พ่อท่านอิ่ม วัดทุ่งนาใหม่ จ.นครศรีธรรมราช (พระเกจิ สาตใต้ ศิษย์ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์)
ประวัติพ่อท่านอิ่ม วัดทุ่งนาใหม่ นครศรีฯ
#ฉบับสมบูรณ์ที่สุดณตอนนี้
เดิมมีชื่อว่า “นายอิ่ม วุฒิพงศ์”เกิดวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ 2460 วันพฤหัสบดี แรม ๗ ค่ำเดือนอ้าย(๑)ปีมะเส็งอัฐศก จ.ศ. 1278 ร.ศ. 135 เป็นบุตรของ นายแพทย์เอี่ยม วุฒิพงศ์ และนางช่วย วุฒิพงศ์ เกิดที่บ้านยางค้อม อำเภอพิปูน จ.นครศรีธรรมราช
ปัจจุบันพ่อท่านอิ่มมีอายุ104ปี -105ปีแล้ว
พ่อท่านอิ่มมีศักยเป็นหลานของพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เพราะแม่ของพ่อท่านอิ่ม กับพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อท่านอิ่มจึงเรียกพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ว่าน้าหลวงคล้าย
เมื่ออายุ 17 ปี พ.ศ2477 ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยพระครูรังสรรค์อธิมุตต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ.วัดยางค้อม
เมื่ออายุครบ 20 ปี 2480 สามเณรอิ่ม ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ โดยมีพระอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่ออายุ 69 ปี ท่านก็กลับมาอุปสมบทอีกครั้ง ณ.วัดยางค้อม อ.พิปูน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2527 โดยมีพระครูเชาร์วนาภิธาน เป็นพระอุปัชฌาย์
ประวัติพ่อท่านอิ่มเขียนเล่าประวัติเมื่อต้อนเด็กๆ
และต้อนเป็นพระไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่วัดส่วนขันกับพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
เมื่อต้อนเด็กๆอายุราว 4-5 ปี ได้ตามแม่ไปหาน้าหลวงคล้าย ที่วัดส่วนขัน และได้นอนอยู่กับน้าหลวงคล้าย ที่วัดส่วนขัน เพราะศรัทธาน้าหลวงคล้ายมาตั้งแต่จำความได้เพราะแม่พาไปตลอด และน้าหลวงให้ฝึกกรรมฐาน สอนอ่านเขียนขอม ตลอด และที่ป่าช้าเปลววัดในสมัยนั้นไม่เคยกลัวผี เพราะน้าหลวงคล้ายว่าผีไม่มีตัว จึงเชื่อน้าหลวงคล้ายตามที่ท่านพูดว่าผีไม่มี ถ้ามีก็มาให้เราเห็น ไม่รู้ว่าผีมันพูดได้เหมือนคนหรือไม่
ก็ที่เปลวดังกล่าวเขาเผาผีและเก็บศพไว้มากที่เดียวน้าหลวงคล้ายว่ามึงขาดอะไรเล่าไอ้ตัวนุ้ย ก็มีพระอยู่ตามกุฎิเรียงรายในป่าช้านั้น ก็พระบวชใหม่บวชเก่าเขามาเข้ากุฏิ(เข้ากรรมฐาน)กันมากมาย แต่เคยเห็นผีเข้าอยู่ในคน แต่ผีนั้นมักกลัวกับคนที่เป็นหมอ
"เปลวที่ว่านี้เขาเรียกว่าวัดในแต่ฝ่ายคลองกับวัดจริงๆแต่ไม่มีพระสงฆ์อยู่เป็นวัดร้างเขาเล่าเมื่อก่อนเป็นวัดมีพระอยู่แต่มาร้างแต่เราจำได้อยู่ฝ่ายคลองกับที่พระไปเข้ากุฎิ และตามที่จำได้พ่อท่าคล้ายแก่ไปสอนกรรมฐานพระเณรที่นั่นหลายปีเพราะพ่อเราเป็นคนศรัทธาพ่อท่านมากๆ แต่ละปีจะมีพระใหม่พระเก่า มาเข้ากุฎิ(เข้ากรรมฐาน)กันมาก
ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)บวชเป็นเณรปีแรก
มีการจัดเข้ากุฏิ(เข้ากรรมฐาน) ที่วัดยางค้อมตลอดทุกวัน และเมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว น้าหลวงคล้ายได้จัดเข้ากุฏิ(เข้ากรรมฐาน)แบบที่เปรววัดใน แต่รอบนี้จัดที่วัดสวนขันในเปลวทิศตะวันตกของวัด มีพระเณรมากเมื่อตอนอุปสมบทแล้วก็ไปเข้ากุฏิที่วัดสวนขันเหมือนกันมีพระเณรสิบๆ กว่ารูป พอฝึกเสร็จแล้วก็กลับมาวัดยางค้อมและตอนนั้นน้าหลวงคล้ายได้มาที่วัดยางค้อม น้าหลวงคล้ายได้พูดกับพระครูภาวนาพิธานว่า ท่านอิ่มเราเคยสอนวิปัสสนากรรมฐานแล้วที่วัดสวนขัน ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)รู้สึกปลื้มใจ ที่น้าหลวงคล้ายยังไม่ลืมครั้งอดีต
สามเณรอิ่มอุปสมบทเป็นภิกษุและนิมนต์พ่อท่านคล้ายมาพระอุโบสถที่วัดทุ่งนาใหม่
"ดูฤกษ์สร้างฐานอุโบสถ"
