พระขุนแผน เกราะเพชร เนื้อผง (พิมพ์เล็ก) ปี2559 - หลวงพ่อเล็ก(พระอาจารย์เล็ก) วัดท่าขนุน

2.พิธีไหว้ครู พุทธาภิเษก และ เป่ายันต์เกราะเพชร

วันที่ 9 กรกฎาคม 2559 ณ วัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี

--------

อ้างอิง

ขุนแผนเกราะเพชร ใช้ผงยานัตถุ์จากหลวงพ่อวัดท่าซุงสร้าง

คือ หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเป่ายานัตถุ์

เป็นประจำ ต้องยี่ห้อลูกสาวหมอมีด้วย ยี่ห้ออื่นก็ไม่เอา

ญาติโยมก็เอาไปถวายท่านมาก พอถวายท่านมาก

ยานัตถุ์ต่อให้บรรจุดีขนาดไหนก็ตาม ก็จะต้องมีรั่วมีซึม

ท้ายสุดกลิ่นก็เริ่มหมด สีก็จะเปลี่ยนจากสีค่อนข้างดำเป็นสีน้ำตาลอ่อน

ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็ให้รื้อออกมาแล้วเลือกเอาขวดที่ยังดีอยู่ให้ท่าน

ที่เหลือท่านก็ส่งให้ บอกว่า "แกจะเอาไปทำอะไรก็เอาไป"

อาตมาก็เทรวม ๆ กันใส่แกลลอนเอาไว้ เทไปเทมาได้เป็นแกลลอนเลย เ

พราะว่ารื้อให้ท่านอยู่หลายปี เฝ้าหน้าห้องท่านอยู่ ๖ ปี รื้อกันอยู่ทุกปี ปีละหลายครั้ง"

" ท้ายสุดปีนั้นท่านทำพุทธาภิเษก อาตมาก็เอาไปซุกเข้าพิธีด้วย

ปรากฏว่าเป็นพิธีที่ท่านเรียกว่า

 “พิธีพร ๓๐ ประการ” ที่ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ ให้พรไว้ ๓๐ อย่าง

อาตมาก็เลยเก็บมาตลอด

แล้วแบ่งออกมาครั้งหนึ่งถวายหลวงพ่อสมคิด วัดตะเคียนงาม

เผื่อท่านเอาไปสร้างวัตถุมงคลจำหน่ายเพื่อสร้างวัดของท่าน

ปีที่แล้วหลวงพ่อสมคิดเอามาถวายคืน บอกว่า

 “ ถึงผมสร้างพระเองก็คงไม่มีใครสนใจจะบูชา ขอถวายคืนพระอาจารย์ก็แล้วกัน”

 อาตมาก็เลยตั้งใจสร้างพระที่ระลึก ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุงด้วยผงยานัตถุ์

จะเป็นพระขุนแผนหลังยันต์เกราะเพชร ก็เลยเรียกว่า "พระขุนแผนเกราะเพชร"

มี ๒ ขนาด ขนาดใหญ่กับขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ด้านหลังบรรจุ

"ตะกรุดหัวใจขุนแผน" ทั้ง ตะกรุดทองคำ ตะกรุดนาก ตะกรุดเงิน อย่างละ ๑ ดอก

ไม่ใช่อย่างเดียว ๓ ดอก ใครอยากได้ตะกรุด ๓ อย่างต้องบูชา ๓ องค์ถึงจะได้ครบ

ส่วนองค์เล็กเป็นเนื้อยานัตถุ์เท่านั้น ไม่ได้ฝังตะกรุด"

