หลวงพ่อพิจารย์ วิจารโณ หรือ พระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ
วัดโพธิผักไห่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
การศึกษาทางโลก เริ่มจากโรงเรียนชั้นปฐมต้นที่โรงเรียนวัดยายรม ปฐมปลายที่โรงเรียนวัดใหม่สีสุก
มัธยมต้นและมัธยมปลายที่โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ เขตบางขุนเทียน
จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์บัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ชีวิตในวัยเด็ก เนื่องจากอยู่ครอบครัวเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างชาวชนบททั่วไป วัยเด็กติดปู่ ย่า เข้าวัดในวันพระอยู่เสมอ ๆ บางวันต้องพายเรือ นำหมาก พลูและไม้กวาดของโยมย่าไปถวายหลวงปู่บุญมี ( พระถาวรพรหมานุกูล เจ้าอาวาสวัดไทรในขณะนั้น ) จึงได้รับความเมตตาอบรมกรรมฐานเบื้องต้นแต่เยาว์วัย ประกอบกับคติความเชื่อในสมัยนั้น ปู่ ย่า พ่อ แม่ มักนำลูกชายไปถวายเป็นลูกบุญธรรมพระเถระ เพื่อให้เป็นลูกพระลูกเจ้า ว่านอนสอนง่ายและอยู่รอดปลอดภัย กับหลวงปู่ผล วัดหนัง บางขุนเทียน หลวงปู่เอื้อน วัดบางขุนเทียนกลาง หลวงปู่มิ่ง วัดกก เป็นต้น
ชีวิตในชนบท ฝึกให้ต้องมานะอดทนต้องช่วยพี่ๆ พายเรือตามคลองไปส่งส้มและผลไม้ที่ตลาดดาวคะนอง ( เขตจอมทองปัจจุบัน ) ต้องเดินเป็นระยะทางนับเกือบ ๑๐ ก.ม. กว่าจะจบการชั้นมัธยม
ชีวิตในวัยหนุ่ม แม้เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว ยังรักการตระเวนไหว้พระเถระฝากตัวเป็นศิษย์ ขอพรและขอคำแนะนำในภูมิเวทย์ ภูมิธรรมอยู่เสมอ เช่น หลวงพ่อหงส์ วัดบางพลีใหญ่ในจังหวัดสมุทรสาคร หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ จังหวัดสมุทรสงคราม หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จังหวัดนครปฐม พระอาจารย์บุญลือ วัดคำหยาด จังหวัดอ่างทอง หลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง จังหวัดอ่างทอง และครูฆราวาส ต่างมี ครูชุบ ครูเล็ก ครูต้อ ( หลานหลวงพ่อพุธ สารสุข ) ครูนรงค์ เผือกเที่ยง ( ศิษย์หลวงพ่อเพชร กัญถเถโก ) เนืองจากเป็นผู้สนใจในทางเวทย์และอักขระอาคม ขณะอายุได้เพียง ๒๕ ปี ก็สามารถ เขียน อ่าน ตำราอักขระขอมโบราณต่างๆได้เป็นพื้นฐานให้ได้ศึกษาตำรับตำรา สมุดข่อยมากมายในเวลาต่อมา
ชีวิตในร่มกาสาวพัตร อุปสมบทครั้งแรกเมื่อจบปริญญาตรีเป็นการบวชตามประเพณีของชายไทย ณ. วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ( บวชหมู่ ) โดยมีพระครูปัญญานันทะ เป็นอุปํชฌาย์ และได้ลงไปปฏิบัติศึกษากับหลวงพ่อพุทธทาส ที่สวนโมกข์พลารามอยู่ระยะหนึ่ง ครั้นพ้นพรรษาก็ได้ลาสิกขาบทประกอบอาชีพการงานอยู่นับสิบปีเศษ เมื่อมีวันหยุดวันว่างก็ยังตระเวนกราบไหว้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายอยู่เสมอๆ ยังขวนขวายในตำหรับตำราอยู่เป็นนิจย์