ด้วยแรงศรัทธาชาวทุ่งนาใหม่เรื่องโครงการจะสร้างอุโบสถให้ได้ ด้วยพ่อท่านแดงหัวเหล็ก (อดีตเจ้าอาวาส วัดทุ่งนาใหม่) มีความตั้งใจจะสร้างอุโบสถอยู่แล้ว แต่เกิดมรณภาพเสียก่อน กระทั่งชาวทุ่งนาใหม่ไม่ลดละที่จะสร้างอุโบสถจึงพร้อมใจกันโดยนางเนียนกับชาวทุ่งนาใหม่พร้อมใจกันหลายคนได้ไปที่บ้านข้าพเจ้าสามเณรอิ่ม วุฒิพงศ์ ปรึกษากับพ่อเพื่อที่จะให้จัดพิธีอุปสมบท แก่สามเณรอิ่มแล้ว เพื่อไปดำเนินการให้เป็นพระอุโบสถ ขึ้นที่วัดทุ่งนาใหม่ ตอนนั้นข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดยางค้อมกับ พระครูรังสรรค์อธิมุตร์ และพระอาจารย์เชาว์(พระครูเชาวนาภิธาน)
ซึ่งพ่อของข้าพเจ้า อนุญาต แต่พ่อของข้าพเจ้าสนิทสนมกับอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง มากกว่า เพราะพ่อของข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของพระอุปัชฌาย์ปลอดด้วย จึงให้ไปอุปสมบทกับพระอุปัชฌาย์ปลอด ซึ้งมีคุณน้าสาว กรีด จงจิต ภรรยาท่านขุนพิปูน เปรมประดิษฐ์
แก่พาช้างไป 2 ตัวชื่อว่า อีตาขาว กับ ไอ้สับ นิมนต์ท่านอุปัชฌาย์ปลอดเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบท
แก่ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)และข้าพเจ้าก็ได้อยู่กับพระอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง ตามหน้าที่ของสิทธิวิหาริก ที่ต้องปฏิบัติดูแลอาจารย์ผู้ให้อุปสมบทแล้วเรียนวิชาเขียนเลขยันต์ คาถาต่างๆ เพื่อได้ใช้พึงพาตนเอง พอสมควรที่พระอุปัชฌาย์จะสอนให้ ต่อมาข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)คิดถึงพ่อท่านคล้าย ณ วัดสวนขัน เรื่องที่จะสร้างอุโบสถตามเป้าหมายของชาววัดทุ่งนาใหม่ เลยกลับมาวัดทุ่งนาใหม่รุ่งเช้า ฉันอาหารมื้อเช้าแล้ว ได้เดินทางไปวัดสวนขัน โดยการเดินเท้าไปที่วัดส่วนขัน เพื่อปรึกษากับพ่อท่านคล้ายว่าวันไหนดีที่จะทำการสร้างรากฐานอุโบสถ พ่อท่านคล้ายว่าต่อรือ(อีก2วัน) จะขึ้น13 ค่ำเดือน 6 เป็นวันดีมากๆเอาเวลาเช้าๆสักหน่อย เป็นเวลาตั้งรากฐานอุโบสถ เมื่อท่านคล้ายบอกเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ก็ได้เดินเท้ากลับมายังวัดทุ่งนาใหม่ ทันทีเมื่อ พุทธบริษัททุกคนรู้เรื่องก็ พร้อมใจกันกับวันที่พ่อท่านคล้ายบอก เมื่อถึงวันขึ้น 13 ค่ำเดือน 6 พ.ศ. 2480 ช่างมีโอกาสมีหลานหนังแก้ว บวชมาแต่ปกาสัย จังหวัดกระบี่ ได้สวดน้ำพระพุทธมนต์ กับข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม) ประพรหมจุดเป้าหมาย ภูมิฐานอุโบสถ ในวันนั้น ตามฤกษ์ที่พ่อท่านคล้ายได้บอกมา การสร้างอุโบสถก่อสร้างมาเรื่อยๆ ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้อยู่ทั้ง2วัดคือวัดยางค้อมกับวัดทุ่งนาใหม่ ไปๆมาๆ ช่วยสร้างอุโบสถด้วย และอยู่กับพระครูรังสรรค์อธิมุตร์ด้วย แล้วก็ไปเรียนวิปัสสนากับพ่อท่านคล้ายด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ต่อมาปีพ.ศ 2482ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้ลาสิกขา เพื่อไปดูแลคุณพ่อกับคุณแม่ เพื่อช่วยกิจการงานต่างๆทำหน้าที่ของลูก หากเพราะท่านทั้งสองก็เริ่มแก่แล้ว ตามอายุ พ่อขอข้าพเจ้าเป็นนายแพทย์ประจำอำเภอ ข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรียนสรรพวิทยาเรื่องยาต่างๆ จากพ่อตามสมควรที่จำได้
มาสร้างอุโบสถรอบที่2โดยพ่อท่านคล้าย
การสร้างพระอุโบสถนี้ก็เงียบหายมา 4 ปี พ.ศ 2486 เพราะไม่มีทุนและ ไม่มีผู้เป็นช่างที่จะต่อเติมได้ วันนั้นตรงกับวันพระ มีผู้สนใจพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกเหนือแต่เณรอิ่มแล้วไม่มีใครเลย ที่สามารถไปนิมนต์พ่อท่านคล้าย ที่วัดสวนขันได้ นอกเหนือจากนี้เณรอิ่มแล้ว ไม่มีใครความสามารถที่จะไปรับพ่อท่านคล้ายได้เลย ถึงชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันทั้งนั้นว่ามีแต่เณรอิ่มเท่านั้นที่สามารถไปพาพ่อท่านคล้ายมาได้ ต้อนนั้นอยู่กันที่โรงครัว แล้วต่างคนต่างถามข้าพเจ้าว่ามีความสามารถไปรับพ่อท่านคล้าย มาได้หรือไม่
ซึ่งข้าพเจ้านายอิ่ม รับว่า รับรองว่าจะไปนิมนต์พ่อท่านคล้ายมาได้แน่ๆเพราะรู้จักกับพ่อท่านคล้ายมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ และเมื่อตอนบวชเป็นพระก็เคยไปฝึกกรรมฐาน และไปมาหาสู่กับพ่อท่านคล้ายอยู่ตลอด และต่อมาข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้ชวนเพื่อน 2 คน บอกว่าไปหาพ่อท่านคล้ายที่ วัดคุดด้วนไปไหมทั้ง2คน ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไป ก็เลยเตรียมตัวเวลาประมาณ 12:00 น ออกจากวัดทุ่งนาใหม่ต่างคนต่างเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมงถึงวัดสวนขันประมาณ ตี 5:00 น(17.00น) นั่งคุยกับ พ่อท่านคล้ายๆตกลงว่าจะมาสร้างอุโบสถให้ และพ่อท่านคล้ายถามว่าจะไปสร้างตอนไหน่ ซึ่งข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ว่าไปคืนนี้เลย พ่อท่านคล้ายก็บอกว่าได้ เออดีเหมือนกันไม่ร้อน ออกจากวัดสวนขันประมาณตี 7 (19 .00น) และแล้วก็เดินทางมาถึงวัดมะปรางงามประมาณ ตี10 (22.00) กลางคืน พอถึงวัดมะปรางงามก็เห็นพระนั่งเฝ้าศพอยู่ 1 รูป และเห็นเขาเล่นการพนันอยู่ประมาณ 40 คน ข้าพเจ้าหาม(แบก)พ่อท่านคล้ายมาถึงก็แวะนั่งข้างศพ พ่อท่านคล้ายว่า นะโม 3 จบ แล้วก็สวดเหมือนพระสวดปกตินี่แหละ แต่แก่สวดผู้เดียว ก็คนที่เฝ้าศพได้เอาสตางค์แดง 9 สตางค์ใส่พานถวายพ่อท่านคล้าย แล้วก็เดินทางต่อมาถึงวัดทุ่งนาใหม่ พอรุ่งเช้าพ่อท่านคล้ายบอกว่าต้องหาไม้เนื้อแข็งมาทำไม้คานอุโบสถ ซึ่งตอนนั้นพ่อท่านคล้ายได้ชี้นิ้ว ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ปัจจุบันคือบ้านนามวล ว่าทางทิศนั้นและ มีไม้เนื้อแข็งชื่อไม้หลาโอน ให้ไปเอาตะ ซึ่งข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)และคณะชาวทุ่งนาใหม่ประมาณ 8 คนได้ขี่ช้างไปหาไม้หลาโอน ซึ่งพอไปถึงบริเวณดังกล่าวแล้วได้พบกับ พรานล่าสัตร์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้พอดี พวกข้าพเจ้าได้ถามพรานว่ารู้จักต้นหลาโอนไหม พอดีพ่อท่านคล้ายใช้ให้มาเอาไปสร้างอุโบสถ พรานตอบว่าล่าสัตว์อยู่ที่นี่นานแล้วยังไม่รู้จักต้นหลาโอนเลย ซึ่งพอดูไปดูมาต้นหลาโอนก็คือต้นไม้ที่พรานนั่งอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเอง
มีพุ่มหญ้าเถาวัลย์ขึ้นเต็มต้นดูได้ยาก
ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม) ขอให้ท่านใช้ปัญญาขบคิดพิจารณาเอาเอง ว่าปุถุชนอย่างเรารู้ได้ยาก ถึงกฤษฎาภินิหารของพ่อท่านคล้าย
ถึงแม้จะลาสิกขาแล้วก็ไปมาหาสู้กับพ่อท่านคล้ายตลอด
เพราะยังไงข้าพเจ้าก็สนิดสนมกับพ่อท่านคล้ายเป็นอย่างดี ต้อนเสกพระวัดส่วนขัน 7วัน7คืน ข้าพเจ้าก็อยู่ด้วย ครึ่งหนึ่งข้าพเจ้าได้พักอยุ่กับพ่อท่านคล้าย ต้อนนั้นมีพระกับ แมีชีแอบรักกันภายในวัดสวนขัน พ่อท่านคล้ายเลยบอกว่าให้สึกสะ เเล้วก็ให้เชิญหมอมาทำพิธีสวด4ทิศของวัด แต่ก็ไม่มีหมอไดเลยกล้าจะมาทำพิธีให้ พ่อท่านเลยบอกกับข้าพเจ้าว่า ทำที่ตะเณรอิ่ม(พ่อท่านคล้ายมั้งเเรกชื่อข้าพเจ้าว่า เณรอิ่ม) สวดโองการแล้วประน้ำมนต์4ทิศ เดียวเราช่วยเอง (พ่อท่านคล้าย ) เวลาข้าพเจ้าอยู่พิปูน ก็มั้งจะนิมนต์พ่อท่านคล้ายมาฉันอาหารที่บ้านเป็นประจำ
พ่อท่านอิ่มกลับสู่เพศพรหมจรรย์อีกครั้ง
เมื่ออายุได้69 ปี ได้เกิดความเบื่อหน่ายต่อโลกภายนอกหลังจากที่ได้เกษียณอายุประธาน อสม ช่วยเหลือฯสังคมต่างๆ ต่อมาก็ได้อุปสมบทกับพระครูเชาร์วนาภิธาน พระอาจาร์พี่เลี้ยงครั้งบวชต้อนแรก เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2527
และต่อมาทางวัดทุ่งนาใหม่ได้ขาดพระภิกษุที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านพระครูเชาร์วนาภิธาน เจ้าคณะอำเภอพิปูนขณะนั้น ได้ส่งพ่อท่านอิ่ม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งนาใหม่ ปี2536 9 พรรษาขณะนั้น พ่อท่านอิ่มเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ได้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัด เช่นศาลา เมรุ มณฑป
อีกต่างๆมากม้าย ทั้งนี้พ่อท่านอิ่ม ยังเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมทั้งในวัด และโรงเรียน พ่อท่านอิ่มยังเป็นพระที่ชอบสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษาเด็กทุกปี แม้ปัจจุบันนี้ก็ยังให้ทุนการศึกษา เลี้ยงอาหาร ซื้อเสื้อผ้า ต่างๆให้กับเด็กในร.ร
พ่อท่านอิ่มสืบวิชาพุทธาคมมาจาก
1 พ่อท่านปลอด วัดนาเขลียง
2พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
3พระครูรังสรรค์อธิมุตร์(แดง)
4เรียนตำรายาต่างๆจากพ่อ (นายเอี่ยม วุฒิพงศ์)
พ่อท่านอิ่มเป็นพระเกจิอาวุโส ๑๐๔ ปี แห่งลุ่มน้ำตาปี
ที่เปี่ยมเมตตาธรรมสูง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ เชี่ยวชาญสรรพเวทวิยาคม วัตถุมงคลเข้มขลังเปี่ยมพลังพุทธคุณมากประสบการณ์ แคล้วคลาดนิรันตราย และเมตตา มหานิยม โชคลาภ เป็นที่ประจักษ์แก่คณะศิษย์ที่บูชา ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ ชานหมาก ชานยา ลูกธนูคต ลูกขนมโค นางกวัก พระพุทธพิมพ์ต่างๆ รอยมือ ตะกรุด สีผึ้ง น้ำมันเมตตา ผ้ายันต์
คาถาบูชา เมตตามหาลาบพ่อท่านอิ่ม
พุทธัง เมตตา จะมหาลาภัง จะมหาลาโภ
ธัมมัง เมตตา จะมหาลาภัง จะมหาลาโภ
สังฆัง เมตตา จะมหาลาภัง จะมหาลาโภ
พ่อท่านอิ่ม ปัญญาวุโธ นะโมพุทธายะ เมรักขันตุ
#เรื่องเล่านี้เป็นส่วนหนี่งที่พ่อท่านอิ่มได้เขียนในหนังสือประวัติของท่าน
#คัดลอกมาจากหนังสือประวัติพ่อท่านอิ่มเขียนไว้ปี2542
#จากที่พ่อท่านอิ่มเล่าให้ฟังบ้างและหลักฐานต่างๆบ้าง
#ฉบับสมบูรณ์ที่สุดณตอนนี้
เดิมมีชื่อว่า “นายอิ่ม วุฒิพงศ์”เกิดวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ 2460 วันพฤหัสบดี แรม ๗ ค่ำเดือนอ้าย(๑)ปีมะเส็งอัฐศก จ.ศ. 1278 ร.ศ. 135 เป็นบุตรของ นายแพทย์เอี่ยม วุฒิพงศ์ และนางช่วย วุฒิพงศ์ เกิดที่บ้านยางค้อม อำเภอพิปูน จ.นครศรีธรรมราช
ปัจจุบันพ่อท่านอิ่มมีอายุ104ปี -105ปีแล้ว
พ่อท่านอิ่มมีศักยเป็นหลานของพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เพราะแม่ของพ่อท่านอิ่ม กับพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อท่านอิ่มจึงเรียกพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ว่าน้าหลวงคล้าย
เมื่ออายุ 17 ปี พ.ศ2477 ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยพระครูรังสรรค์อธิมุตต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ.วัดยางค้อม
เมื่ออายุครบ 20 ปี 2480 สามเณรอิ่ม ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ โดยมีพระอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่ออายุ 69 ปี ท่านก็กลับมาอุปสมบทอีกครั้ง ณ.วัดยางค้อม อ.พิปูน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2527 โดยมีพระครูเชาร์วนาภิธาน เป็นพระอุปัชฌาย์
ประวัติพ่อท่านอิ่มเขียนเล่าประวัติเมื่อต้อนเด็กๆ
และต้อนเป็นพระไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่วัดส่วนขันกับพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
เมื่อต้อนเด็กๆอายุราว 4-5 ปี ได้ตามแม่ไปหาน้าหลวงคล้าย ที่วัดส่วนขัน และได้นอนอยู่กับน้าหลวงคล้าย ที่วัดส่วนขัน เพราะศรัทธาน้าหลวงคล้ายมาตั้งแต่จำความได้เพราะแม่พาไปตลอด และน้าหลวงให้ฝึกกรรมฐาน สอนอ่านเขียนขอม ตลอด และที่ป่าช้าเปลววัดในสมัยนั้นไม่เคยกลัวผี เพราะน้าหลวงคล้ายว่าผีไม่มีตัว จึงเชื่อน้าหลวงคล้ายตามที่ท่านพูดว่าผีไม่มี ถ้ามีก็มาให้เราเห็น ไม่รู้ว่าผีมันพูดได้เหมือนคนหรือไม่
ก็ที่เปลวดังกล่าวเขาเผาผีและเก็บศพไว้มากที่เดียวน้าหลวงคล้ายว่ามึงขาดอะไรเล่าไอ้ตัวนุ้ย ก็มีพระอยู่ตามกุฎิเรียงรายในป่าช้านั้น ก็พระบวชใหม่บวชเก่าเขามาเข้ากุฏิ(เข้ากรรมฐาน)กันมากมาย แต่เคยเห็นผีเข้าอยู่ในคน แต่ผีนั้นมักกลัวกับคนที่เป็นหมอ
"เปลวที่ว่านี้เขาเรียกว่าวัดในแต่ฝ่ายคลองกับวัดจริงๆแต่ไม่มีพระสงฆ์อยู่เป็นวัดร้างเขาเล่าเมื่อก่อนเป็นวัดมีพระอยู่แต่มาร้างแต่เราจำได้อยู่ฝ่ายคลองกับที่พระไปเข้ากุฎิ และตามที่จำได้พ่อท่าคล้ายแก่ไปสอนกรรมฐานพระเณรที่นั่นหลายปีเพราะพ่อเราเป็นคนศรัทธาพ่อท่านมากๆ แต่ละปีจะมีพระใหม่พระเก่า มาเข้ากุฎิ(เข้ากรรมฐาน)กันมาก
ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)บวชเป็นเณรปีแรก
มีการจัดเข้ากุฏิ(เข้ากรรมฐาน) ที่วัดยางค้อมตลอดทุกวัน และเมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว น้าหลวงคล้ายได้จัดเข้ากุฏิ(เข้ากรรมฐาน)แบบที่เปรววัดใน แต่รอบนี้จัดที่วัดสวนขันในเปลวทิศตะวันตกของวัด มีพระเณรมากเมื่อตอนอุปสมบทแล้วก็ไปเข้ากุฏิที่วัดสวนขันเหมือนกันมีพระเณรสิบๆ กว่ารูป พอฝึกเสร็จแล้วก็กลับมาวัดยางค้อมและตอนนั้นน้าหลวงคล้ายได้มาที่วัดยางค้อม น้าหลวงคล้ายได้พูดกับพระครูภาวนาพิธานว่า ท่านอิ่มเราเคยสอนวิปัสสนากรรมฐานแล้วที่วัดสวนขัน ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)รู้สึกปลื้มใจ ที่น้าหลวงคล้ายยังไม่ลืมครั้งอดีต
สามเณรอิ่มอุปสมบทเป็นภิกษุและนิมนต์พ่อท่านคล้ายมาพระอุโบสถที่วัดทุ่งนาใหม่
"ดูฤกษ์สร้างฐานอุโบสถ"
ด้วยแรงศรัทธาชาวทุ่งนาใหม่เรื่องโครงการจะสร้างอุโบสถให้ได้ ด้วยพ่อท่านแดงหัวเหล็ก (อดีตเจ้าอาวาส วัดทุ่งนาใหม่) มีความตั้งใจจะสร้างอุโบสถอยู่แล้ว แต่เกิดมรณภาพเสียก่อน กระทั่งชาวทุ่งนาใหม่ไม่ลดละที่จะสร้างอุโบสถจึงพร้อมใจกันโดยนางเนียนกับชาวทุ่งนาใหม่พร้อมใจกันหลายคนได้ไปที่บ้านข้าพเจ้าสามเณรอิ่ม วุฒิพงศ์ ปรึกษากับพ่อเพื่อที่จะให้จัดพิธีอุปสมบท แก่สามเณรอิ่มแล้ว เพื่อไปดำเนินการให้เป็นพระอุโบสถ ขึ้นที่วัดทุ่งนาใหม่ ตอนนั้นข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดยางค้อมกับ พระครูรังสรรค์อธิมุตร์ และพระอาจารย์เชาว์(พระครูเชาวนาภิธาน)
ซึ่งพ่อของข้าพเจ้า อนุญาต แต่พ่อของข้าพเจ้าสนิทสนมกับอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง มากกว่า เพราะพ่อของข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของพระอุปัชฌาย์ปลอดด้วย จึงให้ไปอุปสมบทกับพระอุปัชฌาย์ปลอด ซึ้งมีคุณน้าสาว กรีด จงจิต ภรรยาท่านขุนพิปูน เปรมประดิษฐ์
แก่พาช้างไป 2 ตัวชื่อว่า อีตาขาว กับ ไอ้สับ นิมนต์ท่านอุปัชฌาย์ปลอดเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบท
แก่ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)และข้าพเจ้าก็ได้อยู่กับพระอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง ตามหน้าที่ของสิทธิวิหาริก ที่ต้องปฏิบัติดูแลอาจารย์ผู้ให้อุปสมบทแล้วเรียนวิชาเขียนเลขยันต์ คาถาต่างๆ เพื่อได้ใช้พึงพาตนเอง พอสมควรที่พระอุปัชฌาย์จะสอนให้ ต่อมาข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)คิดถึงพ่อท่านคล้าย ณ วัดสวนขัน เรื่องที่จะสร้างอุโบสถตามเป้าหมายของชาววัดทุ่งนาใหม่ เลยกลับมาวัดทุ่งนาใหม่รุ่งเช้า ฉันอาหารมื้อเช้าแล้ว ได้เดินทางไปวัดสวนขัน โดยการเดินเท้าไปที่วัดส่วนขัน เพื่อปรึกษากับพ่อท่านคล้ายว่าวันไหนดีที่จะทำการสร้างรากฐานอุโบสถ พ่อท่านคล้ายว่าต่อรือ(อีก2วัน) จะขึ้น13 ค่ำเดือน 6 เป็นวันดีมากๆเอาเวลาเช้าๆสักหน่อย เป็นเวลาตั้งรากฐานอุโบสถ เมื่อท่านคล้ายบอกเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ก็ได้เดินเท้ากลับมายังวัดทุ่งนาใหม่ ทันทีเมื่อ พุทธบริษัททุกคนรู้เรื่องก็ พร้อมใจกันกับวันที่พ่อท่านคล้ายบอก เมื่อถึงวันขึ้น 13 ค่ำเดือน 6 พ.ศ. 2480 ช่างมีโอกาสมีหลานหนังแก้ว บวชมาแต่ปกาสัย จังหวัดกระบี่ ได้สวดน้ำพระพุทธมนต์ กับข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม) ประพรหมจุดเป้าหมาย ภูมิฐานอุโบสถ ในวันนั้น ตามฤกษ์ที่พ่อท่านคล้ายได้บอกมา การสร้างอุโบสถก่อสร้างมาเรื่อยๆ ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้อยู่ทั้ง2วัดคือวัดยางค้อมกับวัดทุ่งนาใหม่ ไปๆมาๆ ช่วยสร้างอุโบสถด้วย และอยู่กับพระครูรังสรรค์อธิมุตร์ด้วย แล้วก็ไปเรียนวิปัสสนากับพ่อท่านคล้ายด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ต่อมาปีพ.ศ 2482ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้ลาสิกขา เพื่อไปดูแลคุณพ่อกับคุณแม่ เพื่อช่วยกิจการงานต่างๆทำหน้าที่ของลูก หากเพราะท่านทั้งสองก็เริ่มแก่แล้ว ตามอายุ พ่อขอข้าพเจ้าเป็นนายแพทย์ประจำอำเภอ ข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรียนสรรพวิทยาเรื่องยาต่างๆ จากพ่อตามสมควรที่จำได้
มาสร้างอุโบสถรอบที่2โดยพ่อท่านคล้าย
การสร้างพระอุโบสถนี้ก็เงียบหายมา 4 ปี พ.ศ 2486 เพราะไม่มีทุนและ ไม่มีผู้เป็นช่างที่จะต่อเติมได้ วันนั้นตรงกับวันพระ มีผู้สนใจพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกเหนือแต่เณรอิ่มแล้วไม่มีใครเลย ที่สามารถไปนิมนต์พ่อท่านคล้าย ที่วัดสวนขันได้ นอกเหนือจากนี้เณรอิ่มแล้ว ไม่มีใครความสามารถที่จะไปรับพ่อท่านคล้ายได้เลย ถึงชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันทั้งนั้นว่ามีแต่เณรอิ่มเท่านั้นที่สามารถไปพาพ่อท่านคล้ายมาได้ ต้อนนั้นอยู่กันที่โรงครัว แล้วต่างคนต่างถามข้าพเจ้าว่ามีความสามารถไปรับพ่อท่านคล้าย มาได้หรือไม่
ซึ่งข้าพเจ้านายอิ่ม รับว่า รับรองว่าจะไปนิมนต์พ่อท่านคล้ายมาได้แน่ๆเพราะรู้จักกับพ่อท่านคล้ายมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ และเมื่อตอนบวชเป็นพระก็เคยไปฝึกกรรมฐาน และไปมาหาสู่กับพ่อท่านคล้ายอยู่ตลอด และต่อมาข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ได้ชวนเพื่อน 2 คน บอกว่าไปหาพ่อท่านคล้ายที่ วัดคุดด้วนไปไหมทั้ง2คน ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไป ก็เลยเตรียมตัวเวลาประมาณ 12:00 น ออกจากวัดทุ่งนาใหม่ต่างคนต่างเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมงถึงวัดสวนขันประมาณ ตี 5:00 น(17.00น) นั่งคุยกับ พ่อท่านคล้ายๆตกลงว่าจะมาสร้างอุโบสถให้ และพ่อท่านคล้ายถามว่าจะไปสร้างตอนไหน่ ซึ่งข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)ว่าไปคืนนี้เลย พ่อท่านคล้ายก็บอกว่าได้ เออดีเหมือนกันไม่ร้อน ออกจากวัดสวนขันประมาณตี 7 (19 .00น) และแล้วก็เดินทางมาถึงวัดมะปรางงามประมาณ ตี10 (22.00) กลางคืน พอถึงวัดมะปรางงามก็เห็นพระนั่งเฝ้าศพอยู่ 1 รูป และเห็นเขาเล่นการพนันอยู่ประมาณ 40 คน ข้าพเจ้าหาม(แบก)พ่อท่านคล้ายมาถึงก็แวะนั่งข้างศพ พ่อท่านคล้ายว่า นะโม 3 จบ แล้วก็สวดเหมือนพระสวดปกตินี่แหละ แต่แก่สวดผู้เดียว ก็คนที่เฝ้าศพได้เอาสตางค์แดง 9 สตางค์ใส่พานถวายพ่อท่านคล้าย แล้วก็เดินทางต่อมาถึงวัดทุ่งนาใหม่ พอรุ่งเช้าพ่อท่านคล้ายบอกว่าต้องหาไม้เนื้อแข็งมาทำไม้คานอุโบสถ ซึ่งตอนนั้นพ่อท่านคล้ายได้ชี้นิ้ว ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ปัจจุบันคือบ้านนามวล ว่าทางทิศนั้นและ มีไม้เนื้อแข็งชื่อไม้หลาโอน ให้ไปเอาตะ ซึ่งข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม)และคณะชาวทุ่งนาใหม่ประมาณ 8 คนได้ขี่ช้างไปหาไม้หลาโอน ซึ่งพอไปถึงบริเวณดังกล่าวแล้วได้พบกับ พรานล่าสัตร์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้พอดี พวกข้าพเจ้าได้ถามพรานว่ารู้จักต้นหลาโอนไหม พอดีพ่อท่านคล้ายใช้ให้มาเอาไปสร้างอุโบสถ พรานตอบว่าล่าสัตว์อยู่ที่นี่นานแล้วยังไม่รู้จักต้นหลาโอนเลย ซึ่งพอดูไปดูมาต้นหลาโอนก็คือต้นไม้ที่พรานนั่งอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเอง
มีพุ่มหญ้าเถาวัลย์ขึ้นเต็มต้นดูได้ยาก
ข้าพเจ้า(พ่อท่านอิ่ม) ขอให้ท่านใช้ปัญญาขบคิดพิจารณาเอาเอง ว่าปุถุชนอย่างเรารู้ได้ยาก ถึงกฤษฎาภินิหารของพ่อท่านคล้าย
ถึงแม้จะลาสิกขาแล้วก็ไปมาหาสู้กับพ่อท่านคล้ายตลอด
เพราะยังไงข้าพเจ้าก็สนิดสนมกับพ่อท่านคล้ายเป็นอย่างดี ต้อนเสกพระวัดส่วนขัน 7วัน7คืน ข้าพเจ้าก็อยู่ด้วย ครึ่งหนึ่งข้าพเจ้าได้พักอยุ่กับพ่อท่านคล้าย ต้อนนั้นมีพระกับ แมีชีแอบรักกันภายในวัดสวนขัน พ่อท่านคล้ายเลยบอกว่าให้สึกสะ เเล้วก็ให้เชิญหมอมาทำพิธีสวด4ทิศของวัด แต่ก็ไม่มีหมอไดเลยกล้าจะมาทำพิธีให้ พ่อท่านเลยบอกกับข้าพเจ้าว่า ทำที่ตะเณรอิ่ม(พ่อท่านคล้ายมั้งเเรกชื่อข้าพเจ้าว่า เณรอิ่ม) สวดโองการแล้วประน้ำมนต์4ทิศ เดียวเราช่วยเอง (พ่อท่านคล้าย ) เวลาข้าพเจ้าอยู่พิปูน ก็มั้งจะนิมนต์พ่อท่านคล้ายมาฉันอาหารที่บ้านเป็นประจำ
พ่อท่านอิ่มกลับสู่เพศพรหมจรรย์อีกครั้ง
เมื่ออายุได้69 ปี ได้เกิดความเบื่อหน่ายต่อโลกภายนอกหลังจากที่ได้เกษียณอายุประธาน อสม ช่วยเหลือฯสังคมต่างๆ ต่อมาก็ได้อุปสมบทกับพระครูเชาร์วนาภิธาน พระอาจาร์พี่เลี้ยงครั้งบวชต้อนแรก เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2527
และต่อมาทางวัดทุ่งนาใหม่ได้ขาดพระภิกษุที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านพระครูเชาร์วนาภิธาน เจ้าคณะอำเภอพิปูนขณะนั้น ได้ส่งพ่อท่านอิ่ม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งนาใหม่ ปี2536 9 พรรษาขณะนั้น พ่อท่านอิ่มเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ได้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัด เช่นศาลา เมรุ มณฑป
อีกต่างๆมากม้าย ทั้งนี้พ่อท่านอิ่ม ยังเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมทั้งในวัด และโรงเรียน พ่อท่านอิ่มยังเป็นพระที่ชอบสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษาเด็กทุกปี แม้ปัจจุบันนี้ก็ยังให้ทุนการศึกษา เลี้ยงอาหาร ซื้อเสื้อผ้า ต่างๆให้กับเด็กในร.ร
พ่อท่านอิ่มสืบวิชาพุทธาคมมาจาก
1 พ่อท่านปลอด วัดนาเขลียง
2พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
3พระครูรังสรรค์อธิมุตร์(แดง)
4เรียนตำรายาต่างๆจากพ่อ (นายเอี่ยม วุฒิพงศ์)
พ่อท่านอิ่มเป็นพระเกจิอาวุโส ๑๐๔ ปี แห่งลุ่มน้ำตาปี
ที่เปี่ยมเมตตาธรรมสูง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ เชี่ยวชาญสรรพเวทวิยาคม วัตถุมงคลเข้มขลังเปี่ยมพลังพุทธคุณมากประสบการณ์ แคล้วคลาดนิรันตราย และเมตตา มหานิยม โชคลาภ เป็นที่ประจักษ์แก่คณะศิษย์ที่บูชา ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ ชานหมาก ชานยา ลูกธนูคต ลูกขนมโค นางกวัก พระพุทธพิมพ์ต่างๆ รอยมือ ตะกรุด สีผึ้ง น้ำมันเมตตา ผ้ายันต์
คาถาบูชา เมตตามหาลาบพ่อท่านอิ่ม
พุทธัง เมตตา จะมหาลาภัง จะมหาลาโภ
ธัมมัง เมตตา จะมหาลาภัง จะมหาลาโภ
สังฆัง เมตตา จะมหาลาภัง จะมหาลาโภ
พ่อท่านอิ่ม ปัญญาวุโธ นะโมพุทธายะ เมรักขันตุ
#เรื่องเล่านี้เป็นส่วนหนี่งที่พ่อท่านอิ่มได้เขียนในหนังสือประวัติของท่าน
#คัดลอกมาจากหนังสือประวัติพ่อท่านอิ่มเขียนไว้ปี2542
#จากที่พ่อท่านอิ่มเล่าให้ฟังบ้างและหลักฐานต่างๆบ้าง
สินค้า ใน พ่อท่านอิ่ม วัดทุ่งนาใหม่ จ.นครศรีธรรมราช (พระเกจิ สาตใต้ ศิษย์ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์) (3 ชนิด)
แสดงสินค้าที่ 1-3 จากทั้งหมด 3 ชิ้น
บทความ
แนะนำสถานที่ สิ่งศักสิทธิ์ (ที่ ขลังๆขึ้นชื่อ) (ที่ควรไปสักการะบูชาขอพร)
7 ปีที่ผ่านมา