__________________

"ตอนนี้ช่างเอามาส่งให้ส่วนหนึ่งแล้ว อาตมากำลังตัดสินใจว่าจะเอาไว้ออกในงาน ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุงเดือนมิถุนายน หรือว่าจะเปิดให้บูชาเลย ต้องบอกว่าน่าจะเป็นครั้งแรกในโลก ที่มีการเอายานัตถุ์หลวงพ่อมาสร้าง แล้วก็เชื่อเถอะ...หลังจากนี้จะมีคนเลียนแบบทันที เพราะว่าสมัยนั้นบางทีหลวงพ่อท่านเป่ายานัตถุ์ไปเหลือครึ่งขวด รู้สึกว่าสีกลิ่นรสเริ่มเพี้ยน ท่านก็จะโยนให้คนใกล้ ๆ โยมก็แย่งกันรับ บางคนก็คว้าผ้าเช็ดน้ำมูกของท่านไปทั้งผืนเลย

ตอนนี้ผงยานัตถุ์ที่อาตมาเหลือเก็บไว้ เหลืออยู่ในขวดโอวัลตินขวดเดียว ที่เหลือเทลงไปสร้างพระหมดเลย ฉะนั้น...ใครเข้าไปในห้องของอาตมา เห็นขวดโอวัลตินอย่าเอาไปชงกินนะ สียิ่งคล้าย ๆ กันอยู่ด้วย ต้องไปเขียนป้ายว่ายานัตถุ์หลวงพ่อ เข้าพิธีปี ๒๕๓๒ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมีคนเอาไปชงกินเสียอีก" 

http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4877

           พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาบอกว่าจะทำขุนแผนทั่วประเทศ อาตมากลัวอยู่แค่ ๒ สำนัก สำนักแรกคือขุนแผนพลายกุมารของหลวงปู่ทิม ซึ่งท่านมรณภาพไปแล้ว อย่างไรก็สู้เราไม่ได้ เพราะพระของท่านราคาแพงแล้ว องค์หนึ่งราคาเป็นแสน ๆ

ส่วนอีกสำนักหนึ่งก็คือกลุ่มของวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งก็หายากพอกัน ส่วนที่เหลือนี่ไม่ได้กลัวหรอก เพราะเรานอกจากเป็นลูกหลานขุนแผนแล้วดันอยู่กาญจนบุรี ทำแล้วท่านไม่ช่วยให้มันรู้ไป ผลิตออกมาชนได้ทุกสำนัก"

ถาม : ขุนแผนมหาเสน่ห์หรือคะ ?

ตอบ : ขุนแผนเกราะเพชรจ้า จะมหาเสน่ห์อะไรกันนักหนา ต้องเรื่องอื่นด้วยสิวะ มหาเสน่ห์ถือเป็นของแถม

ถาม : พระขุนแผนของหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง มีพิเศษไหมครับ ?

ตอบ : ของที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่เราไม่กลัว เรากลัว ๒ สำนักที่ว่ามา ซึ่งก็ไม่มีอะไรให้กลัวแล้ว เพราะของท่านขึ้นหิ้งไปเรียบร้อยแล้ว

ไปนึกถึงหลวงพ่อทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง ท่านก็สร้างขุนแผนเหมือนกัน แต่ขุนแผนท่านดังสู้หลวงปู่ทิมไม่ได้ เพราะว่ามีส่วนผสมของผงพลายกุมารหลวงปู่ทิม เลยกลายเป็นว่าหลวงปู่ทิมต้นตำรับดังกว่า ทั้งที่ท่านเป็นเกจิอาจารย์รุ่นเดียวกัน แต่หลวงพ่อทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง ดังเรื่องสีผึ้ง สีผึ้งท่านหวงสุด ๆ ขนาดลูกศิษย์ไปขอควักให้อย่างเก่งก็แค่หัวไม้ขีด รับประกันว่าต้องการอะไรรีบหามาเลย

พระขุนแผนเกราะเพชรรุ่นนี้ตั้งใจทำจริง ๆ เพราะว่าเมืองกาญจน์เป็นบ้านขุนแผน ต้องบอกว่าไม่ใช่บ้านเกิดก็เป็นบ้านญาติ ไม่ใช่บ้านญาติก็เป็นบ้านที่ท่านไปครองเมืองอยู่ แล้วลูกหลานก็เป็นเจ้าเมืองต่อเนื่องกันมา อาราธนาท่านไว้แล้ว คาถาตอนปลุกเสกก็ได้มาแล้ว ถึงเวลามีหน้าที่รอว่าท่านจะให้ทำอะไรเท่านั้น"

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้ได้คาถาหัวใจขุนแผนฉบับเต็มมา หัวใจขุนแผนฉบับเต็มเป็นของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว มีการอ้างชื่อพระสุรินทรฤๅชัยด้วย นั่นแหละขุนแผนสะท้านเจ้าเมืองกาญจนบุรี ตำแหน่งขุนแผนสมัยโบราณเป็นเจ้ากรมตำรวจ ตลกดี ตอนหลังเปลี่ยนเป็นพระพิเรนทรเทพ แต่สมัยอยุธยาตำแหน่งขุนแผนสะท้านเป็นเจ้ากรมตำรวจ 

ความรู้นอกตำราพวกนี้เดี๋ยวก็จะโดนทีวีช่อง ๙ หาอ้างอิงอีก วันนี้เล่นมาถ่ายสารคดีไปลง มีการถามย้ำอีกว่าจริงหรือไม่จริง ? อาตมานั่งพูดอยู่ตรงนี้ไม่จริงได้อย่างไรวะ...? บอกให้เขาไปค้นจากหนังสือ แต่ก็คงจะไม่ไปค้นหรอก ส่วนใหญ่ใช้วิธีง่าย ๆ คือมาถามเอา"

ถาม : ตามที่พระอาจารย์ได้ให้ข้อมูลมา มีข้อมูลมานานมากหรือครับ ?

ตอบ : ถามว่านานมากไหม ? ถ้าการแต่งเรื่องคุณช้างขุนแผนก็ต้องบอกว่านานมากแล้ว อาตมาเองอ่านหนังสือมามาก ในเมื่ออ่านมามาก ในสิ่งต่าง ๆ ที่รู้ว่าโบราณเขาทำอย่างไรถูกต้อง ก็ตักเตือนกันไปเรื่อย แต่ส่วนหนึ่งก็ฟัง บางส่วนก็ปล่อยผ่านหูไปเฉย ๆ การที่โยมมาถามข้อมูลก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าเราเป็นสื่อมวลชน เราสามารถทำให้ข้อมูลแผ่ไปในวงกว้างได้ง่ายขึ้น 

ถาม : ขอคำยืนยันว่าจริงหรือไม่จริง ?
ตอบ : ถ้าหากว่าจริงหรือไม่จริง มีข้อมูลยืนยันอยู่แล้ว โยมลองไปค้นตามที่ว่ามา 

ถาม : เรื่องนี้ควรเผยแพร่ต่อหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่โยมเห็นว่าเหมาะสม อาตมาก็ยังคงว่าไปเรื่อยถ้ายังไม่หมดแรงเสียก่อน เพราะต้องการให้ทำให้ถูกต้อง เนื่องจากว่าทางวัดเป็นศูนย์วัฒนธรรมของอำเภอด้วย69

ถาม : ที่พระอาจารย์ได้ข้อมูลมานี้ พระอาจารย์ได้ศึกษามาจากหนังสือหรือที่ไหนครับ ?
ตอบ : ทั้งจดจำมาจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาปฏิบัติตามมา ทั้งที่อ่านจากหนังสือและตำราต่าง ๆ สรุปลงได้ว่า ที่พูดมานั้นไปตามที่ตนเองรู้ว่าโบราณเขาถืออย่างไร

-------------------------------

พระอาจารย์กล่าวว่า " ท่านที่รับขุนแผนเกราะเพชรไปแล้ว คาถาปลุกพระ อาตมาอุตสาห์ศึกษามาจากสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ก็คือพระคาถาหัวขุนแผน หนุนด้วยธาตุ ๔ แต่ปรากฏว่าใช้งานไม่ได้

ท่านให้ใช้พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ก็คือ อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธินุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโมฯ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ..."