การอุปสมบท ครั้งที่ ๒ เนื่องจากไม่ได้สมรสมีครอบครัว จึงไม่มีภาระพันธะใดๆ นอกจากทำนุบำรุงบิดามารดาตามหน้าที่ ครั้นโยมแม่ป่วยด้วยอาการความจำเสื่อม ตั้งใจบวชเป็นกุศลเดือนหนึ่ง ขณะอายุได้ ๔๓ ปี โดยอุปสมบท ณ วัดโพธิผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพระครูประจักษ์สุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีได้ค้นพบตำราเก่ามากมาย ในวัดโพธิผักไห่นี้เอง ซึ่งเก็บรักษาไว้แต่โบราณ โดยพระครูพิสิษฐ์สังฆการ อดีต จ.อ. ( ครองวัดแต่พ.ศ. ๒๔๕๙ – พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ) และพระครูบวรสังฆกิจ ( ครองวัด พ.ศ.๒๔๘๐ – พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นศิษย์หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ) ด้วยวัยที่เริ่มมองเห็นสัจจธรรมประกอบกับรักสงบ และสันโดษ จึงอธิฐานชีวิตเพื่อศาสนธรรมตลอดชีพ เริ่มรวบรวมตำราต่างๆ ของวัดโพธิผักไห่ซึ่งมีอยู่มากมาย ตำราของหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ตำราของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เก็บรวบรวมมีดหมอ และฤาษีของครูบาอาจารย์ต่างๆ ขึ้นบูชา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เริ่มสร้างวัตถุมงคลต่างๆเพื่อแจกกฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดและโรงเรียนมาจนปัจจุบันนี้
วัตถุมงคลที่เคยจัดสร้าง
๑.ฤาษีโปร่งฟ้า ปั้นสดจากดิน ๗ ทุ่ง ๗ ท่า ๗ โป่ง ๗ ป่าช้า
และ ผงไม้ไผ่แทงทะลุปล้องสู่ยอด ( ไผ่โปร่งฟ้า )
๒.ตระกรุดสาลิกาลิ้นทองคำ เขียนถวายครูบาอาจารย์และแจกกฐิน ผ้าป่า
จำหน่ายหาทุนต่างๆ ( หลายๆคราวราว ๔๐,๐๐๐ ดอก)
๓.ตระกรุดมหาสะท้อน เป็นคาถายันต์จากใบลานทองคำโบราณค้นพบในเจดีย์ร้างที่อินทร์บุรี
๔.ตระกรุดมหาระงับ เขียนตำหรับของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตริยาธิราช และ ของหลวงปูใจ วัดเสด็จ
๕.ตระกรุดสี่มหาอำนาจ
๖.ตระกรุดพระเจ้า ๑๖ พระองค์ เรียนจากตำราของหลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง
๗.ตระกรุดมหาจักรพรรดิ์ จากตำราวัดประดู่ทรงธรรม สืบทอดโดยตำราหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม
๘.ตระกรุดนารายณ์รวมแผ่นดิน
๙.ตระกรุดอะสิสัตติ พระเจ้าห้ามอาวุธ ตามตำราหลวงพ่อกรอง วัดเทพจันทร์ลอย
อยุธยาและตำราหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ
๑๐.ประเภทพระเครื่อง
ปิดตาแกะไม้โพธินิพพาน
หลวงพ่อโตพิมพ์ชีปะขาวหาย
พระและปิดตา เนื้อผงยาจินดามณีหลายพิมพ์
พระขุนแผนจันทรฤทธิ์ ปลุกเสกฤกษ์จันทร์เพ็ญ
๑๑.ประเภทเครื่องราง
กุมารไม้แกะขนาดบูชา
ลิงไม้แกะ
วัวธนู ดิน ๗ โป่ง
นกสาลิกา ไม้กาหลง
เทวากาหลง รูปเทวดากับนางอัปสร
สีผึ้งจันทร์เพ็ญ
ถุงเงิน ลงยันต์เรียกทรัพย์
ธง เขียนมือต่างๆ
ปลัดไม้ จารมือ