พระพุทธรูป ปางอุ้มบาตรหลวงพ่อเงินไหลมาเทมา หลวงพ่อบ้านแหลมหลวงพ่อร่มไทร------หลวงพ่อไหลมาเทมา วัดท่าซุงศูนย์ปฏิบัติธรรม.. สระบุรีวัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา------จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ ศาลพระพิฆเนศ อาเขตเชียงใหม่-----จังหวัด ชั…
7 ปีที่ผ่านมา
พระพุทธรูป ปางอุ้มบาตรหลวงพ่อเงินไหลมาเทมา หลวงพ่อบ้านแหลมหลวงพ่อร่มไทร------หลวงพ่อไหลมาเทมา วัดท่าซุงศูนย์ปฏิบัติธรรม.. สระบุรีวัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา------จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ ศาลพระพิฆเนศ อาเขตเชียงใหม่-----จังหวัด ชั…
ปู่มังกรขาว อาจารย์กิมน้ำ
7 ปีที่ผ่านมา
หลวงปู่มังกรขาว อาจารย์กิมน้ำ ที่ดาราน้อยใหญ่และนักธุรกิจชาวฮ่องกงต่างเป็นศิษย์ เหลืออยู่ไม่มาก หลวงปู่มังกรขาว หรือ แป๊ะ เล้ง ฮ้วง ลงมาประทับทรง ตั้งแต่ปี 2519 ที่หนองมน และย้ายมาอยู่ที่ใหม่ที่บ้านพักของอาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว เมื่อเดือนธันวาคมปี 2527 …
7 ปีที่ผ่านมา
หลวงปู่มังกรขาว อาจารย์กิมน้ำ ที่ดาราน้อยใหญ่และนักธุรกิจชาวฮ่องกงต่างเป็นศิษย์ เหลืออยู่ไม่มาก หลวงปู่มังกรขาว หรือ แป๊ะ เล้ง ฮ้วง ลงมาประทับทรง ตั้งแต่ปี 2519 ที่หนองมน และย้ายมาอยู่ที่ใหม่ที่บ้านพักของอาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว เมื่อเดือนธันวาคมปี 2527 …
ยันต์อักขระ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
7 ปีที่ผ่านมา
ความหมายของยันต์ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ที่อยู่บนรูปภาพ ยันต์ด้านซ้าย : ยันต์ครูของหลวงพ่อกวย เรียกว่า พระเจ้าห้าพระองค์ ฝอยท่วมหลังช้าง(บางคนเรียก ยันต์ตุ๊กตา) ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์นี้ หลวงพ่อกวย ท่าน เพิ่มจาก ตัว นะ ของ หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง แต่ท…
7 ปีที่ผ่านมา
ความหมายของยันต์ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ที่อยู่บนรูปภาพ ยันต์ด้านซ้าย : ยันต์ครูของหลวงพ่อกวย เรียกว่า พระเจ้าห้าพระองค์ ฝอยท่วมหลังช้าง(บางคนเรียก ยันต์ตุ๊กตา) ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์นี้ หลวงพ่อกวย ท่าน เพิ่มจาก ตัว นะ ของ หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง แต่ท…
รายนาม เกจิ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านเป็น พระสงฆ์ และ ฆราวาส
7 ปีที่ผ่านมา
พระอาจารย์เต๋า เจ้าอาวาสวัดสุวรรณเจดีย์ ศิษย์เจ้าคุณเสงี่ยม พระทองคำแห่งทุ่งมหาราช ศิษย์หัวแหวนหลวงพ่อกวยอีกรูป
7 ปีที่ผ่านมา
พระอาจารย์เต๋า เจ้าอาวาสวัดสุวรรณเจดีย์ ศิษย์เจ้าคุณเสงี่ยม พระทองคำแห่งทุ่งมหาราช ศิษย์หัวแหวนหลวงพ่อกวยอีกรูป
อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน (มีเหรียญที่ไม่ได้ใช้ ก็ใส่ ๆ กระเป๋าไว้บ้าง อย่างไรก็ให้มีเงินติดกระเป๋าอยู่ เป็นการแก้เคล็ด)
7 ปีที่ผ่านมา
"อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน" "อาตมาตื่นนอนมาตอนตีสามก็เริ่มภาวนา จะไปครบจำนวนเอาตอนทุ่มหนึ่ง แปลว่าทั้งวันอยู่กับการภาวนา ผลของคาถาเงินล้านจะทำให้ลาภผลไหลมาเทมา ในสมัยนั้น ถ้านับในส่วนของพระด้วยกันแล้ว นอกจากหลวงพ่อวัดท่าซุง เรื่องการเงินอาตมามีความคล่องต…
7 ปีที่ผ่านมา
"อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน" "อาตมาตื่นนอนมาตอนตีสามก็เริ่มภาวนา จะไปครบจำนวนเอาตอนทุ่มหนึ่ง แปลว่าทั้งวันอยู่กับการภาวนา ผลของคาถาเงินล้านจะทำให้ลาภผลไหลมาเทมา ในสมัยนั้น ถ้านับในส่วนของพระด้วยกันแล้ว นอกจากหลวงพ่อวัดท่าซุง เรื่องการเงินอาตมามีความคล่องต…
ระบบสมาชิก
ธ.กสิกรไทย
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม