู่รูปร่างต่างๆ ที่ไม่จำกัด จากความเป็นอมตะมาสู่ปรากฏการณ์ของการเกิดการตายจากความเหนือสมมุติบัญญัติมาสู่ภาวะแห่งมายา
การแผ่พลังงานจากจุดหนึ่งเดียว คือภาวะของจิตที่กระจายไปสู่สิ่งต่างๆ นั่นคือ กระบวนการของมายา การที่จิตรวมเป็นหนึ่ง คือการที่จิตถอดออกจากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ (รวม ๖ อย่าง) กลับเข้ามาสู่ตัวจิตเดิมแท้ที่มีเพียงหนึ่ง การถอดถอนของรูป นาม วัตถุกับพลังงาน (เหรียญสองด้าน) มาสู่ความเป็นหนึ่งเดียว สิ่งเหล่านี้มีไว้ในตัวของศรีจักราทั้งสิ้น...
เข้าใจว่าการคิดค้นมหายันต์ศรีจักรานี้คงไม่ได้เกิดจากการที่ไปศึกษาเรื่องภายนอก อาทิ ดาราศาสตร์ เรขาคณิตเทวศาสตร์ จนนำมาประสานรวมกันกลายเป็นภูมิความรู้ในการสรรสร้างยันต์ศรีจักราขึ้นมา แต่เข้าใจได้ว่าโยคีแต่โบราณ ผู้ได้ฌานสมาบัติ มีดวงตาทิพย์สามารถเห็นสหัสราร เห็นถึงสายพันพลังงานของชีวิตมนุษย์ที่เชื่อมต่อไปสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ ล่วงรู้ถึงรากฐานแห่งพลังงาน การกระทำของเราทุกการกระทำเป็นพลังงาน แม้กระทั่งความคิดด้วยก็ตาม ก็เป็นกระแสคลื่นพลังงานอย่างหนึ่ง เมื่อเราเอาศรีจักราไว้กับตัว ศรีจักรายังทำหน้าที่เป็นตัวบันทึกพลังงานจากการกระทำนั้น โดยหลักทั่วไป พลังงานจากศรีจักราจะทำหน้าที่แผ่พลังงานด้านบวกมาเสมอเพราะเป็นพลังงานรังสรรค์จากพระเป็นเจ้า ศรีจักราไม่แผ่พลังงานด้านลบ นอกจากจะมีผู้นำไปใช้ในวิธีที่ผิด พลังงานจากศรีจักราที่แผ่พลังงานด้านบวกจะทำหน้าที่ต่อต้านความพลังงานด้านลบในตัวคนเราหมายความว่าคลื่นพลังงานด้านลบจากภายในจิตใจเราย่อมถูกขัดขวางจากคลื่นพลังงานสร้างสรรค์ที่ผ่านออกมาจากศรีจักรานั่นเอง
คลื่นพลังงานจากศรีจักราเป็นคลื่นพลังงานที่มีลักษณะเป็นกระแสปราณ คล้ายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันเป็นคลื่นพลังงานกลางๆแต่ยันต์ศรีจักรา กลับส่งพลังงานมหาศาลที่เป็นกลางแล้วค่อยแปรไปตามจิตของผู้ใช้เอาเอง และหากนำยันต์นี้มาไว้กับผู้เล่นปราณยันต์นี้จะทำให้ปราณของผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้น ยันต์นี้จึงเทียบได้กับพลังงานแห่งความสร้างสรรค์ที่มาจากเบื้องบนสู่ภพมนุษย์...
วิธีการฝึก...
พกพาติดตัว หรือ ห้อยคอ
แล้วสร้างมโนภาพ ใช้ความรู้สึก
ระลึกถึงรูปมหายันต์แล้วให้ใช้จิตสัมผัส
แตะเข้าไปตรงจุดกึ่งกลางของเหรียญ
เบาๆสบายๆ จิตจะรู้สึกถึงการขยายออกๆ
เป็นคลื่นๆ เป็นระลอกๆ กว้างๆ ให้ตามกระแสการแผ่ออกไปเบาๆ ละเอียดขึ้นๆ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องเครียด ต้องเบาสบายๆ อย่างมีสติ มีความรู้สึกตัวอยู่ จนเกิดความว่าง จิตเบาสบาย โล่งๆ จนเกิดความเสถียร เมื่อถึงสภาวะหนึ่ง ให้ใช้จิตสัมผัสแตะตรงที่จุดกลางอีก ก็จะเกิดการแผ่ขยายออกไปได้อีกเรื่อยๆ เป็นชั้นๆไป แต่จิตได้เกิดการพัฒนาไปสภาวะสู่จิตที่ละเอียดขึ้นนั้นเอง ขอให้ฝึกแบบนี้ จะเกิดความชำนาญ เป็นวสี... ยืน เดิน นั่ง นอน สามารถระลึกได้ ฝึกได้ตลอด ( ขอเพียงอย่าเพ่ง อย่าเครียด )
การใช้ศรีจักราติดตัว ก็เพียงแขวนให้อยู่ระดับจักระที่สี่คือระดับหัวใจคือ สูงจากกระบังลมประมาณ ๒-๓ นิ้ว (sternum)แต่ถ้าจะใช้ขยายจักระบริเวณใด ให้วางบนจักระนั้นอย่างต้องการขยายจักระ ที่หกเพื่อเพิ่มสมรรถนะตาที่สาม คือความหยั่งรู้หรือปัญญาญาณที่ไม่ใช่เรื่องตาทิพย์เพียงอย่างเดียว ก็นอนหงายทำตัวสบายๆวางจิตใจให้สบายผ่อนคลายหายใจลึกๆสัก๑๐ครั้งวางศรีจักราขนาดติดตัว (อย่าใช้ขนาดตั้งโต๊ะวางนะจะเพราะเดี๋ยวหัวจะยุบมันหนักมาก) ให้จุดพินทุอยู่เหนือระหว่างกลางคิ้วประมาณ ๑-๒ เซนติเมตร หลับตานอก(ปิดเปลือกตา) แล้วเหลือกตาในคือลูกตาเพ่งมองตรงจุดพินทุที่คะเนตามความรู้สึกว่าศรีจักราอยู่ จินตภาพให้เห็นจุดเเสงสีฟ้าอมม่วงลักษณะสว่างใสเป็นประกาย แล้วกล่าวมนตราอะไรก็ได้ที่คุณนับถือถ้ามีบทเฉพาะศรีจักราว่า "โอม ฮะรี ชะรีง นะมะฮา" ว่ายาวๆหายใจลึก ไปเรื่อยๆจะรู้สึกเหมือนเสียวตรงหน้าผาก หรือตึงตรงหน้าผากรักษาอาการนั้นไว้ ทำครั้งละไม่เกิน ๑๐ นาที ห้ามเกินเด็ดขาดเพราะอาจจะปวดศรีษะเนื่องจากจักระขยายเร็วเกินไป ให้หมั่นทำอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้งห้ามเกินวันละ๓ครั้ง ลองฝึกดูผลเป็นอย่างไรยังไม่บอก ของจริงจะรู้ด้วยตัวเองผู้ได้ประสบการณ์อะไรแปลกๆเขียนจดหมายมาจะตอบรายบุคคล
การใช้ศรีจักราในการบำบัดอาการป่วยบางระดับ ที่อาจเป็นการผิดปกติจากความไม่สมดุลของร่างกายที่มีสาเหตุจากร่างกายเองหรือได้รับพลังแฝง วางศรีจักราบนฝ่ามือพินทุอยู่ตรงเส้นสุขภาพของลายมือคะเนกลางฝ่ามือ ให้กำหนดถึงศรีจักรา กล่าวมนตราจนรูสึกถึงพลังที่แผ่มาครอบคลุมจากนั้นนึกถึงเทวะที่ท่านศรัทธากล่าวบูชา(สรรเสริญคุณ) แล้วขออำนาจให้บำบัดอาการดังกล่าว หายใจเข้าออกยาวๆแบบสบายๆ ทำประมาณสิบห้านาทีกำหนดจิต ที่ศรีจักราดึงความศักดิ์สิทธิ์เข้าตัวกล่าวมนตราความเร็วระดับที่รู้สึกว่ากำลังสบายไม่เร็วช้าไป (ใช้ความรู้สึกเราเป็นตัวกำหนด) หากเจ็บปวดที่ไหนให้กำหนดนำ สิทธิอำนาจความศักดิ์สิทธิ์นั้นไปละลายจุดนั้นจินตภาพให้ความป่วยไข้ให้หายไปหายใจออกยาวๆ (ทำเสร็จแล้วควรอาบน้ำชำระไอโรคทันที)
สำหรับการบำบัดอาการเจ็บป่วยให้ผู้อื่นทำลักษณะเดียวกับทำให้ตัวเราเองโดย ขอให้ศรีจักราคุ้มครองเราก่อนจินตภาพกำหนดรัศมีครอบคลุม จากนั้นขอพลังจากศรีจักรา(วางที่มือซ้าย) ให้ผ่านตัวเรา ออกทางมือขวา ห่างจากที่บำบัดประมาณ ๑ นิ้วหรือจะวางสัมผัสเบาๆก็ได้กำหนดพลัง ให้เล็กเเหลมเป็นเส้นปลายเข็มสีขาว (ขั้นต้น) ส่วนระดับกลางระดับสูงต้องแนะนำเฉพาะ กำหนดพลังให้พุ่งไปที่จุดที่ต้องการบำบัดละลายความเจ็บป่วยนั้นถ้าเป็นพลังแฝงพวกวิญญาณร้าย หรืออำนาจลี้ลับจะรู้สึกถึงการต่อต้านเช่นร้อนผ่าว เต้นตุ๊บตุ๊บ หรือ เหมือนเข็มเเทงสวนเจ็บจึกจึก ให้หายใจออกยาวๆ ช้าเร่งภาวนามนตราจะละลายพลังนั้น โดยไม่ยากเคล็ดคือคิดว่ากำลังที่ส่งไปนั้นเเข็งเหมือนหัวเพชร สามารถบดสลายพลังเหล่านั้นได้ทุกพลัง ระหว่างทำต้องต่อจิตกับศรีจักราตลอด(ควรชำนาญในขั้นอื่นๆมาก่อน) การบำบัดพลังแฝงควรขอพลังอำนาจจากเทพที่ชำนาญการปราบอำนาจชั่วร้ายอย่าง นารายณ์ ศิวะ ท้าวเวสสุวัณ พระขันธกุมาร เจ้าแม่กาลี เป็นต้น หลังการบำบัดทุกครั้งไม่ว่าตัวเองหรือทำให้ผู้อื่นต้องกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้พลังอำนาจทุกครั้ง จากนั้นให้อาบน้ำเพื่อชำระไอโรค(อาจเตรียมน้ำโดยใช้อำนาจศรีจักราก็ยิ่งดี โบราณบ้านเราเรียกปรับธาตุ
ขอบคุณแหล่งที่มาดีๆนะครับ
วิธีการชำระเงิน
ชำระเงินผ่านธนาคาร
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ออมทรัพย์
นาย ศราวุธ อุดมสิน
726-xxxxxx-9
ระบบสมาชิก
ธ.กสิกรไทย
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม